bloggang.com mainmenu search

แฮบมาจากเวบไทยคลินิก นะครับ ..


“อาชีพหมอเป็นอาชีพที่พิเศษกว่าอาชีพอื่น เอาตังค์ไปให้แล้วยังไหว้หมอด้วย”

ถ้อยคำข้างบนเป็นคำพูดของนักพูดท่านนึง ที่พูดไว้ตอนอาชีพนักพูดยังรุ่งเรือง

แต่ก่อนฉันก็เชื่อตามนั้น แต่มาคิดอีกที มันก็ไม่ได้จริงเสมอไปดอกนะ

คนไข้ที่ไม่สวัสดีหมอก็มี บางคนอาชีพการงานสูงกว่าเรา เค้าก็ไม่สวัสดีเราก่อน

ว่าที่จริงใครจะสวัสดีหรือไม่สวัสดี สำหรับคนไข้อาจคิดว่าเป็นเรื่องสำคัญ ดังที่นักพูดกล่าวไว้

แต่สำหรับฉัน ไม่เคยคิดว่าเป็นเรื่องสลักสำคัญแต่ประการใด

เค้าไม่สวัสดี ก็ดีแล้ว ฉันจะได้ไม่ต้องละสายตาที่กำลังอ่านประวัติย้อนหลัง ไม่ต้องวางมือจากการลงผล lab ในประวัติเพื่อรับไหว้

ส่วนใครที่สวัสดี ก็ดีเช่นกัน เป็นมารยาทอันดีงามของสังคมไทย ก็เท่านั้น ใครทำอะไรก็ได้แก่คนผู้นั้นอยู่แล้ว ไม่ได้อยู่ที่ผู้รับไหว้

แต่ที่สำคัญสำหรับฉัน คืออัธยาศัยไมตรีอันดีของคนไข้ตะหาก ที่ทำให้เรารู้สึกถึงมิตรภาพที่มีต่อกัน

ว่าที่จริง..... สิ่งที่นักพูดท่านนั้นนึกไม่ถึงก็คือ....

อาชีพหมอเป็นอาชีพพิเศษ เอาตังค์ไปให้แล้วบางทียังเอาของขวัญไปให้อีกตะหาก เรื่องไหว้เป็นเรื่องชิล...ชิล....

ท่ามกลางกระแสข่าวเกี่ยวกับวงการแพทย์ที่ถูกกระพือแต่ในด้านร้ายในช่วงไม่กี ่ปีมานี้

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจาก 30 บาทเป็น 0 บาท ตามด้วยไล่เบี้ย กระแสข่าวแรงยิ่งขึ้น จนฉันแทบเชื่อตามกระแสไปกะเค้าด้วย

ยิ่งมีข่าวหมอฆ่าเมีย ยิ่งทำให้วงการแพทย์ดูร้ายกาจสำหรับคนรับข่าว

เมื่อรู้รายละเอียดของคดีเหล่านี้ แม้จะไม่เห็นด้วย แต่ก็เห็นใจ ทุกคดีล้วนมีแก่นของปัญหาคล้ายคลึงกัน

หมอเหล่านั้นถูกรุกหนัก ต้อนเข้ามุมอับ สั่งสมความโกรธจนกล้าทำสิ่งที่ผิดกฎหมาย

เมื่อเป็นผู้ต้องขัง ก็เป็นนักโทษชั้นดี ช่วยดูแลนักโทษที่ป่วย ทำประโยชน์ให้เรือนจำ

เมื่อหันมามองคนรอบข้างฉัน... ล้วนเป็นหมอที่น่ารักทั้งสิ้น... แบบเดียวกับบรรดาหมอใน TCC Grin

แต่ก็นั่นแหละ คนที่มองโลกในแง่ร้าย....

ฉันถือว่าเค้าเป็นคนมีกรรม ที่ไม่สามารถมองเห็นโลกในด้านที่โสภา ราวกับคนใส่แว่นดำ เห็นแต่โลกที่มืดมน

ต่อเมื่อถอดแว่นดำออก...จึงเห็นความงดงามของโลกกว้าง...

