แวะจิบเบียร์ลาว ณ เมืองหลวงพระบาง ภาค 1
อืมม์ เสร็จเรื่องยุ่งๆซะที จึงใด้มีเวลานำเรื่องราว และภาพแห่งความทรงจำมารวบรวมใว้ หลังจากดองใว้ซะหลายวันหลายคืนเหลือเกิน เพราะช่วงนั้นงานยุ่งชะมัด เอาหละวันนี้วันดี งานก็จบ เงินก็หมด และที่สำคัญเป็นวันที่จะกลับบ้านเรา ก็เลยนั่งปั่นซะให้เสร็จ
10/11/07
เริ่มจัดกระเป๋าเดินทาง เอาเท่าที่จำเป็นไป เพราะตั้งใจไปแค่สองวันหนึ่งคืน สาเหตุที่ต้องไป คือต้องออกนอกประเทศนี้ซะก่อน หลังจากที่เข้ามาใด้เกือบจะสามสิบวันแล้ว แล้วก็เข้ามานับหนึ่งใหม่ กะว่าทริปนี้จะไปแบบสบายๆ โดยไม่ต้องวางแผนอะไรมาก ไปเจอและแก้ปัญหาเอาข้างหน้า หุหุ (ทำเก่งอีกแระ)
ตื่นเช้าวันใหม่ วันนี้บรรยากาศใน Hanoi City เงียบสงบ ไม่มีเสียงรถเสียงแตร ให้พาลปวดหมอง ปวดหู ตื่นตีห้าครึ่ง อาบน้ำ เข้าห้องน้ำ แต่งตัว หยิบเป้ ตั๋วเครื่องบิน พาสพอร์ต แล้วขึ้นแท็กซี่ไปยังจุดหมายปลายทาง Noi Bai Airport ค่ารถคิดเหมา 10 USD แต่ก็ยังถูกกว่ามิเตอร์ เพราะตัวเลขที่มิเตอร์ยังมากกว่านี้ ใช้เวลาหนึ่งชั่วโมงพอดิบพอดี ขนาดเช้าๆรถไม่ติดนะเนี่ย ใกลพอสมควรแงะ
จากนั้นก็เข้าเช็คอิน แต่ก็มิวายที่จะขอนั่ง วินโดว์ ซิท เพราะมีความรู้สึกว่าไม่ค่อยอึดอัดนัก พนักงานสาวสวยก็ทำตามขอ พร้อมด้วยรอยยิ้มที่แสนจะน่ารัก เข้ากับบุคลิกเสียจริง อิอิ จากนั้นก็มีการพูดคุยกันนานพอสมควร หลังจากบอกเธอว่าจะกลับมาอีก เธอก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ประมาณว่า อิอิ มีคนเอารายใด้มาเข้าประเทศอีกคนแระ
จากนั้นก็เลยเข้าเดินเข้าไปในด่านตรวจ อิอิ ผ่านฉลุย แต่มาตกม้าตายก็ตรงด่าน เอ็กซ์เรย์กระป๋านี่แหละ คือเอาน้ำติดไปด้วย ขวดเล็กแต่ยังมะใด้เปิด กะว่าจะนำไปดื่มระหว่างนั่งรอขึ้นเครื่อง แต่พนักงานบอกว่าไม่ใด้ ให้ทิ้งตรงนั้นเลย ก็เลยเกิดการต่อรองขึ้นมา เขาคงเห็นเรายืนยันหนักหนา ว่าจะเอาไปให้ใด้ ก็เลยหาทางออกโดยการที่ เขาให้ดื่มให้เหลือครึ่งขวด จึงจะเอาไปใด้ ก็จัดเจงดื่มมันซะตรงนั้นเลย
จากนั้นก็ถึงเวลาขึ้นเครื่อง คนเต็มทุกที่นั่งเลยวันนี้ส่วนใหญ่เป็นฝรั่ง
ใช้เวลาเดินทางประมาณ 45 นาทีก็ถึงยังจุดหมายนั่นคือ สนามบินหลวงพระบาง เป็นสนามบินเล็กๆ ไม่พลุกพล่าน จากนั้นก็เข้าไปติดต่อซื้อแผนที่ หารถเข้าเมือง เจ้าหน้าที่บอกรายละเอียดใด้เป็นอย่างดี ที่สำคัญสามารถพูดไทยใด้เลย เหมือนอยู่บ้านเลยอะ อิอิ ถามเรื่องตู้เอทีเอ็ม เขาบอกว่าต้องไปในเมือง อ้าว เอางัยหละที่นี้ ปัญหาใหญ่เลยนะนั่น เพราะทั้งเนื้อทั้งตัวมีเงินไทย 250 บาท เงินดอล 1 USD เท่านั้น