ดร.วิลาส ฉ่ำเลิศวัฒน์ เขียนไว้ในหนังสือre:digital การตลาดยุดใหม่ เจาะใจลูกค้าว่าถ้าจะให้ง่ายในการแบ่งกลุ่มลูกค้าของเราก่อนทำการตลาดใดๆก็ตามเราควรศึกษาเกี่ยวกับGeneration ต่าง ๆของคนก่อน ซึ่งจะทำให้เราแบ่งกลุ่มลูกค้าของเราได้ง่ายขึ้น สำหรับGenerationของคนตามหลักการตลาดสามารถแบ่งได้ดังนี้

Maturist เป็นกลุ่มที่เคยเป็นผู้สร้างสรรค์สิ่งต่าง ๆให้โลกมากมายในช่วงเจ็ดแปดสิบปีก่อนเป็นกลุ่มที่ผ่านการเปลี่ยนแปลงในยุดสงครามโลกครั้งที่สอง ปัจจุบันก็อยู่ในช่วงวัยชราแต่ก็มีอิทธิพลต่อแนวความคิดของคนยุดปัจจุบันอยู่บ้าง

ตัวแทนยุดนี้ลองคิดถึง Warrent Buffet

Baby Boommer

กลุ่มนี้เกิดหลังสงครามโลกครั้งที่สอง หรือช่วงประมาณปี ค.ศ. 1945-1960 เป็นช่วงที่มีอัตราการเกิดของประชากรเพิ่มมากขึ้น เพื่อทดแทนประชากรที่สูญหายไปในช่วงสงครามโลกนั่นเองจึงเรียกยุดนี้ว่ายุดBaby Boommer เป็นช่วงของการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 3 เป็นยุดที่มีความต้องการสินค้าต่าง ๆ ในตลาดมากเรียกได้ว่าDemand มากกว่าSupply หนุ่มสาวมุ่งมั่นในการทำงานอย่างหนักเพื่อสร้างฐานะให้กับตนเองส่วนใหญ่จะทำงานในโรงงานอุตสาหกรรมหรือออฟฟิศต่าง ๆ เป็นคนที่เคารพกฎกิติกาอยู่ในกฎเกณฑ์ อดทน ซื่อสัตย์ รู้คุณค่าของการทำงานหนักเพื่อแลกเงิน การยอมรับที่จะใช้เทคโนโลยี่หรือสินค้าใหม่ๆ มีบ้างแต่มองที่ประโยชน์จริง ๆ จึงอาจจะลองใช้

ตัวแทนยุดนี้ลองคิดถึงBillGatesผู้ก่อตั้งMicrosoft

Gen X

เป็นกลุ่มที่เกิดในช่วงรอยต่อระหว่าง analog กับ digital เกิดและเติบโตมาพร้อมกับเกมกด วิดิโอเกม เกิดในช่วงระหว่างปี 1961-1980 เป็นยุดที่มีการคิดนวัตกรรมเชื่อมโลกคนในยุดนี้ชอบอะไรง่าย ๆ ไม่ต้องเป็นทางการไม่ยึดติดขนบธรรมเนียมประเพณีมีความเป็นตัวของตัวเองสูงคนในยุดนี้ให้ความสำคัญในเรื่องของการสร้างความสมดุลในชีวิต (Work-Life balance)เพราะความสะดวกสบายทางวัตถุที่มีมากขึ้นความหวั่นไหวสั่นคลอนทางด้านจิตใจจึงมีตามมา ดังนั้นความจงรักภักดีต่อองค์กรหรือต่อแบรนด์ ก็น้อยกว่าคนยุด Baby Boommerเพราะคนในยุดนี้มีทางเลือกมากขึ้นสามารถเปลี่ยนแปลงได้ทุกอย่างเพื่อชีวิตที่ดีขึ้น

