ชีวิตของต้น - เรื่องเล่าจากเด็กขายอายุ 16 ปี
ในโลกที่ดูสว่างสดใสด้วยแสงตะวันที่เราเห็นอยู่ทุกวันนี้ ยังมีอีกมุมนึง มุมที่มืดมิด, อับชื้นและเงียบงัน มืดจนไม่แน่ใจว่าพวกเขาที่อาศัยอยู่ในหลืบมุมนี้จะสามารถมองเห็นแสงสว่างของวันพรุ่งนี้ได้อีกหรือไม่

มืดมนเสียจนบางคนยังต้องแอบสงสัยว่าพวกเขาต้องทนอยู่กับมันอีกนานแค่ไหน? และจะผ่านพ้นมันไปได้อย่างไรโดยไม่แตกสลายไปเสียก่อน?

ผมเจอกับต้นในคืนเดือนแรม ที่ซอยหนึ่ง ณ ใจกลางกรุงเทพฯ เป็นซอยเปลี่ยวไม่ค่อยจะมีรถราผ่านไปมาซักเท่าไร ต้นเป็นเด็กชายอายุ 16 ผิวเข้มรูปร่างสันทัด นั่งสัปหงกหลังพิงต้นไม้อยู่ริมถนน ผมถามต้นไปแม้จะคิดว่ารู้คำตอบอยู่แล้ว ว่า “น้องครับ! มานั่งทำอะไรตรงนี้เหรอ” เราจึงได้เริ่มคุยกัน

ต้นบอกว่าเป็นเด็กขาย ที่มานั่งในซอยเปลี่ยวเพราะยังไม่มีบัตรประชาชน ถ้าตำรวจเห็นก็ต้องไปโรงพักเดือดร้อนอีก ถ้อยคำแต่ละคำของต้นดูใสซื่อจริงใจ การพูดจาดูไม่เหมือนคนกร้านโลกแต่อย่างใด

ต้นเล่าว่าเริ่มทำมาตั้งแต่อายุ 15 คนที่เคยซื้อบริการส่วนใหญ่จะเป็นผู้ชาย มีทั้ง ไทย ฝรั่ง ไปจนถึงแขก ต้นเกิดที่ต่างจังหวัด พ่อแม่ตายตั้งแต่ยังเด็ก เหลือแค่ตนกับน้องสาว ญาติก็ไม่อยากรับไปเป็นภาระ ต่อมามีพ่อบุญธรรมอยู่ที่มหาสารคาม แล้วจึงเดินทางมากรุงเทพกับน้องสาว

เรื่องราวที่ต้นเล่าน่าฟังอย่างประหลาด แต่ก็มีบางเรื่องที่เหลือเชื่อจนดูเหมือนเป็นแค่จินตนาการ แต่ผมอยากแชร์ทั้งหมดเท่าที่จำได้ให้ทุก ๆ คนฟัง เพราะอย่างน้อยแม้ว่าผมจะช่วยอะไรต้นไม่ได้มาก แต่หากใครได้อ่านแล้วคิดอยากเปลี่ยนตัวเอง หรือเปลี่ยนโลกนี้และคนรอบตัวให้ดีขึ้นแม้เพียงสักนิด ก็น่าจะถือว่าได้ช่วยต้น และเด็กอีกมากมายที่มีชะตากรรมแบบต้นแล้ว

ต้นเล่าว่าเมื่อก่อนตอนมากรุงเทพฯใหม่ ๆ เคยมีลุงแก่ ๆ ท่าทางใจดีมาพาตัวน้องสาวไป บอกว่าจะพาไปอุปการะ ต้นกับน้องเป็นพวกเชื่อคนง่าย ก็ดีใจคิดว่าน้องสาวคงไปได้ดิบได้ดี แต่ตอนหลังน้องสาวหนีกลับมาร้องให้ไม่พูดไม่จา ถามว่าเจออะไรมาก็ไม่ตอบ

ต้นเลยไปบ้านพ่อบุญธรรมคว้าปืนกับมีดไปหาลุงคนนั้น กระหน่ำยิงและใช้มีดตัด****ของลุงคนนั้น ซึ่งทำให้ต้นต้องติดคุก ส่วนอีกฝ่ายพิการตลอดชีวิต ต้นโดนตำรวจและญาติ ๆ ลุงรุมกระทืบหลายหน เคราะห์ดีที่มีคนช่วยเป็นพยานว่าเห็นลุงคนนั้นทำอนาจารน้องสาวของต้นจริง เขาเลยรอดจากคุกมาได้