แต่บางคนไม่ได้ใส่แว่นดำแต่ดำที่เลนส์ตา... จึงไม่สามารถถอดออกได้โดยง่าย... ฉันถือว่านั่นเป็นกรรมส่วนบุคคล

แต่สำหรับหมอเราที่เป็นคนในวงการ เมื่อตั้งสติคิดพิจารณาให้ถ้วนถี่ กลับรู้สึกว่าสถานการณ์ไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้น

สัมพันธภาพระหว่างหมอและคนไข้สำหรับฉันแล้ว ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปซักเท่าไหร่ อาจเพราะฉันไม่ต้องตรวจ 0 บาท

อีกทั้งคนไข้ส่วนใหญ่เป็นคนไข้ขาประจำ ซึ่งค่อยๆก่อความสัมพันธ์ในเวลานานพอสมควร

เป็นสัมพันธภาพที่เรารู้กันระหว่างหมอ คนไข้และญาติที่พาคนไข้มาหาหมอ

ยิ่งคนไข้ที่คลินิก ยิ่งศรัทธาหมอ ฉันเองไม่เคยเปิดคลินิก แต่ก็สัมผัสกับความรู้สึกนี้ เมื่อได้รับคนไข้ที่ส่งมาจากคลินิก

หมอนุ ให้มาหาหมอที่ รพ.ให้มาตรวจเลือด.... หมอนุบอกอย่างนั้น บอกอย่างนี้.... หมอนุเก่งอย่างนั้น ดีอย่างนี้... ฯลฯ

ฟังแล้วตาร้อนผ่าวๆ มาหาหมอ ppom แท้ๆ กลับพูดถึงแต่หมอนุ หมอนุ Wink

แต่กับคนนอกหรือคนไข้ขาจร หรือญาติที่ไม่เคยพาคนไข้มาหาหมอ และญาติที่มาเฉพาะตอนคนไข้หนัก

คนเหล่านี้ไม่เคยได้สัมผัสถึงสัมพันธภาพอันดีนี้ จึงถูกกระแสชักจูงไปได้โดยง่าย


สัมพันธภาพเหล่านี้ ส่วนหนึ่งแสดงออกด้วยคำพูด....

อย่างเช่นวันนึง.... ขณะที่ฉันเดินดุ่ยๆเข้าห้องตรวจ นิสัยเดินเร็วแบบไล่ควายติดตัวมาตั้งแต่เรียนแพทย์

ทั้งๆที่นั่งรอหมอตั้งนาน พอคนไข้นั่งลง คำแรกที่พูดก็คือถามฉันด้วยความเห็นใจว่า หมอเหนื่อยมั้ย?

คำพูดที่ดังน้ำทิพย์ ชโลมใจให้หายเหนื่อย...

แต่ฉันกลับยิ้มรับด้วยความละอายแก่ใจ ก็ที่ฉันลงมาสายน่ะ เพราะมัวแต่กินกาแฟและคุยเพลินติดพัน

พอหมอลงตรวจช้า ผู้ช่วยเคยบอกว่าหมอตรวจคนไข้บนตึก จนคนไข้เข้าใจว่าเราเพิ่งลงมาจาก ward

อีกรายนึงเป็นโรคเรื้อรัง 3 เกลอ DM, HT, DLP มา รพ.ทีไร โดนดุทุกทีเนื่องจากลดน้ำหนักไม่ได้

กินยาตั้งเยอะแล้ว ผลเลือดไม่เคยดี บอกให้คุมอาหารก็ไม่คุม อ้างว่าทำงานเรือเดินทะเล ก็ต้องกินอาหารทะเล

เราบอกให้กินปลาก็ได้ กินข้าวกินผักผลไม้ก็ได้ อย่ากินของมัน

แต่แกก็ยังเหมือนเดิม ทำราวกับหมอมีหน้าที่รักษา ก็รักษาไป รักษาให้ผลเลือดออกมาดี

ส่วนชั้นจะกินอะไรก็เรื่องของชั้น หมอสั่งยามาก็แล้วกัน เร็วๆ ชั้นรีบ

พอโดนบ่นบ่อยๆเข้า แกใช้วิธีดื้อเงียบ นั่งเฉย ไม่สบตา ทำหูทวนลม หมอบ่นได้ก็บ่นไป เข้าหูซ้ายทะลุหูขวา

ใช้วิธีเดียวกับที่ฉันใช้กับคนปากมากเป๊ะ คือถ้าเราไม่เถียงด้วย พูดคนเดียว เดี๋ยวก็เมื่อยปากหยุดพูดไปเอง Undecided

กรรมสนองซะแล้วมั้ยล่ะ Tongue

พอเราสั่งยา แกรีบลุกพรวดเดินออกไปราวกับรำคาญซะเต็มประดา เผ่นดีกว่า

เพื่อนหมอ med ด้วยกันเคยบอกฉันว่า ที่เราพูดน่ะ ใช่ว่าเค้าจะไม่รู้ เค้ารู้แต่ไม่ทำ

