อย่างไรก็ตาม จากการเข้าไปชันสูตรไขปมปริศนาการตายของกระทิงทั้งหมดที่มีทีมสัตวแพทย์ไม่ต่ำว่า 30 ราย นำโดย ดร.วงศ์อนันต์ ณ ราชวาณิชการ จากสถาบันสุขภาพสัตว์แห่งชาติ กรมปศุสัตว์ เข้าไปยังพื้นที่เกิดเหตุ เบื้องต้นจากการชันสุตรไม่พบว่ากระทิงที่ตายแสดงอาการดิ้นทุรนทุรายก่อนตาย แม้ซากนั้นจะเน่าเปื่อย ส่งกลิ่นเหม็นจนแทบจะหาชิ้นส่วนของเนื้อมาตรวจสอบได้ แต่กลับพบว่าลักษณะของกระทิงทั้งหมดเหมือนเดินๆ ไปแล้วก็ทรุดลง และขาดใจตายทันทีแบบเฉียบพลัน ขณะที่เจ้าหน้าที่พิสูจน์ซากสัตว์ป่า ยอมรับว่าไม่เคยพบการตายที่ผิดปกติของกระทิงทั้งหมดนี้มาก่อน เช่นเดียวกับ พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน จเรตำรวจแห่งชาติ และคณะ ที่ได้ลงพื้นที่เพื่อติดตามความคืบหน้าของคดีนี้เมื่อวันที่ 9 ม.ค.57 ก็บอกว่า "จากการสอบสวนในเชิงลึกการตายของกระทิงของ 14 ตัวในจำนวน 18 ตัวมีความผิดปกติแน่นอน" พร้อมกับได้มีการแจ้งความว่า "มีการฆ่าและล่าสัตว์ป่าสงวน" แก่ผู้ที่กระทำผิด ทั้งๆ ที่จนถึง ณ ขณะนี้ก็ยังหาคนที่ทำผิดใจอำมหิตไม่ได้ พร้อมแต่งตั้ง พล.ต.ต.ธเนษฐ สุนทรสุข ผบก.ภ.จว.ประจวบคีรีขันธ์ เป็นประธานการสอบสวนในคดีดังกล่าว ขณะเดียวกันกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) และประชาชนชาวอำเภอกุยบุรี โดยมีนายนิติพัฒน์ แน่นแคว้น ผู้ใหญ่บ้านรวมไทย ต.หาดขาม อ.กุยบุรี เป็นแกนนำ ได้พร้อมใจกันลงขันตั้งรางวัลเงินสด 100,000 บาทให้แก่บุคคลที่สามารถแจ้งเบาะแสจนนำไปสู่การจับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องที่ทำให้กระทิงป่ากุยบุรีเสียชีวิต โดยชาวบ้านนกุยบุรียืนยันว่า จะติดตามการคลี่คลายปมการเสียชีวิตของกระทิงป่ากุยบุรีอย่างใกล้ชิดต่อไป ขณะที่นายวัฒนา พรประเสริฐ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (สาขาเพชรบุรี) เปิดเผยว่า การตายของกระทิงจำนวนมากครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 10-15 ปีนับตั้งแต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงเสด็จ และมีพระราชดำรัสให้ช่วยกันดูแลช้างในป่ากุยบุรีขึ้น จึงถือเป็นเรื่องสะเทือนใจของชาวบ้านกุยบุรีอย่างมาก เนื่องจากที่ผ่านมาชาวบ้านได้ช่วยกันอนุรักษ์กระทิงและช้างร่วมกับกรมอุทยานฯ มาหลายปีแล้ว ทำให้พื้นที่นี้มีสัตว์ป่าหลายชนิดเพิ่มจำนวนมากขึ้นและไม่เคยมีปัญหาการเข้าล่าสัตว์ป่าในป่ากุยบุรี
|