ต้นบอกเมื่อก่อนเคยมีมอเตอร์ไซค์ เคยขี่ไปแล้วโดนรถเฉี่ยวก็หลายครั้ง ไปหาหมอแล้วหมอก็บอกว่าเส้นประสาทอาจมีปัญหา อาจจะพิการได้ภายใน 6 เดือน แต่นี่ก็อยู่มาสองปีแล้วก็ยังปกติดี แต่บางครั้งเวลาบิดขี้เกียจหรือเกร็งตัวก็จะมีอาการปวดแปร๊บไปทั่วตัว

พอถามต้นว่าแล้วปกติอยู่ที่ไหน ต้นก็บอกว่าเช่าห้องอยู่ที่บางกะปิ ห้องละ 2500 “อยากอยู่ห้องแพง ๆ อยากรู้ว่าห้องดี ๆ มันเป็นยังไง” "แล้วทำไมไม่นอนห้องล่ะ" "ค้างค่าเช่าเขาเป็นเดือนแล้ว นอนไปเจ้าของมันก็มาเคาะทวงเงินตลอด"

ต้นเคยได้เข้าเฝ้าในหลวงครั้งนึงเมื่อตอน 3-4 ขวบ ตอนนั้นยังอยู่กับญาติที่ต่างจังหวัด ยังไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร ในหลวงทรงถามไถ่ญาติว่า “นี่ลูกเหรอ” ญาติบอก “หลานครับ พ่อแม่มันตายแล้วครับ” จึงทรงรับสั่งกับต้นว่า “ไปอยู่ในความดูแลของเราไหม” ต้นอึ่งอยู่นานมากแล้วส่ายมือซ้ายขวา ในหลวงจึงยิ้มแล้วบอกว่า “โตขึ้นเปลี่ยนใจก็มาหาเรานะ” ต้นบอกว่าในชีวิตจนถึงทุกวันนี้เขาไม่เคยไหว้ใคร แต่ต้นไหว้ในหลวงคนเดียว

ต้นรักน้องสาวมาก เมื่อพูดถึงน้องสาวต้นไรต้นแววตาของต้นจะสว่างไสวแต่ก็แฝงแววเศร้าที่หางคิ้ว “แล้วตอนนี้น้องสาวอยู่ไหน” “ก็มีคนเอาไปดูแลแล้ว เป็นครอบครัว ลูกคนเดียว”

ต้นเคยไปเยี่ยมน้องสาวสองสามหน มีหนนึงต้นเห็นลูกแท้ ๆ ของครอบครัวเอาเศษกระดาษกำเป็นก้อน ๆ ขว้างใส่น้องสาว ต้นเข้าไปดุและใช้ถ้อยคำรุนแรง แถมยังขู่ว่า “ถ้าเห็นทำกับน้องกรูอย่างนี้อีกมรึงตายแน่” โชคร้ายที่พ่อเด็กเดินออกมาเห็นพอดี ครอบครัวนี้จึงค่อนข้างไม่ค่อยชอบต้นเท่าไรนัก

สมัยต้นอยู่กับญาติ เคยมีคนเอาเด็กทารกเพิ่งคลอดสด ๆ มาทิ้งหน้าบ้านต้น เขาเลยเอาเด็กไปล้างตัวด้วยน้ำอุ่น เอานมให้กิน แต่แล้วทารกก็เสียชีวิต จากนั้นต้นมักจะเห็นภาพหลอนว่ามีบ้านอยู่หลังหนึ่งเป็นเรือนไม้ ต้นเดินเข้าไปในบ้านเจอยายแก่คนนึงมาถามว่าจะเอาเด็กคนนี้ไปอยู่ด้วยไหม ต้นตอบว่าเอา ยายก็ให้เด็กมาอยู่ด้านขวาของต้น เขาบอกว่าร่างกายซีกขวาเขาจะทำงานไม่เหมือนซีกซ้าย เหมือนมีสมองคนละอันกัน ต้นบอกว่ายายแก่คนนี้คอยดูแลช่วยเหลือต้นอยู่

“ผมเป็นคนไม่ยอมคน ไม่เคยก้มหัวให้ใคร เมื่อก่อนเคยมีกะเทยมากระทืบน้องสาวผมครั้งนึง ผมชกมันเกือบตาย มันไปพาพวกมาถือมีดเล่มเบ้อเริ่ม ถามว่ามรึงกลัวตายไหม” ต้นเล่า “ผมบอกว่า ’ก็กลัว! แต่แมร่งไม่ยอมตายซักทีว่ะ!!’”