เราก็รักษาของเราไป เค้าจะไม่ทำก็เรื่องของเค้า พูดมากเสียเวลาเปล่า

ฉันไม่เคยปล่อยวางเรื่องนี้ได้ซักทีสิน่ะ ยังไงก็ขอพูดซักหน่อย ฟังไม่ฟังก็ไม่เป็นไร ย้ำบ่อยๆจนรู้สึกว่าตัวเองเป็น OCD ไปแล้ว

จนกระทั่งวันนึง คนไข้ที่เคยหน้าตาเฉยเมย กลับน้ำหนักลด ผลเลือดดีขึ้น ความดันลดลง

"เก่งมาก ลดน้ำหนักได้แล้ว เห็นมั้ย ผลเลือดก็ดีขึ้นด้วย" แกก็ยังหน้าตายเหมือนเดิม

ครั้งต่อมาเมื่อฉันสั่งยาเสร็จ ไม่ต้องบ่นแล้ว ให้ไปรอรับยา

แกก็โพล่งออกมาว่า “ชั้นไม่ไปรักษาที่ไหน รพ.นี้ดีที่สุด พนักงานอัธยาศัยดี ยาของ รพ.ก็ดี ยา รพ.อื่นไม่ดีเท่าที่นี่”

ได้ฟังครั้งแรก ฉันงง อ้าว!?!..... หายใบ้แล้วเหรอ... ตรงนี้คิดในใจ....

ที่จริงก็ปลื้ม รพ.เรามั่งแหละว้า ไม่งั้นไม่มาประจำอย่างนี้แหละว้า

อ้าว!?!… ชมพนักงาน.... แต่กั๊กไว้ไม่ชมหมอ....หันไปชมยา...

หารู้ไม่ว่า.... ฉันน่ะเป็นหมอ local made ขืนสั่งยา original คนไข้ได้ยากจนหายตัวไปซะก่อนที่โรคจะหาย


นอกจากนี้สิ่งที่คนไข้มักแสดงออกก็คือบรรดาของขวัญของฝากทั้งหลาย

แพทย์เราทุกคนหากทำงานได้ระยะนึง ล้วนได้รับของขวัญจากคนไข้ทั้งนั้น

มากบ้างน้อยบ้าง ตามความสัมพันธ์และสภาพงาน ถ้าเป็นหมอ OPD ก็น้อยหน่อย

ถ้าหมอผ่าตัด มักได้ของขวัญชิ้นใหญ่ ตรงนี้ได้ข้อมูลจากเพื่อนแพทย์ที่สามีเป็นศัลยแพทย์ว่า....

ปีใหม่ทีไรรับกระเช้าไม่หวาดไม่ไหว มากจนต้องแบ่งให้ผู้ช่วย อยู่ รพ.เอกชนด้วยนะนั่น...

บางทียังแบ่งขนมจากกระเช้าของสามีมากินกะเรา เราพลอยได้พ่วงบริโภคจากอานิสงส์ของสามีเพื่อนไปด้วย

ส่วนตัวเองเป็นหมอ med แถมยังขี้เกียจตัวเป็นขน.. มีของขวัญกะเค้าบ้างเพียงเล็กๆน้อยๆ พอประโลมใจ

ในจำนวนเล็กๆน้อยๆเหล่านั้น มีอยู่ชิ้นนึงที่ทำให้ฉันอึ้ง เป็นของขวัญชิ้นแปลกที่สุดตั้งแต่ได้รับจากคนไข้

คนไข้รายนี้ก็เช่นเดียวกับคนไข้อื่นๆ....

คือเป็นโรคเรื้อรัง รักษากันเป็นประจำมานานพอสมควร จัดอยู่ในกลุ่มคนไข้ที่ให้ของขวัญเรานั่นแหละ


เหตุเกิดในวันนึง เมื่อสั่งยาเสร็จ ให้คนไข้ไปรับยา

คนไข้ถามฉันว่า “หมอใส่เสื้อชั้นในไซส์อะไร”

ได้ฟังดังนั้น.... ฉันอึ้งไปพักนึง.....

เฮ่ย...มาถามอะไรไซส์เรา.... อยากรู้ไปทำไม...ห๊ะ.... ฉันคิดในใจ

เห็นเราอึ้ง.... เธอยิ้มกว้าง..... แล้วบอกฉันว่า เธอทำงานโรงงานเสื้อชั้นใน อยากเอาเสื้อชั้นในมาฝากหมอ

โล่งอก....ค่อยยังชั่วหน่อย.... คิดว่ามาทะลึ่งกับเราเดี๋ยวโดนดี Angry

“ไซส์ ssssss ค่ะ”

“หมอชอบแบบไหนคะ”

"แบบ sssssss ค่ะ"

