เขาสุพรรณิการ์ จ.ชลบุรี ^_^
ดิฉันได้เห็นเขาลูกนี้ไกลๆตั้งแต่เด็กแล้วค่ะ ไม่เคยได้รับรู้เรื่องงราวของที่นี่เลย
ผ่านอยู่บ่อยๆเมื่อตอนเรียนอยู่เมืองชลฯ ถ้าเรียนที่โรงเรียนชลบุรีสุขบท ก็คงจะได้เเห็นมานานแล้ว
เพราะเขาลูกนี้ตั้งอยู่ทางด้านหลังของโรงเรียนนี้ค่ะ ดิฉันได้พบข้อมูลของที่นี่เล็กน้อยจากเว็ปไซต์
//unseen-in-chonburi.exteen.com/20101224/unseen
จนวันหนึ่งมีโอกาสว่างพอที่จะไปสำรวจตามประสาบ้าๆบอๆ 555 ค่ะ คำอธิบายที่เป็นหลักการที่ดิฉัน
จะเสนอต่อไปนี้ ก็นำมาจากเว็ปดังกล่าวค่ะ และขอขอบคุณผู้ที่ลงข้อมูลนี้ไว้ให้คนอื่นได้ศึกษาด้วยค่ะ
ดิฉันไปที่นั่นและพบกับผู้ดูแลสถานที่ดังกล่าว ชื่อคุณอานนท์ ทำให้ได้รู้เรื่องราวประกอบนิดหน่อย
(คล้ายๆในเว็ปไซต์)และขอขอบคุณที่ช่วยแนะนำ และดูแลความปลอดภัยในระหว่างที่ดิฉันชมสถานที่และถ่ายภาพ
ถ้าเพื่อนๆผ่านไปแถวนั้นและมีเวลาว่าง ดิฉันก็ขอแนะนำขึ้นไปชมสักครั้งหนึ่ง เพราะที่นี่ค่อนข้าง unseen มากๆค่ะ
โดยรวมแล้วเป็นสถานที่สวยทีเดียว แต่ก็ค่อนข้างเปลี่ยวค่ะถ้าไปก็ควรไปหลายๆคนจะดีกว่า ไปชมภาพกันค่ะ ^_^











เริ่มจาก บันไดแก้ว บริเวณอุทยานการศึกษาเริ่ม
ตั้งแต่ทางขึ้นเขาพระบาท หรือเขาสุพรรณิการ์ด้านทิศเหนือ เดินขึ้นไปทางบันไดแก้ว ซึ่งมีประมาณ 300 ขั้น สุดทางบันไดแก้วที่ มณฑป ต่อจากนั้นมีทางเดินเท้าสามารถเดินลัดลงมาด้านวัดเขาบางทรายได้ ในปัจจุบันบันไดแก้วทางขึ้นเขาสุพรรณิการ์เป็นภูเขาเตี้ยๆตั้งชื่อตามต้นไม้ที่ขึ้นอยู่ทั่วไปบนเขาคือ ต้นสุพรรณิการ์ปลายเดือน มกราคม ถึงเดือนเมษายนจะทิ้งใบ ออกดอกสีเหลืองสดเต็มต้นทั่วเขาบนภูเขาแห่งนี้









เมื่อขึ้นมาถึงสถานที่แรกที่จะได้พบก็คือ วิหารพระงาม เป็นวิหารที่ก่อสร้างอย่างปราณีต ภายในมีพระประธานที่งดงามและภาพพระพุทธประวัติที่หาดูได้ยากเป็นบริเวณที่สงบใช้ปฎิบัติธรรมและเป็นบริเวณที่ใช้ตักบาตรเทโวในวัน ออกพรรษาของพุทธศาสนิกชนจังหวัดชลบุรี





ทางด้านหลังของวิหารพระงามเพื่อนๆก็จะพบกับ เจดีย์ศรีมหาโพธิ์ พระลังกาทูล
ถวายสมเด็จพระสังฆราช วัดราชประดิษฐ์ ท่านเจ้าพระคุณพรหมมุนี (แย้ม อุปวิกาโส)วัดราชประดิษฐ์ สร้างเมื่อวันที่ 19 ธันวามคม พ.ศ. 2449





