Group Blog |
ประสบการณ์โดนขโมยกระเป๋า ที่สนามบิน LCCT มาเลเซีย เหตุเกิดขึ้นเมื่อวันนี้นี่เองค่ะ ที่สนามบิน LCCT ขณะจะบินกลับมากรุงเทพ เราเดินทางมากับพ่อแม่ หิ้วกระเป๋าสำหรับขึ้นเครื่อง (ไม่เกิน 7 ก.ก.) มาคนละใบ หลังลงจากรถบัส ที่มาจาก KL Sentral แล้ว ก็เอากระเป๋าที่หิ้วกันมาคนละใบ รวม 3 ใบ ไปใส่ไว้ในรถเข็นสัมภาระ วางแบบ 2 ใบไว้ล่าง อีกใบไว้ด้านบน แล้วก็โปะกระเป๋าโน้ตบุ๊คของพ่ออีก 1 ใบ ไว้ตรงชั้นวางเล็กๆ ใกล้ที่จับของรถเข็น แล้วก็เข็นกันไปที่ Food Court ที่อยู่ใกล้ๆท่ารถบัสนั่นเอง พอเข้าไปใน Food Court แล้ว เราก็ผลัดกันไปสั่งอาหาร และเฝ้ากระเป๋ากันค่ะ รถเข็นที่วางกระเป๋า ก็เสียบหัวเข้าไปใต้โต๊ะครึ่งนึง หลังจากนั้นก็เกิดมหกรรมโจ้แหลกกันประมาณเกือบครึ่งชั่วโมงได้ (คือหิวจัด เลยก้มหน้าก้มตากินกันอย่างลืมโลก ไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น ) พอได้เวลาต้องเข้า ต.ม. กับตรวจกระเป๋า ก็ลุกขึ้นมาเข็นรถออกไป แต่แล้ว!! ปรากฏว่า!! ...... กระเป๋าสัมภาระที่วางไว้ใบบนสุด (ของแม่) หายไป!!! T___T ทั้งๆที่รถเข็น วางอยู่ข้างๆตัวเรานี่เอง!! ก็เลยเดินวนหากันรอบนึง ไม่เจอ คนแถวนั้นก็มองๆ เพราะแม่ตกใจ วีนใส่ตัวเอง ว่าของของชั้นหายไปไหน!?! สรุปว่าหาไม่เจอค่ะ เราแปลกใจนิดหน่อยว่าทำไมกระเป๋าโน้ตบุ๊คของพ่อ ที่วางโปะไว้เฉยๆตรงชั้นวางเล็กๆด้านบนสุดไม่หาย คำตอบคือ พ่อเอาสายกระเป๋า พันๆๆๆๆๆๆๆๆ ไว้กับรถเข็นค่ะ แล้วยังอยู่ในระดับสายตาด้วย เลยรอด 5555 ก็สรุปว่าหาไม่เจอ ทั้งๆที่แน่ใจว่าก่อนเสียบรถเข็นเข้าไปใต้โต๊ะนั้น กระเป๋ามีครบทั้ง 3 ใบ และตอนลุกออกมา ไม่มีกระเป๋าตกอยู่แถวนั้นแน่ๆ ก็ทำอะไรไม่ได้ เลยไปแจ้งความไว้กับตำรวจในสนามบิน ตอนไปแจ้ง เราทั้ง 3 คน กับเจ้าหน้าที่อีก 2 คนก็รู้อยู่แล้วว่าแจ้งไปก็เปล่าประโยชน์ (ก็คงนึกขำกันเองในใจ) แต่ก็เขียนชื่อกับเบอร์ติดต่อไปค่ะ ว่าถ้าเจอกระเป๋าให้ติดต่อกลับก็แล้วกัน ถ้างานนี้มีการติดต่อกลับมา ต้องเรียกว่าปาฏิหาริย์...... เอ่อ เอาใหม่ จริงๆควรเรียกว่าอภินิหารเลยดีกว่า ก็สรุปว่าเราได้บทเรียนกันไป ว่าแม้แต่ของของเรา ที่อยู่ห่างแค่เอื้อมมือ แว้บเดียวเท่านั้นแหละก็หายได้!!! ก็นับว่ายังดีที่ข้าวของในกระเป๋าที่หายไปไม่มีอะไร นอกจาก