เธอยิ้มแล้วเดินออกไป

นัดครั้งต่อมา เธอมาพร้อมถุงก๊อบแก๊บที่ยังเหลือร่องรอยของใบเสร็จรับเงินที่ max ติดกับถุง ถูกดึงออกไปแล้ว

ฉันเปิดดูเห็นเสื้อชั้นใน 2 ตัว สีชมพูและสีครีมตามแบบที่สั่งเด๊ะ

กล่าวคำขอบคุณพร้อมกับยิ้มให้

แววตาปิติของผู้ให้ฉันสัมผัสได้ด้วยใจ

และคิดว่าเธอก็คงสัมผัสได้ถึงแววตาขอบคุณของฉันเช่นเดียวกัน


พูดถึงความสุขของผู้ให้ ฉันนึกถึงคุณป้าผู้มีพระคุณที่เคยให้ที่พักพิง ที่อยู่ที่กิน ตอนเด็กบ้านนอกอย่างฉัน มาเรียนที่กรุงเทพ

เมื่อฉันเรียนจบ พเนจรย้าย รพ. จนกระทั่งมีที่ทำงานเป็นหลักเป็นแหล่ง

ท่านเริ่มชราและมาด้วยป่วยเล็กป่วยน้อยมาเป็นคนไข้เรา

บางทีก็รับท่านไปบ้าน จะได้เจอน้องสาวซึ่งก็คือแม่เรา คนแก่เจอกันเมาธ์กันไม่หยุดเป็นความสุขของเค้า

ป้ามักเกรงใจฉัน.... เวลาเราทำอะไรให้ เกรงใจอยู่นั่นแหละ.... พอท่านพูดเรื่องเกรงใจบ่อยๆเข้า

ฉันจึงบอกท่านว่า..... อย่าได้เกรงใจ การที่ฉันได้ทำอะไรให้ป้าบ้าง ถือว่าป้าได้บุญ

ได้บุญที่ทำให้ฉันสุขใจจากการเป็นผู้ให้

นอกจากนี้ท่านยังเปิดโอกาสให้ฉันได้แสดงกตัญญูกตเวทีอันเป็นเครื่องหมายของค นดีด้วยงัย

เช่นเดียวกับที่คนไข้รู้สึกกับเรา....แม้จะไม่ยิ่งใหญ่เท่าบุญคุณของป้าที่ม ีต่อฉัน...

ฉันจึงรับของฝากด้วยความขอบคุณ และ รับรู้ถึงความสุขของผู้ให้จากแววตาและรอยยิ้มนั้น แบบเดียวกับที่ฉันเคยได้รับ

เมื่อคนไข้มา FU ในครั้งต่อไป เธอยังถามว่า

“เป็นไงคะหมอ เสื้อใส่พอดีมั้ย”

“พอดีเป๊ะเลยค่ะ”

ดูเธอแสนจะปลื้มอกปลื้มใจ

แหม้.... ถ้าให้กางเกงใน....คงไม่ต้องถามขนาดให้เราตกใจเนอะ.... Grin

...................................................................

ท่ามกลางความวุ่นวายของเศรษฐกิจโลก....อดีตผู้นำโลกกระหายสงคราม...

การจ้องแต่จะว่าร้ายฝ่ายตรงข้าม จนคนไม่รู้จักกันยังเกลียดชังกันได้.. แบ่งเป็น 2 ฝัก 2 ฝ่าย ของการเมืองไทย...

การเพ่งโทษเอาผิดต่อวงการสาธารณสุข ที่เป็นฝีใกล้แตก....

คนเลนส์ตาสีดำ คิดได้แค่ว่าหมอเป็นต้นเหตุของความพิการ แล้วโรคไม่ได้ทำให้พิการดอกหรือ ?

ไม่เคยคิดเลยหรือว่า.... หมอช่วยให้รอดชีวิตแม้จะพิการ...

ใม่ว่าโลกภายนอกจะเป็นเช่นไร...

ในโลกใบเล็กๆของฉัน....สิ่งหนึ่งที่ยังอยู่ยั้งยืนยง คือสัมพันธภาพอันดีระหว่างหมอและคนไข้ ยืนยง มั่นคง ไม่เปลี่ยนแปลง

......................................................................


กรรมปกาศิตให้ เป็นไป ตามแต่บุญบาปใคร ก่อไว้
เป็นเงาติดตัวไป ทุกชาติ ภพเอย ผลส่งบุญบาปนั้น แต่ล้วน ทำเอง

ส่งโดย: ppom



Create Date :27 พฤศจิกายน 2551 Last Update :27 พฤศจิกายน 2551 15:29:36 น. Counter : Pageviews. Comments :2