ก่อนอื่นต้องเข้าเมืองให้ใด้ก่อน เพื่อไปกด เอทีเอ็ม ค่า รถ 200 บาท เงินไทยสามารถจ่ายใด้เลย และก็ต่อรองราคาแผนที่ซะหน่อย เจ้าหน้าที่คงเห็นใจ ก็เลยขายให้ในราคา 50 บาท ปกติขายอยู่ที่ 2 USD จากนั้นก็ รอ รอ รอ เพื่อหาคนแชร์ค่ารถเข้าเมือง แต่ก็หาไม่ใด้ซักที่ ก็เลยตัดสินใจที่จะฉายเดี่ยว เท่ากับว่าตอนนี้ยังคงเหลือเงินติดตัวอยู่ 1 USD เท่านั้น หุหุ ชีวิตเริ่มที่จะเศร้าแระ
รถเข้ามาส่งถึงใจกลางเมือง ถึงตู้เอทีเอ็ม แต่เราบอกเขาก่อนว่าจะลงตรงนี้ เพราะตอนนี้ต้องการด่วนมากกว่าสิ่งใดก็คือ เงิน เงิน เงิน จากนั้นเดินไปอย่างมั่นใจ ด้วยความหวังอย่างแรงกล้า พอถึงตู้เอทีเอ็ม เกือบเป็นลมล้มชักทั้งยืน พระเจ้า หลวงพ่อ หลวงพี่ คำอุทานออกมาอย่างมากมาย เพราะตู้เจ้ากรรมดัน เบิกใด้เฉพาะ บัตร Master Card เท่านั้น ย้ำเท่านั้น บัตร เอทีเอ็ม ที่มีเครื่องหมาย Plus หรือ ATM Pool หรือ Visa Card ไม่สามารถใช้กับตู้นี้ใด้ เบิกใด้เฉพาะ บัตร Master Card เท่านั้น ย้ำเท่านั้น บัตร เอทีเอ็ม ที่มีเครื่องหมาย Plus หรือ ATM Pool หรือ Visa Card ไม่สามารถใช้กับตู้นี้ใด้ เอางัยหละทีนี้ อืมม์
โฉมหน้าตู้เอทีเอ็ม
หลังจากยืนงงๆ จึงตั้งสติใด้ เข้าไปถามคนแถวนั้น เขาบอกว่ามีอยู่ตู้เดียวนี่แหละ โอ ที่นี้เอางัยดี ยังคิดไม่ออก เอาหวะเดินไปเรื่อยๆดีกว่าชมเมืองไปด้วย คิดไปด้วย หาที่พักไปด้วย เผื่อมีไอเดีย ปิ๊งๆขึ้นมา หลังจากเดินวนไปวนมา อยู่เป็นชั่วโมง เริ่มหิวแล้วซิ จะบ่ายโมงแระ และแล้วความคิดดีๆก็แว๊ปปขึ้นมาในสมอง อิอิ อืมม์ถ้าเราหาที่พักที่สามารถจ่ายด้วยบัตรเครดิต Visa ใด้ก็จะ รูดปื๊ดดด รูดปื๊ดดด เอาเงินสดออกมาจ่ายด้วยซะเลย แต่ถ้าทางที่พักที่รับบัตรน่าจะแพงเอาเรื่องเลยนะเนี่ย แต่เอาฟะ งัยก็ต้องยอม เพื่อความอยู่รอด อิอิ และแล้วก็มีหนทางสว่างไสว จากนั้นเริ่มเดิน ๆๆๆๆ เพื่อหาที่พัก และแล้วสายตาก็เหลือบไปเห็นข้อความหน้าร้านแห่งหนึ่ง You can withdraw money from Visa&Master card You can withdraw money from Visa&Master card เดินเข้าไปอย่างมิรีรอ อิอิ สอบถามใด้ใจความว่า กดเงินออกมาเป็น Kip & USD ใด้แต่หักค่าธรรมเนียมเข้าร้านต่างกัน แต่ต้องขั้นต่ำ 450,000 Kip & 50 USD ถึงตอนนี้เอางัยเอากัน เลยกดซะ 450,000 Kip ก่อน (ใด้เรท 1 THB = 280 Kip, 1 USD= 9,000 kip )
นี่ครับร้านที่กล่าวถึง