ปัจจุบันกลุ่มผู้บริโภคในประเทศที่มีอิทธิพลต่อธุรกิจมากที่สุดน่าจะเป็นกลุ่ม Gen Xเพราะกำลังอยู่ในช่วงของวัยกำลังทำงานระดับผู้บริหาร มีรายได้ มีเงินออม มีอำนาจซื้อมีพ่อแม่ต้องดูแล มีลูกทีต้องเลี้ยงดูซึ่งเป็นภาระที่ก่อให้เกิดการใช้จ่ายมากกว่าวัยอื่น ๆ การรับรู้ข่าวสารก็ยังมีความสนใจในการชมโฆษณาแบบดั้งเดิมไม่ว่าจะเป็นโทรทัศน์ หรือสื่อสิ่งพิมพ์ แต่ไม่ได้เชื่อทั้งหมดพวกเขาเชื่อในตัวเองและต้องการหาข้อมูลประกอบการตัดสินใจซื้ออะไรไม่จำเป็นก็ไม่ซื้อและข้อจำกัดทางสังคมทำให้คนกลุ่มนี้ไม่มีเวลาในการออกกำลังกายไม่ค่อยได้ดูแลสุขภาพ มีภาวะความเครียดเรื่องเงินทอง มีหนี้สินจากบัตรเครดิตมากถ้าต้องการเข้าถึงกลุ่มนี้ควรใช้เรื่องเกี่ยวกับสุขภาพหรือเรื่องชีวิตที่ดีขึ้นเป็นตัวนำในการเข้าถึง

ตัวแทนยุดนี้ลองคิดถึงLarryPage ผู้ก่อตั้งGoogle

Gen Y Millennium

คือกลุ่มคนที่เกิดช่วงปี ค.ศ.1981-1995 ค่านิยมต่าง ๆของคนยุดนี้เริ่มไม่เหมือนรุ่นปู่รุ่นย่าหรือพ่อแม่คนยุดนี้ไม่รู้จักข้าวยากหมากแพงเพราะเกิดมาในช่วงที่supply มากกว่า demand มีทางเลือกมากกว่าคนในยุดGen Xเยอะมีอินเตอร์เน็ตให้ใช้ในชีวิตประจำวันอย่างแพร่หลายและสะดวกมากขึ้นคิดอะไรไม่ออกก็ถาม google โลกทั้งใบอยู่ภายใต้นิ้วของพวกเขาทำให้เสพสื่อต่างๆ ที่เป็นสากลมากขึ้น การนิยมชมชอบในวัฒนธรรมของต่าง ๆชาติก็เป็นเรื่องธรรมดาเพิ่มมีเครื่องมือต่าง ๆ ทั้งสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต ทั้งตระกูล i และเอ็นดรอยด์มากให้ใช้เลยทำให้สามารถทำอะไรได้หลายๆ อย่าง พร้อม ๆ กันในเวลาเดียวกันเป็นคนที่มองโลกในแง่ดี รักอิสระ มีความคิดสร้างสรรค์ ชอบอะไรท้าทายแต่ไม่ค่อยมีความอดทน ชอบหาวิธีการทำงานที่ง่ายแต่มีผลตอบแทนที่สูงเติบโตมากับการประชุมระดมสมอง จึงอยากให้ผู้อื่นเห็นความสำคัญของตนเองยุดนี้เป็นยุดที่social mediaเฟื่องฟูจึงใช้สื่อนี้เป็นช่องทางในการแสดงออกชอบโพสต์อะไรต่าง ๆ ลง และชื่นชอบในคนมากดLikeมากๆ

กลุ่มนี้น่าจะเป็นกลุ่มที่มีจำนวนมากที่สุดในประเทศไทย (ประมาณ 20ล้านคน)เป็นกลุ่มที่มีไฟแรงในการทำงานมีแนวคิดในการทำกิจการของตนเองมากกว่าเป็นลูกจ้าง รู้จักการวางแผนอนาคตรู้จักหาข้อมูลมาสนับสนุน เรื่องการใช้จ่ายเงินนับว่าเป็นกลุ่มที่มีอำนาจซื้อสูง มีการจ่ายต่อคนสูงมีความเป็นปัจเจก จึงต้องการสินค้าและบริการที่เฉพาะเจาะจงกับตัวเอง รู้ว่าตัวเองต้องการอะไรชอบอะไรและยอมจ่ายเพื่อสิ่งนั้น หรืออาจเรียกว่าใช้อารมณ์ในการซื้อมากกว่าเหตุผลของที่ใช้ต้องดูดี เป็นกลุ่มคนที่กล้าซื้อออนไลน์โดยไม่คำนึงถึงเรื่องprivacy อะไรมากนักขอให้เพื่อนบอกต่อมาหรือเป็นเรื่องราวในโซเซียล มีคนพูดถึงเยอะๆก็จะโดนใจคนกลุ่มนี้ไม่ยาก หลังซื้อหรือใช้สินค้าบริการไปแล้วก็จะนำมาคุยต่อในโซเซียล ไม่ว่าจะเป็นfacebook ,line ,instagram บางทีก็เขียนเป็นblog รีวิวกันเป็นเรื่องราว เพื่อแสดงความเป็นผู้นำแทรนด์ในเรื่องต่าง ๆ