ผมฟังประโยคนี้แล้วก็เหลือบมองเห็นแผลที่แขนเหมือนรอยกรีดแขนตัวเองสามรอยเรียงกัน เลยถามว่า “กรีดแขนตัวเองเหรอ?” “กรีดเล่น ๆ เผื่อมันจะตาย!” ต้นเล่าว่ามีพวกมากมาย รู้จักคนตั้งแต่สะพานพุทธยันสนามหลวง “มีฝรั่งคนนึงมาหาผมที่ห้องประจำ บอกว่าถ้าอายุยี่สิบจะเปิดร้านเกมให้ดูแล” “อยากอายุ 20 ไว ๆ อยากคุมร้านเกม อยากเล่นเกม” พูดไปตาเป็นประกายน่าเอ็นดู

คุยกันถึงเรื่องอนาคต ต้นบอกว่ากลัวว่าโตขึ้นหน้าจะขี้เหร่ และจะทำงานแบบนี้ไม่ได้แล้ว กลัวไม่มีเงินกินข้าว เลยถามต้นว่าทำอย่างงี้ไม่กลัวเป็นเอดส์เหรอ ต้นบอกเป็นก็ดีจะได้ตายซะที แต่ไปตรวจมาแล้วไม่ได้เป็น เป็นแค่หนองใน พูดไปก็ทำท่าจะถอดกางเกงให้ดู กางเกงของต้นนั้นคับเอามาก ๆ คงเป็นเพราะต้นโตขึ้นแต่ไม่มีตังค์ซื้อกางเกงตัวใหม่

“แล้วตอนกลางวันทำอะไร” “ก็ไปช่วยอู่ ช่วยแบกเครื่องยนต์ แต่แมร่งโคตรหนักเลย เรายังเด็กตัวแค่นี้แบกทีก็ปวดกระดูกไปหมด” “อยากเปลี่ยนงาน แต่ก็ไม่รู้จะไปหาที่ไหน...” ผมชวนต้นไปนั่งกินข้าว ต้นกินน้อยมากบอกว่า “ชินแล้ว! กินนิดเดียวก็อยู่ได้ทั้งวัน” ระหว่างนั้นผมก็พยายามให้คำแนะนำบ้างให้กำลังใจบ้างเท่าที่จะทำได้ ซึ่งต้นก็รับฟังอย่างตั้งใจ ก่อนจะกลับก็ให้ตังค์ต้นเอาไว้ใช้แล้วจึงแยกย้ายจากกันไป

ณ พื้นที่สีหม่นของโลกใบนี้ ที่ ๆ ใคร ๆ พากันขยะแขยง และทำเป็นมองไม่เห็นราวกับว่าพวกเขาไม่มีตัวตน เหมือนเด็กเอาเท้าเขี่ยสิ่งสกปรกซุกไว้ใต้พรม เหมือนผู้ใหญ่บางคนที่พยายามขับไล่ใสส่งให้เขาต้องหนีหัวซุกหัวซุนเพียงเพื่อที่จะปลูกฝังให้ลูกหลานเชื่อว่า “โลกนี้สีขาวนะลูกนะ”

แต่ไม่ว่าอย่างไร ความจริงก็จะมาปรากฏชัดตรงหน้าเราไม่ว่าจะช้าหรือเร็วก็ตาม ทางที่ดีเราควรนำเขาออกมาจากซอกหลืบมาสู่แสงสว่าง ช่วยเหลือยอมรับและหยิบยื่นโอกาสให้แก่เขา เพราะทั้งเราทั้งเขาก็ล้วนเป็นคนเท่าเทียมกัน แตกต่างกันที่เรามี ”โอกาสที่จะช่วย” แต่ไม่ได้ทำ ส่วนพวกเขานั้นไม่มีแม้แต่แค่ “โอกาสให้ได้เลือก” เท่านั้นเอง...




Create Date : 13 ตุลาคม 2554
Last Update : 28 กุมภาพันธ์ 2555 23:36:06 น.
Counter : 6278 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

รบชนะ
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



ตุลาคม 2554

 
 
 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31