ตอนนี้มีเงินแระ อิอิ สบายใจขึ้นมาหน่อยแระ อืมม์ ก่อนอื่นหาที่พักก่อนดีกว่า จากนั้นก็ตะเวนเดินหาใหม่ เอาแถวๆริมน้ำคานดีกว่า ท่าทางจะสงบเงียบดี และแล้วก็ใด้มาในราคา 80,000 Kip ก็พอประมาณนะ ไม่แพงมาก เป็นห้องพัดลม จากนั้นหารัยรองท้องซะหน่อย แล้วค่อยคิดอีกทีว่าจะไปไหนต่อ และแล้วก็เดินเลียบริมแม่น้ำโขงไปเรื่อยๆ จนมาถึงร้านอาหารแห่งหนึ่ง จัดการเข้าไปนั่งแล้วก็สั่ง ข้าวราดกระเพราะเนื้อ + โค๊ก+ น้ำแข็ง และแล้วก็จัดแจงซะเรียบภายในพริบตา อิ่มแระ จะไปไหนต่อดีน่า กางแผนที่ออกมา อืมม์ ไปน้ำตกดีก่า ท่าทางไม่ใกลมาก ประมาณ 40 Km (Kouang Si Water Fall) หลังจากสอบถามเจ้าถิ่แล้วใด้ความว่า ถ้าไปกับทัวร์ จ่าย 50,000Kip สำหรับค่ารถไปกลับ แต่ถ้าเหมารถไปเองก็แล้วแต่จะตกลง แต่ราคาค่อนข้างแรง และอีกหนทางคือ นั่งรถโดยสารไป ราคาประมาณ 10,000kip แต่ต้องไปขึ้นรถที่ตลาด พูสี อืมม์ เลือกทางเลือกที่สามดีกว่า (แต่ไม่แนะนำใด้ทำแบบเดียวกันนี้เพราะ เสียเวลาเสียเงินทองมากกว่า แถม เสี่ยงอีกด้วย อาจจะไม่โชคดีแบบผมก็ใด้ ไปกับทัวร์เถอะครับ) อิอิ ประหยัดใว้ก่อน จากนั้นนั่งสามล้อจากร้านไปยังท่ารถโดยสาร และแล้วก็ใด้รถไปยังน้ำตก แต่รอนานมากกว่ารถจะออก ประมาณชั่วโมงครึ่ง โชคดีหน่อยคนขับให้นั่งหน้ากับพระรูปหนึ่ง อิอิ ไม่ต้องไปเบียดห้อยโหนบนรถ แน่นมากๆขอบอก จากการใด้นั่งพูดคุยกับหลวงพี่ไปตลอดทาง เกิดการถูกคอกันอย่างยิ่ง เพราะหลวงพี่ก่อนที่จะบวชใด้ทำงาน อยู่แถวๆรังสิตคลองห้า ท่านบอกว่าเถ้าแก่คนไทยใจดีมาก ดีกับท่านมาก หลังจากคุยไปคุยมา หลวงพี่ชวนลงรถที่หน้าวัด เอ้าลงก็ลง จากนั้นหลวงพี่ก็โทรตามพ่อให้เอามอไซค์มารับ เพื่อพาไปยังน้ำตกและพากลับมาส่งในเมือง
ลำน้ำโขงตอนเที่ยงๆ บ่ายๆ
อาหารจานด่วนกับโค๊กเพิ่มรสชาด
และแล้วก็มาถึงน้ำตกจนใด้ ด้วยรถโดยสารครึ่งทาง มอไซค์ครึ่งทาง แต่ก็ถึงอย่างปลอดภัย แบบเรื่อยๆจริงๆ หุหุ ด้วยเวลาอันจำกัด ก็เลยเดินเก็บรูปและความทรงจำจนทั่ว และจากมาด้วยความหนาว เพราะเริ่มจะเย็นค่ำแล้ว นั่งมอไซค์เจ้าเก่าเข้าเมือง แต่ขากลับขอบอก หนาวมาก เพราะใกล้ค่ำ และอีกอย่างระหว่างทางจะเป็นภูเขา มีป่าบ้าง ใร่นาบ้าง สวนใม้สักบ้าง
รถโดยสาร
ด้านหน้าจะมี หมีและก็เสือให้ใด้ชมกัน
นี่คือพระเอกของสถานที่แห่งนี้
มาถึงตลาดกลางคืน หน้าโปรษณีย์ ณ เวลาประมาณ 6 โมงนิดๆ ตอนนั้นกะลังจะมืด หลังจากบอกลาและกล่าวขอบคุณพร้อมใหว้ อย่างสวยงามแบบอย่างไทยๆ กับท่านพ่อหลวงพี่แล้ว ก็เดินเข้าตลาดทันทีทันใด เดินเก็บภาพไปเรื่อยๆ จนเลยเข้ามาในซอยเพื่อหาอาหารเย็นรองท้องซะหน่อย
เดินจนสุดซอย จะมีร้านขายของกินมากมายหลายชนิด แต่ก็เลือกที่จะฝากท้องใว้กับร้านนี้ เพราะ..............................เธอ.......................และก็........................เธอ.......?
