ตะวันในดวงใจ : สีฟ้า เรื่อง : ตะวันในดวงใจ ผู้ขียน : สีฟ้า สำนักพิมพ์ : บรรณาคาร ปีที่พิมพ์ : 2522 สองเล่มจบ ![]() เห็นชื่อเรื่อง ตะวันในดวงใจ พาให้นึกไปถึงนวนิยายแนวพาฝัน สีสันสดใสและอบอวลไปด้วยความรัก แต่สำหรับ ในนามปากกา สีฟ้า แล้ว แฟนนักอ่าน ย่อมรู้ดี ว่า เนื้อหาของผู้เขียนในนามปากกานี้ ย่อมเข้มข้น สะท้อนกิเลสตัณหาของมนุษย์ได้มากมายสักเพียงใด +++++++++++++++++ นิยายเรื่องนี้ก็เช่นกัน เปิดเรื่องมาด้วยบทบาทของ ดอกเตอร์ปวิชญา ดอกเตอร์สาวสวย ที่ผู้พิพากษาวิสันต์ เพื่อนของเธอ ขอให้มาช่วยดูแลเด็กชายคนหนึ่ง ที่ถูกจับในคดีมั่วสุมและมาอยู่ที่ศาลคดีเด็ก ปวิชญา ทำตามหน้าที่ และได้พบกับเด็กชายวัยสิบสองขวบ ชื่ออริน ก่อนที่บิดาของเขาจะปรากฏตัวขึ้น และพาลูกชายเจ้าปัญหากลับไป ทำให้เธอรู้ว่า เด็กคนนี้ คือลูกชายของ เลขาทูตหนุ่มใหญ่ อริศ ซึ่งเคยเป็นรักแรกของเธอในอดีตมาก่อนนั่นเอง! +++++++++++++++++++ สิบเก้าปีก่อน ในวัยที่เธอยังเป็นเพียงนักศึกษาปีแรกที่มีอุดมการณ์และความฝันสวยงาม กับ รุ่นพี่ที่เรียนจบอย่างอริศ เขาคือชายในฝันที่เป็นแบบอย่างสุภาพบุรุษทุกอย่าง ปวิชญา ใฝ่ฝันว่าจะเรียนหนังสือให้สูงที่สุด ในขณะที่อริศ ซึ่งมีฐานะและความก้าวหน้าในการงาน แต่แล้ว ความรักของทั้งคู่ ก็จบลง เมื่อ คุณอารี มารดาของอริศ ต้องการให้เขา แต่งงานกับ ภัทริน ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้อง เพื่อไม่ให้ทรัพย์สมบัติต้องกระเด็นไปสู่มือคนอื่น อริศเอง เมื่อเห็น ภัทริน ซึ่งมีความสวยหวาน แตกต่างจากประวิชญา ที่แม้จะพูดคุยโต้เถียงวิชาการและความคิดเห็นกับเขาได้ แต่ก็พ่ายแพ้ให้กับความสวยงามดึงดูดทางเพศ ของหล่อน เลยตัดสินใจยอมทำตามทางบ้าน ส่วนประวิชญา ก็ไปเรียนต่อ ชีวิตทั้งคู่เหมือนเส้นที่ตัดผ่านกันแล้วแยกย้ายกันไปโดยไม่คิดว่าจะมาพานพบกันอีก จนกระทั่งเหตุการณ์ในครั้งนี้ ++++++++++++++++++++++++ เขารู้ว่าหล่อนยังไม่แต่งงาน นอกจากคู่หมั้นที่ชื่อ เอิกเกริก แต่ก็หมั้นหมายกันมาเกือบสิบปี ในขณะที่เขาเองก็เจริญก้าวหน้า อนาคตเป็นท่านทูต ในขณะที่ ภัทริน มีเพียงแต่ความสวย แต่หล่อนไม่อาจเชิดหน้าชูตาเขาในงานสังคมต่างๆได้เลย การพบกันในครั้งนี้ ทำให้เขารู้ว่า เขาและหล่อนยัง “มีใจ”ให้แก่กัน โดยไม่เคยลืม... ++++++++++++++++++++ อริศมองดูภาพวาดแผ่นหนึ่ง ซึ่งเขาเก็บมันไว้ตรงมุมห้อง เป็นภาพฝีมือพิลึก ประวิชญาเป็นคนเขียน ล้อเลียนภาพแบบแอ็บแสตร็ค แล้วหล่อนก็ฉวยพู่กันมาป้ายๆ ลงบนแผ่นผ้าใบเป็นรูปหัวใจเลอะๆ เทอะๆ เบี้ยวๆบูดๆ ป้ายดวงกลมๆซ้อนลงไป ใช้สีตัดไปตัดมาเป็นรูปเหลี่ยม แล้วหล่อนก็หันมาถามเขาด้วยเสียงหัวเราะ “นี่เขียนจากความรู้สึกอารมณ์เหมือนกันนะคะ พระอาทิตย์ไงคะ ดวงตะวันกับหัวใจ หมายถึงแสงตะวันในหัวใจอะไรๆทำนองนั้น” หล่อนเอียงคอเล็กน้อยแล้วทำท่าครุ่นคิด “คือหมายความว่า ในหัวใจคนเราต้องมีแสงตะวัน แสงแห่งมโนธรรม มนุษยธรรมอะไรทำนองนั้น” แต่อริศ กลับเข้าใจไปอีกอย่าง เขาบอกหล่อนว่า “ตะวันก็คือวิชไงล่ะ อยู่ในดวงใจของพี่ ส่องแสงอยู่ในหัวใจพี่ตลอดกาล...” ++++++++++++++++++++++ และภาพนั้น ก็ยังอยู่กับเขามาจนถึงทุกวันนี้! ภัทริน เองก็รู้ว่าเขาเคยมีคนรักมาก่อน แต่ตอนนี้ หล่อนเป็นเมียเขาตามกฎหมาย อยู่กินจนมีลูกถึงสองคน ลูกสาวคนโตวัยสิบหก ชื่ออรชา และ ลูกชายคนเล็กชื่ออริน ทั้งสองคนต่างก่อปัญหาไปคนละแบบ ทั้งที่หล่อนคิดว่าเติมเต็มความรักให้กับลูกทั้งสองเต็มที่ ไม่ว่าจะต้องการอะไร แต่บางที มันอาจจะไม่ใช่ สิ่งที่เด็กทั้งสองต้องการเลยก็ได้ ในขณะที่อรินเป็นเด็กเกเรหนีเที่ยว อรชาก็ใจแตกตั้งแต่เพิ่งเป็นวัยรุ่น หล่อนขาดความรัก และพยายามแสวงหาความรัก จากเพื่อนชายคนอื่นๆ จนกระทั่งวันหนึ่ง มีโอกาสพบ เอิกเกริก หนุ่มใหญ่ โดยบังเอิญ บุคลิก ความเป็นผู้ชายในอีกแบบที่ไม่ใช่ สุภาพบุรุษสมบูรณ์แบบเหมือนพระเอกหนังอย่างอริศ พ่อของเธอ กลับทำให้อรชา ประทับใจ และพยายามตามจีบ หนุ่มใหญ่ อย่างเอิกเกริก ในขณะที่เอิกเกริกเอง ก็เอ็นดู อรชา และสงสารที่เห็นหล่อนขาดความรัก จึงช่วยดูแล ประคับประคองจิตใจให้หล่อน อรชารู้ว่า เขาหมั้นหมายกับ ประวิชญา ทำให้หล่อนรู้สึกติดลบกับผู้หญิงดังกล่าว ยิ่งเมื่อ รู้ว่า ประวิชญา และพ่อของหล่อน กำลังปรับความเข้าใจกันอีกครั้ง อรชาก็ยิ่ง เกลียดทั้งคู่มากขึ้น ++++++++++++++++++++ ภัทรินเอง ก็มีปัญหากับสามี เพราะแม่สามีอย่างอารี จะคอยโทษหล่อนตลอดว่าเลี้ยงลูกไม่เป็น จนทำให้ลูกทั้งสองกลายเป็นเด็กมีปัญหา และเมื่อหล่อนเริ่มโต้เถียงขึ้นมาบ้าง ก็จะกลายเป็นคนผิดขึ้นมาทันที และดูเหมือนว่า แม่สามีอย่างอารี จะเห็นความเก่ง ความดีงามของ ประวิชญา ไปอีกคน ยิ่งทำให้ภัทรินรู้สึกเหมือนโดดเดี่ยว เมื่อ ได้พบกับเอิกเกริก ซึ่งมาส่ง อรชา ทำให้หล่อนเกิดความประทับใจ หนุ่มใหญ่ผู้นั้น โดยไม่รู้ตัว และไม่รู้ว่า อรชาเองก็ชื่นชม เอิกเกริกอยู่เช่นกัน ++++++++++++++++++++++ ภายนอกในสายตาของคนอื่น เอิกเกริกดูเหมือน คนหนุ่มที่ไม่เคยทุกข์ร้อนกับเรื่องราวใดๆในชีวิต แต่ในความจริง เขาเองก็แบกรับความเจ็บปวด จากประวิชญา มาไม่น้อย รู้สึกว่า เขาเป็นเพียง ตัวเลือกหนึ่งที่ประวิชญาหมั้นหมายมานานแรมปี แต่เมื่อได้พบกับ อริศ รักแรก ของหล่อนประวิชญา ก็เพริดตามหนุ่มใหญ่ผู้นั้น จนถึงกับเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศด้วยกัน! อารมณ์ผิดหวัง ที่เกิดขึ้น เมื่อมาพบกับ ภัทริน ทั้งสองคนจึงเผลอมีความสัมพันธ์ต่อกันขึ้น และ อรชาก็รับรู้เรื่องดังกล่าวด้วยความปวดร้าว