เสื้อผ้าที่เริ่มเน่าแล้ว (ยังไม่ได้ซัก 5555) ประมาณ 2-3 ชุด แล้วก็ของฝากจากญาติๆนิดหน่อย ซึ่งอันนี้เสียดายที่สุด เพราะเค้าตั้งใจซื้อมาให้จริงๆ แล้วก็...... มีของอีกอย่างนึง ที่เป็นของคู่บุญบารมีมานาน ของแม่เราเอง มันคือ...... กระเป๋าผ้าเก่าๆ เปื่อยๆ บางๆ ที่ผ่านการโดนโจรเอาคัตเตอร์กรีด เพื่อล้วงเอาของในกระเป๋ามาแล้ว ตอนเดินช้อปปิ้งเมื่อหลายปีก่อน (ซึ่งของที่โจรได้ไป ก็เป็นของที่..... โจรคงนึกในใจว่า ถ้ารู้อย่างนี้แล้ว ไม่ลงแรงกรีดให้เมื่อยหรอก ) แต่สภาพกระเป๋าเปื่อยใบนี้มันยังดีอยู่...... ยังดีในที่นี้คือ มันยังใส่ของได้แบบหูไม่ขาด 5555 เราเลยเอาผ้าลายน่ารักๆ ไปเย็บปะรอยกรีดไว้เก๋ๆ (คิดไปเองว่ามันเก๋ =_=) แล้วใช้ต่อเป็นเครื่องเตือนใจ ว่าครั้งหนึ่งเราเคยโดนกรีดกระเป๋าด้วยนะเออ!! อันนี้แหละที่กลายเป็นเรื่องตลกที่สุด เพราะกระเป๋าผ้าเปื่อยใบนี้ มันได้ผ่านการเผชิญหน้ากับโจรมาแล้วอย่างโชกโชน ถึง 2 ครั้งถ้วน 5555 จบค่ะ ประสบการณ์โดนขโมยกระเป๋า ก็อย่างที่บอกว่าได้บทเรียนพอสมควรเหมือนกัน คือปกติพวกเราก็จะระมัดระวังเรื่องกระเป๋าและข้าวของพอสมควร อะไรที่สำคัญ อย่างเช่น พาสปอร์ต เอกสารการเดินทาง เงิน บัตรนั่นนู่นนี่ หรืออะไรที่มีค่า ก็จะพกติดตัวไว้ตลอดเวลา หรือพกไว้ในตัวเลย จะทำเป็นกระเป๋าลับ ไว้ที่ไหนในตัว อะไรทำนองนี้ ก็ได้นะ 555 จะไม่เก็บไว้ในกระเป๋าที่ไม่ได้อยู่ติดกับตัว ถ้าไม่จำเป็น (ที่จริงแล้วมันก็ไม่จำเป็นนั่นแหละ ไม่ว่าจะคิดในแง่ไหน) แต่ครั้งต่อๆไป ก็ต้องระวังมากกว่าเดิมอีก จะไม่วางทิ้งไว้แล้ว แม้จะวางไว้ข้างตัวเลยก็เถอะ จะนั่งแล้วเอาขาทั้งสองข้างหนีบไว้แน่นๆเลย 55555 น่ากลัวนะคะ เพราะเล่นขโมยกันโต้งๆเลย เค้าไมดูพวกกล้องวงจรปิดอะไรพวกนี้เพื่อหาคนร้ายเลยหรือคะ
โดย: Progirlmer วันที่: 6 เมษายน 2556 เวลา:21:18:55 น.
ตอบคุณ Progirlmer ค่ะ ตอนนั้นได้เวลาเข้า Gate แล้วค่ะ อีกอย่าง มาคิดดูแล้ว มันไม่มีของสำคัญ แล้วตอนเข้าไปแจ้งเจ้าหน้าที่ เห็นสีหน้าและท่าทีเจ้าหน้าที่ ก็พอจะรู้แล้วค่ะ ว่า ณ เวลาอันจำกัดนั้นมันทำอะไรไม่ได้ ก็เลยคิดว่า รีบไปขึ้นเครื่องดีกว่านะ
โดย: กำไลสีขาว วันที่: 6 เมษายน 2556 เวลา:21:26:30 น.
|
กำไลสีขาว
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?] |