เรือนพักอุบาสิกา หรือ ศาลามรกต และมีศาลาโรงทาน ซึ่งอยู่บริเวณ ลานปฎิบัติธรรมซึ่งมีเรือนพักของแม่ชีที่ปฎิบัติธรรมอยู่ในส่วนนี้ สถาปัตยกรรมบริเวณนี้ถูกสร้างในสไตล์ตะวันตกซึ่งศาลามรกตนี้ถูกสร้างขึ้นเมื่อปีพ.ศ. 2475 สาเหตุที่สร้างด้วยปูนในสมัยนั้นเพราะกันไฟป่าซึ่งเกิดขึ้นบ่อยครั้งในหน้าแล้ง





เมื่อเราเดินขึ้นมาเรื่อยๆเพื่อนๆก็จะพบกับ ศาลาเก้าห้อง เป็นศาลารายลักษณะสถาปัตยกรรมเป็นศาลาแบบโถงทรงค่อนข้างเตี้ย เป็นศาลาแบบทรงจีนปนไทย เสาหนาเป็นโค้ง ต่อกันระหว่างช่วงเสาทำเป็นแบบซุ้มโค้งโดยตลอดศาลารายหลังนี้ได้มีการปฏิสังขรในสมัยรัชกาลที่ 5 แต่รูปทรงยังคงแบบเดิมตามลักษณะของสถาปัตยกรรมสมัยรัชกาลที่ 3 นั่นเอง ศาลาแห่งนี้ยังมีความเชื่อกันว่า ผู้มีบุญหรือมีสติปัญญาเท่านั้นจึงจะสามารถนับห้องภายในศาลาได้ 9 ห้อง ( ซึ่งตัวผู้เขียนเองตั้งแต่สมัยเรียนจนถึงปัจจุบันไปกี่ครั้งก็นับได้แค่ 8 ห้องเองคะ )





ถัดจากศาลาเก้าห้องเราก็จะเดินขึ้นบันไดแก้วซึ่งอยู่ในช่วงที่ 2 ไปยังช่วงที่ 3 นะคะ เมื่อเดินขึ้นมาเรื่อยๆเราก็จะพบ หอระฆัง เป็นสถาปัตยกรรมศิลปะแบบจีนลักษณะเป็นรูปทรงสี่เหลี่ยมก่ออิฐฉาบด้วยปูนทำเป็น 2 ชั้น ชั้นล่างทำเป็นระเบียงล้อมรอบบันไดทางขึ้นไปยัง
ชั้น 2 เป็นที่ตั้งของตัวหอที่แขวนระฆังที่ระเบียงชั้นล่างและบนของหอระฆังกรุด้วยกระเบื้องปรุลวดลายแบบจีนทั้งหมดตามคตินิยมของสถาปัตยกรรมไทยแบบพระราชนิยมสมัยรัชกาลที่ 3 เดิมใช้สำหรับตีให้สัญญานเรียกประชุมทำวัตร เพราะในสมัยก่อนนั้นบริเวณด้านล่างในชุมชนบางทรายนั้นน้ำทะเลขึ้นสูงวัดจึงถูกสร้างอยู่บนบริเวณเขาแต่เมื่อน้ำลดลงไปเรื่อยๆ ชาวบ้านจึงย้ายที่อยู่และสร้างบ้านเรือนบริเวณที่ปัจจุบันเรียกว่าชุมชนบางทราย และ พระสงฆ์จึงย้ายลงมาอยู่ทางด้านล่างของเขาซึ่งเพื่อความสะดวกในการเดินทางมาของพุทธศาสนิกชน ปัจจุบันหอระฆังแห่งนี้จึงใช้เพื่อตีในเทศกาลงานบุญ บนเขาสุพรรณิการ์เพื่อบอกให้สวรรค์รับรู้





