bloggang.com mainmenu search


ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์สั่งถอนทหารอเมริกันออกจากเกาะมินดาเนาภาคใต้ของประเทศ ระบุตราบใดยังมีอเมริกาอยู่จะไม่มีความสงบสุขในดินแดนนี้ เผยอเมริกาคือรากเหง้าของการก่อความไม่สงบในภาคใต้ของมุสลิมฟิลิปปินส์ นำรูปทหารอเมริกันสังหารหมู่คนมุสลิมเมื่อต้นปี 1900 ให้ดู

 

เมื่อวันที่ 13 กันยายน 2016 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงมะนิลา เมืองหลวงของประเทศฟิลิปปินส์ว่านายร้อดริโก้ ดูเตอร์เต้ ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์กล่าวเมื่อวันที่ 12 กันยายนว่าในการประชุมสุดยอดอาเซียนที่สปป.ลาวสัปดาห์ที่แล้วเขาปฏิเสธนายบารัค โอบามา มากกว่า พร้อมกันนั้นก็เปิดเผยว่าได้สั่งให้ทหารอเมริกันถอนตัวจากภาคใต้ของฟิลิปปินส์ สาเหตุเพราะอเมริกันเป็นคนจุดไฟให้เกิดกลุ่มมุสลิมก่อการในเขตนี้

“ตราบใดที่เรายังอยู่กับอเมริกา, เราจะไม่ได้พบกับความสันติภาพในดินแดนนี้”นายดูเตอร์เต้กล่าวต่อเจ้าหน้าที่รัฐบาลกลุ่มใหม่ที่ทำพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่ง

นายดูเตอร์เต้ยังนำภาพชาวมุสลิมฟิลิปปินส์ทั้งเด็กและผู้หญิงออกแสดงให้เห็น โดยระบุว่าบุคคลเหล่านี้ถูกทหารอเมริกันสังหารในช่วงต้นค.ศ. 1900 แล้วทิ้งลงในหลุมเขตเมือง บุด ดาโฮ(Bud Daho) ซึ่งเป็นเขตภูเขาในจังหวัดซูลู โดยมีทหารอเมริกันยืนดูรอบๆปากหลุมที่ใช้เป็นที่ฝังศพคนมุสลิม

ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์กล่าวว่ากองกำลังพิเศษ(สหรัฐ)จะต้องไป จะต้องไปจากมินดาเนา ที่นั่นมีคนผิวขาวจำนวนมาก พวกเขาจะต้องไป เรื่องนี้กลายเป็นนโยบายต่างประเทศของฟิลิปปินส์ “ผมไม่ต้องการให้เกิดความแตกแยกกับอเมริกา ,แต่พวกเขาต้องไป”

รายงานข่าวเปิดเผยว่าปัจจุบันมีกองกำลังสหรัฐจำนวนหนึ่งอยู่ทางใต้ของฟิลิปปินส์เพื่อทำหน้าที่ฝึกอาวุธให้กับทหารฟิลิปปินส์ในการปราบปรามกลุ่มมุสลิมอัล-ไควดะที่มีสายสัมพันธ์เชื่อมโยงกับกลุ่มอาบู ซายาฟ (Abu Sayyaf) กองกำลังพิเศษของสหรัฐเริ่มเข้ามาทางตอนใต้ของฟิลิปปินส์ตั้งแต่ปี 2002 ในนามปฏิบัติการเพื่อเสรีภาพ (Operation Enduring Freedom) เป็นส่วนหนึ่งของนโยบายสหรัฐเพื่อต่อต้านการก่อการร้ายระดับโลก ด้วยการฝึกและมอบอาวุธให้กับทหารฟิลิปปินส์,สอนเรื่องข่าวกรองและการลำเลียง

อย่างไรก็ตาม ทหารอเมริกันหลายรายถูกกลุ่มมุสลิมสังหาร บางรายก็ถูกตัดหัวและไม่มีข่าวออกมา เพียงแต่นายดูเตอร์เต้กล่าวว่าไม่ต้องการให้พวกเขาถูกตัดหัว

ที่มา thaitribune

Create Date :13 กันยายน 2559 Last Update :13 กันยายน 2559 16:59:32 น. Counter : 272 Pageviews. Comments :0