นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า การลงทุนในตลาดหุ้นไทยช่วงนี้นักลงทุนควรติดตามปัจจัยจากต่างประเทศเป็นหลัก จากเดิมที่ติดตามเรื่องการเมืองในประเทศ เนื่องจากปัจจุบันมีปัญหาหนี้สินในยุโรปที่อาจลุกลามไปยังประเทศอื่น ๆ จนส่งผลกระทบต่อบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นทั่วโลก เห็นได้จากช่วง 3-4 เดือนที่ผ่านมา ปริมาณการซื้อขาย (วอลุ่ม) ในหุ้นทั่วโลกเริ่มเบาบาง ทำให้เงินไหลออกจากตลาดหุ้นและเข้าไปลงทุนในตลาดพันธบัตรมากขึ้น
สำหรับตลาดหุ้นไทยและเอเชียนั้น พบว่า ช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา วอลุ่มก็เบาบางลงเช่นกัน หลังความน่าสนใจลงทุนลดลง แต่คาดว่าหลังจากมีการตั้งรัฐบาลโดยเร็ว และมีทีมเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง จะส่งผลบวกต่อตลาดหุ้นไทย รวมทั้งทำให้ความน่าสนใจในการลงทุนกลับมา ส่วนการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันที่ 13 ก.ค.นี้ ซึ่งคาดว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% คงไม่มีผลกระทบต่อบรรยากาศการลงทุนแต่อย่างใด เนื่องจากคาดการณ์แล้วว่าไทยและเอเชียจะใช้อัตราดอกเบี้ยในระดับสูงเพื่อต่อสู้กับเงินเฟ้อ
"ในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมาดัชนีหุ้นไทยปรับลดลงเพียง 1% น้อยกว่าตลาดหุ้นอื่น ๆ ในภูมิภาคที่ลดลงประมาณ 2% หลังได้รับผลกระทบจากปัญหาหนี้ในยุโรป ทำให้เงินลงทุนไหลเข้าตลาดพันธบัตรมากขึ้น ดัชนีหุ้นจึงปรับเพิ่มขึ้นได้ไม่มาก แต่ตลาดหุ้นไทยได้รับปัจจัยบวกจากปัจจัยการเมืองในประเทศ จากข่าวดีเรื่องผลการเลือกตั้งที่พรรคการเมืองมีคะแนนเสียงชนะค่อนข้างมาก อย่างไรก็ตาม ไม่สามารถตอบได้ว่าเงินทุนที่ไหลเข้าตลาดพันธบัตรจะไหลกลับเข้าตลาดหุ้นเมื่อไหร่".
Create Date : 13 กรกฎาคม 2554 |
Last Update : 13 กรกฎาคม 2554 18:43:15 น. |
|
2 comments
|
Counter : 709 Pageviews. |
|