และเมื่อเราเดินขึ้นบันไดแก้วมาจนถึงในส่วนที่ 3 ก็จะพบกับลานมณฑป ซึ่งเพื่อนๆจะได้พบกับ พระมณฑป
สร้างขึ้นเพื่อประดิษฐานรอยพระพุทธบาทจำลอง เป็น สถาปัตยกรรมทรงสี่เหลี่ยมมียอดแหลมสร้างขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยา องค์มณฑปได้รับการปฏิสังขรณ์ใน สมัยรัชกาลที่ 5 และ 6 เมื่อขึ้นไปสู่มณฑปซึ่งมีบันไดแก้วเริ่มจากเชิงเขาทอดขึ้นไปบนไหล่เขาผ่านทางอาคารต่างๆที่มีอยู่เป็นระยะๆขึ้นไปจนถึงลานมณฑป





รอยพระพุทธบาท ประดิษฐานภายใต้มณฑปมี 2 องค์ องค์แรกเป็นรอยพระพุทธบาทแบบลังกานิยม เป็นรอยเหยียบ ทรงเหลี่ยม
ขนาดกว้าง 45 ซม. ยาว 90 ซม. อีกองค์หนึ่งค้นพบใต้ฐานมณฑปในคราวซ่อมแซม มณฑปเมื่อปี พ.ศ. 2502
มีขนาดกว้าง 60 ซม. ยาว 120 ซม. เป็นหินเปลือกหอยหรือหินตุ๊กตา ลักษณะเป็นแบบอมราวดีนิยม





พระโภคีไสยา เป็นพระพุทธรูปนอนที่สร้างขึ้นแปลกกว่าพระนอนทั่วไปคือนอนตะแคงซ้ายแบบผู้ครองเรือนแบบโภคีไสยาสันนิษฐานว่าการสร้างแบบนี้เป็นการแสดงภูมิปัญญาท้องถิ่นซึ่งต้องการอธิบายถึงอะไรสักอย่างซึ่งในประวัติยังไม่มีการค้นพบค่ะ





เมื่อเราสักการะ พระพุทธรูป และ รอยพระพุทธบาทในพระมณฑปแล้วนะคะ บริเวณด้านลานพระมณฑป ซึ่งเป็นจุดชมวิวที่สวยงามมากคะ มองไปทางด้านตัวเมืองก็จะพบวิวของเมืองชลบุรีทั่วทั้งเมืองเลยทีเดียวคะ ณ ลานมณฑปแห่งนี้ได้รับการปฏิสังขรณ์ครั้งใหญ่เป็นครั้งสุดท้ายแล้วเมื่อ
ปี พ.ศ.2526 คะ





ทางด้านบนของเขายังมี เจดีย์โพรง และเจดีย์ ตัน ซึ่งยากหน่อยสำหรับการจะเดินขึ้นไปถึง เพราะว่าบันไดค่อนข้างชันและอันตราย
ประวัติของเจดีย์ทั้งสองถูกสร้างมาคู่กัน สร้างขึ้นในสมัยอยุธยา อิฐที่ก่อมีขนาดใหญ่มาก แผ่นนึงยาว 13 นิ้ว กว้าง 7 นิ้ว
หนา 2 นิ้ว องค์เดิมชำรุดมาก ได้รับการบูรณะครั้งใหญ่ในปี พ.ศ.2526 ทำให้ไม่เห็นอิฐของเดิม ของเจดีย์โพรง ที่คู่กับเจดีย์ตัน
ซึ่งเจดีย์โพรงสามารถเดินเข้าไปในองค์เจดีย์ได้ ภายในโพรงมีรอยพระพุทธบาท องค์เจดีย์ถูกปฏิสังขรณ์ในปีเดียวกันทั้งสององค์ค่ะ













































































































































ศาลตากับยาย


















































































































ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาทักทายนะคะ ^_^







Create Date : 19 มกราคม 2555
Last Update : 19 มกราคม 2555 19:29:29 น.
Counter : 5884 Pageviews.