ตัวแทนยุดนี้ลองคิดถึงMark Zuckerberg ผู้ก่อตั้งFacebook

Gen Zคือกลุ่มคนที่เกิดระหว่างปี ค.ศ.1996- 2009 พวกเขาคือเด็กที่กำลังเติบโตขึ้นมาพร้อมกับสภาพแวดล้อมที่ยุดก่อนหน้านี้สร้างขึ้นสิ่งอำนวยความสะดวก เทคโนโลยี การศึกษาท่วมท้นแต่ตามหลักประชากรศาสตร์กลับพบว่าจะเป็นกลุ่มทีมีจำนวนน้อยกว่ายุดอื่น ๆเนื่องจากอัตราการเจริญพันธ์ที่ลดลง เนื่องจากกลุ่มพ่อแม่ของคนยุดนี้ก็จะมีทั้งยุดGen XและY มีการศึกษาสูงขึ้นมีอิสระทางการเงินสูง โสดมากขึ้น และคู่แต่งงานไม่นิยมมีลูก คนกลุ่มนี้พ่อแม่มีเวลาน้อยในการเลี้ยงดูเพราะต้องทำงานบางครอบครัวพ่อแม่ต้องทำงานทั้งคู่จึงต้องฝากลูกให้คนอื่นเลี้ยงพวกเขามักจะมีความรู้สึกว่าตัวเองพิเศษ อยากได้อะไรต้องได้เดี๋ยวนั้นติดสะบายไม่รู้จักการรอคอย แต่มีความมั่นใจตัวเองสูงมาก มีความรอบรู้สนใจอะไรจะสนใจอย่างจริงจัง

Gen Alpha คนในยุดนี้ถึงว่าเป็นอนาคตของโลก พวกเขาเป็นเด็กที่เกิดหลังปี ค.ศ.2010 เป็นต้นมา พวกเขาเกิดมาพร้อมกับความเพียบพร้อมในทุก ๆ ด้านพ่อแม่ส่วนใหญ่ล้วนมีการศึกษาดี มีฐานะการเงินดีได้รับการเลี้ยงดูสนับสนุนอย่างเต็มที่ ถือเป็นกลุ่ม digital native โดยแท้จริงเพราะสัมผัสเทคโนโลยีมาตั้งแต่ยังไม่คลอด กลุ่ม Gen Alpha และ Gen Zน่าจะมีความใกล้เคียงกันเนื่องจากอินเทอร์เน็ตที่จะทำให้พวกเขาได้รับข้อมูลข่าวสาร สาระบันเทิงต่าง ๆ ที่เหมือนๆ กัน

Gen ME ถือว่าเป็นกลุ่มพิเศษที่แฝงอยู่ในทุก Generation มีลักษณะที่เด่นคือมีความเป็นตัวของตัวเองสูงจนบางทีก็คิดว่าตนเองเป็นศูนย์กลางของทุกสิ่งรอบตัว เชื่อว่าตัวเองสำคัญที่สุดและต้องการการยอมรับทางสังคมสูง

สำหรับSMT PRINCESS ก่อตั้งจากกลุ่มGen Y ที่สามารถรวมเอากลุ่มคนจากGeneration ต่าง ๆมาเป็นทีมงานที่มีส่วนผสมที่ลงตัวมีประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผลในการทำงานจึงมีผลิตภัณฑ์อาหารเสริมและผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางคุณภาพที่ได้รับการยอมรับ ผู้ที่สนใจผลิตภัณฑ์หรือต้องการสมัครเป็นตัวแทนจำหน่ายสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทรศัพท์ TEL:061-657-2559, 081 440 3021 LINE: @MKSKIN , facebook :MKSKINACNE

Create Date : 25 สิงหาคม 2560
Last Update : 25 สิงหาคม 2560 10:45:35 น.		0 comments
Counter : 702 Pageviews.
Share Tweet