เด็กสาวยิ่งประชดตัวเอง โดยมีความสัมพันธ์กับเด็กชายคนอื่นในรุ่นเดียวกัน และปล่อยให้ตัวเองตั้งครรภ์ ก่อนที่จะให้เพื่อนพาไปทำแท้ง จนตกเลือด อาการหนัก +++++++++++++++++++++++++ เรื่องราวที่เกิดขึ้นต่อเนื่องกัน เป็นเหมือนลูกโซ่ที่มีผลกระทบ จากพ่อแม่ มาสู่ลูก และทำให้ ภัทริน รู้สึกผิด หล่อนต้องการจะหย่าขาด จากสามี ในขณะที่ อริศเองก็รู้สึกว่า ประวิชญา เหมาะสมกับเขาทุกอย่างทั้งรสนิยม ความคิดเห็น ทัศนคติและความรู้ที่จะช่วยเชิดชูอาชีพการงานของเขา เหลือเพียงประวิชญา เท่านั้น ++++++++++++++++++++++ หล่อนไม่อาจปฏิเสธว่า การกลับคืนมาของอริศ ทำให้หล่อนเผลอเกิดความฝัน ขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง แต่ความรู้สึกที่ผ่านเข้ามาปะทะเอาไว้ ก็คือ ความละอายแก่ใจ ยิ่งเมื่อรู้ว่า อรชาเป็นอย่างนี้ จริงอยู่แม้จะส่วนหนึ่งจะโทษว่า เป็นความผิดของผู้เป็นแม่ ทว่าผู้เป็นพ่อจะไม่รับผิดชอบอะไรเลยเสียได้อย่างไร? ความรู้สึกและอารมณ์สองฝ่ายของประวิชญาดิ้นรนต่อสู้กันอย่างหนัก ฝ่ายหนึ่งคือมโนธรรม ซึ่งต่างกว่าสัตว์ที่มีแต่หัวใจเพียงอย่างเดียว อีกฝ่ายหนึ่งคือความปรารถนาอันลึกซึ้ง ฝังเร้นเป็นอุปาทานมาแต่อดีต แต่แล้ว รูปวาดรูปนั้น ก็ทำให้หล่อนคิดได้ ++++++++++++++++++++ “พี่อริศยังคงเก็บรูปที่วิชวาดเล่นๆเอาไว้หรือเปล่าคะ? รูปดวงตะวันซ้อนอยู่ในรูปหัวใจ?” “พี่รักรูปนั้นเหมือนชีวิต ไม่เคยทิ้งเลย แล้วก็ไม่เคยลืมความหมายของมัน หัวใจของพี่ ที่มีเธอเป็นดวงตะวันส่องแสงอยู่ในใจตลอดกาล...” ประวิชญายิ้มทั้งที่น้ำตาคลอตา “ค่ะความหมายของมันตอนที่เรายังหนุ่มสาวอยู่ แต่เดี๋ยวนี้ ความหมายของมันเปลี่ยนไปแล้วคะ พี่อริศ” น้ำตาของหล่อนกำลังจะหยดมิหยดแหล่ แต่ประหลาดที่หล่อนกลับบังคับให้มันเหือดแห้ง เหมือนไหลย้อนกลับคืนลงไปภายในได้ “รูปนั้น เดี๋ยวนี้ มันหมายถึงหัวใจของใครก็ได้ หัวใจของมนุษย์ที่ต้องมีมโนธรรม เหมือนแสงตะวันสว่างอยู่ในหัวใจ... หัวใจของ “มนุษย์”ค่ะพีอริศ” ++++++++++++++++++++ และประวิชญา ก็เลือกที่จะเดินออกมาทั้งที่หัวใจเจ็บปวดแทบขาดรอน เพื่อให้เขากลับไปรับผิดชอบต่อชีวิตที่รอคอยอยู่ ในขณะที่เอิกเกริกเอง ที่หลงรักและหวังดีกับประวิชญามาโดยตลอด ก็ได้แต่หวังว่า สักวันหนึ่ง ประวิชญา จะหันกลับมามองเห็นคุณค่าของเขา และพร้อมที่จะเป็นเพื่อนชีวิต ร่วมเดินทางไปด้วยกันกับเขา ไม่ว่ามันจะเนิ่นนานสักเพียงใดก็ตาม... ++++++++++++++++++++++ ตะวันในดวงใจ เป็นนวนิยายชีวิต อีกเรื่องหนึ่ง ของสีฟ้า ที่ให้ทั้งข้อคิด คติเตือนใจ และความรื่นรมย์จากการอ่าน ควบคู่กันไปได้เป็นอย่างดีเลยครับ
สวัสดีน๊าาา ทักทายจ้าาาา อิอิ
![]() โดย: สมาชิกหมายเลข 6102669
![]() |
บทความทั้งหมด
|