7 comments
  
ได้ตามคุณนกมาเที่ยวคนแรกเลยค่า
วันนี้ได้เที่ยวแล้วยังได้ความรู้ด้วย :)

ดอกสุพรรณิการ์คือดอกสีเหลืองที่ร่วงๆอยู่หรือเปล่าคะ
โดย: AdrenalineRush วันที่: 19 มกราคม 2555 เวลา:21:07:25 น.
  
ถูกต้องแล้วค่ะคุณหนึ่ง ^_^
โดย: andrex09 วันที่: 19 มกราคม 2555 เวลา:22:19:53 น.
  
ทักทายสวัสดีกับคุณนก ในยามดึกๆ ครับ

แวะมาเที่ยวกับคุณนกด้วยคนครับ
ยังไม่เคยไปล่ะครับ
โดย: ถปรร วันที่: 19 มกราคม 2555 เวลา:23:05:15 น.
  
สวัสดีตอนเช้าค่ะคุณนก

แวะมาเที่ยวด้วยอีกคน สวยจังเลย นี่แหล่ะ Unseen ของแท้ เพราะเอไม่รู้จัก อิอิ เห็นคุณนกเที่ยวบ่อยๆเริ่มอยากจะเที่ยวซะแล้ว แต่ผู้ร่วมชะตากรรมชอบเข้าป่าเข้าดง ซึ่ง...ไม่ใช่แนวดิฉันอ่ะค่ะ

Have A Nice Day Ka!!!
โดย: Maganda วันที่: 20 มกราคม 2555 เวลา:7:39:45 น.
  
สวัสดีครับคุณนก

เพิ่งรู้ว่าคุณนกเรียนที่เมืองชล ผมเรียนอยู่ศรีราชาหกปี แต่อยู่ในโรงเรียนประจำไม่ได้ไปไหนไกลหรอกครับ รู้จักแค่ตลาดศรีราชา พัทยาเหนือสมัยที่ยังเป็นป่าอยู่แล้วก็เดินเลาะหาดมาถึงโรงพยาบาลสมเด็จศรีราชา

ชลบุรีก็รู้แค่ไต้ฮี้ในตลาดกับหมูสะเต๊ะ

ดีนะครับเห็นคุณนกทีไรก็ได้ตามไปเที่ยวกับเจ้าของบล็อกที่สดใสสดชืึ่นตลอดกาลจ้ะ

โดย: find me pr วันที่: 20 มกราคม 2555 เวลา:21:40:44 น.
  
สวัสดีครับคุณนก

สงสัยจะไปตากอากาศตรุษจีนแน่เลย หากว่างก็ไปรับแต๊อเอียธรรมะกันหน่อยนะครับ

มีความสุขสดชืึ่นทุกวันนะครับ



แต๊ะเอียเป็นล้านจ้ะ....รีบมานะ..ช้าหมด..เหลือแต่แต๊ะอั๋งนะคร้าบบบ
โดย: find me pr วันที่: 21 มกราคม 2555 เวลา:19:30:39 น.
  
สวัสดีครับคุณนก
คุณนกลองไปตอนกลางคืนดูสิครับ จะเห็นแสงสีในเมืองชลมันเป็อะไรที่สุดยอดมาก จะสวยไปอีกแบบ และยังเห็นสะพานใหม่ตลอดสายเลย

ปล.ที่เคยไปตอนกลางคือเพราะโดนยึดโทรศัพย์แล้วอาจารย์ไม่อยู่ไม่มีไรทำเลยขึ้นไป
โดย: Frong (สมาชิกหมายเลข 2957964 ) วันที่: 30 มกราคม 2559 เวลา:23:23:15 น.
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

andrex09
Location :
ฉะเชิงเทรา  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]



มกราคม 2555

1
2
3
4
5
6
7
8
10
12
13
14
15
16
17
18
20
21
23
24
25
26
27
28
 
 
All Blog
  •  Bloggang.com