ร้านนี้แหละครับ ทุกชาติทุกภาษาราคาเดียว จานละ 7,000Kip เบียร์ลาวขวดละ 9,000Kip แม้แต่คนลาวเองก็ราคานี้ (คิดว่าน่าจะทุกร้านนะ)
หลังจากทานเฝอลาวเรียบร้อยแล้วนั่งคุยไปเรื่อยๆกับแม่ค้าทั้งสอง ซึ่งเธอคุยอย่างเป็นกันเองมาก โดยเฉพาะสาวน้อยชื่อ ตุ๊กตา เรียนชั้น ม 3 เธอเก่งในด้านค้าขายมากๆ เวลามีคนเดินผ่านเธอจะเป็นคนทักทาย "สบายดี" พอลูกค้านั่งปั๊ป สั่งเฝอปั๊ปเธอจะถามต่อทันที เบียร์ลาวไหม? (Beer Laos?)ส่วนใหญ่จะสั่งกันคนละขวด หลังจากทานเสร็จเก็บตังค์ เธอก็จะพูดต่ออีกว่า see you tomorrow ชอบเธอมากครับ เธอขยันพูดพูดเก่ง ช่วยขาย เธอจะมาขายทุกคืน ตกลงคืนนั้นใด้มีโอกาสนั่งเจรจา พลัดกันถาม พลัดกันตอบ แถมน้องตุ๊กตาคอยพาไปเข้าห้องน้ำด้วย (หลายครั้ง เพราะหลายขวด อิอิ) นั่งจ้อจนร้านจะปิดก็เลยขอตัวกลับไปนอนก่อนดีกว่า จะใด้ตื่นตอนเช้าๆ พอดีกับเบียร์ลาวหมดไปแล้วสี่ขวด จะดื่มต่อก็กระรัยอยู่ กลัวต้องนอนเฝ้าร้าน 555 และอีกอย่าง อากาศหนาวซะด้วยซิ ก็ดันใส่เสื้อยืดไปซะด้วย เฮ้อ
เฝอจานเด็ด
เผลอซัดไปใด้ สี่ขวด (ก็มันหนาวววว) คุยไปคุยมา แม่ค้าส้มตำร้านข้างๆ ใจดี คุยถูกคอ ตำมาให้ครกหนึ่ง ตอนสั่ง พริกสามเม็ด ไม่ร้า พอเอาเข้าจริงๆเผ็ดมากๆๆๆๆๆๆๆๆ เพราะแม่ค้าลืมล้างครก ก่อนหน้านี่เพิ่งตำไปครกหนึ่ง ใส่พริก 15 เม็ด โอ นี่คือสาเหตุที่ไม่หมดจาน เหอๆๆๆ
หน้าตาเจ้าของร้านผู้ใจดี ทั้งสอง (ใครผ่านไปแวะไปทักทายน้องตุ๊กตา กับแม่ใด้นะครับ ร้านสุดท้าย ขวามือ)
แถวด้วยบรรยากาศยามค่ำคืนบนถนนสายหลัก
และแล้วก็กลับห้องนอน ตามสภาพ อิอิ
Create Date : 13 พฤศจิกายน 2550 |
|
5 comments |
Last Update : 20 พฤศจิกายน 2550 1:15:29 น. |
Counter : 1930 Pageviews. |
|
|
|