Khantī paramam tapo tītikkhā [Buddhist Proverbs]
Group Blog
 
 
มกราคม 2552
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
28 มกราคม 2552
 
All Blogs
 
พี่แช่ขอเล่าต่อ

สวัสดีครับทุกคน พี่แช่...กลับมาแว้ว

หลังจากปีใหม่มาอากาศก็หนาวแบบที่ไม่เคยหนาวอย่างนี้มาหลายปีแล้ว ส่งผลให้พี่แช่ไข้รับทานไปหลายวัน แล้วก็ต่อด้วยพายุงานที่โถมทับเข้ามาประดุจดังสตอร์มเซิร์ชที่สาดซัดสู่ทะเลใจ...

คือข้างบนเป็นข้ออ้างน่ะครับ ที่ทำให้พี่แช่ไม่ได้อัพบล็อก ไม่ได้เมนต์บล็อกซะหลายวัน แถมยังไปรับปากรับคำจะเล่นคีย์บอร์ดให้คุณหนู Cable เล่นกีต้าร์ส่งให้น้องโจร500 ซึ่งถึงตอนนี้ยังไม่ได้ทำซักอย่าง แหะๆ

ยังรับปากรับคำเหมือนเดิมครับ แต่ขอเวลาพี่แช่บิวด์อารมณ์ที่หายไปกับสตอร์มเซิร์ชซักพักนะครับ

ทีนี้ก็มาคิดสิว่าจะอัพบล็อกอะไรดี เพราะทิ้งไว้หลายวันแล้ว
ก็นึกอะไรไม่ออก งั้นพี่แช่ขอเล่าต่อก็แล้วกันนะครับ แบบว่าเอาของเก่ามาหากินไปพลางๆก่อน

ความเดิมตอนที่แล้ว ทิ้งท้ายไว้ว่า...
เรื่องนี้ทำให้ผมนึกถึงอดีต ที่ผมเริ่มฟอร์มวงกับผองเพื่อน เมื่อประมาณ 25 ปีที่แล้ว (โอ้โห นึกแล้วนานเหมือนกันนี่หว่า )

คืองี้ครับ ช่วงตอนอายุ 15-16 ผมก็ได้เจอกับเพื่อนๆ คอเดียวกัน คือบ้ากีต้าร์และร้องเพลง แถมยังมีอีกคนนึงที่มีบ้านใหญ้โตพอให้เราเข้าไปซุกหัวนอนกันได้ถึง 3-4 คน ซึ่งเราก็ไม่ปล่อยโอกาสนั้นให้หลุดลอยครับ ไปอยู่ซะเป็นอาทิตย์ๆ แถวปากน้ำ สมุทรปราการ คือกลางวันก็มาเรียน เย็นก็กลับไปบ้านเพื่อน กินนอนเล่นกันอยู่ที่นั่น

ความจริงเรื่องนี้ พอนึกถึงตอนนี้แล้วผมรู้สึกกระดากใจมาก ช่วงนั้นพวกเราบ้ากันจริงๆ เล่นกีต้าร์ส่งเสียงดัง แถมไปกินมะม่วงน้ำปลาหวานของแม่เพื่อนซะหมดตู้เย็น จำได้ว่า เคยมีญาติคนนึงของบ้านนั้นถามพ่อ-แม่เพื่อนว่า นึกยังไงให้ไอ้พวกนี้เข้ามาส่งเสียงโวยวายในบ้านอยู่ทุกวี่ทุกวัน

คำตอบนั้น ประทับใจผมมาจนถึงบัดนี้ ท่านตอบญาติคนนั้นไปว่า ให้มันมาเสียงดังในบ้าน ดีกว่าไปเสียงดังที่อื่น ขอบคุณครับ คุณลุงคุณป้า

ตอนนั้น เราเล่นกันอยู่ 5 คน ก็กีต้าร์โปร่ง เล่นเพลงในยุคนั้น อคูสติคก็ต้อง ภูสมิง หน่อสวรรค์ครับ (ซึ่งน่าแปลกที่ผมยังไม่เคยร้องเพลงของภูสมิงลงบล็อกเลย คิดดูแล้วเพราะผมคิดว่าเล่นคนเดียวคงไม่ไพเราะ เพราะเพลงของภูสมิงเน้นที่เสียงประสานทั้งกีต้าร์และเสียงร้อง ซึ่งผมกำลังทาบทามเพื่อนเก่าแก่รุ่นนี้ที่ยังไปมาหาสู่กันอยู่คนหนึ่ง จะกลับมาลองเล่นดูครับ เร็วๆนี้) คนร้องพอได้ก็มีอยู่ 3 คน รู้สึกว่าผมจะเป็นหลักมั๊งถ้าจำไม่ผิด แต่เป็นเพลงไทยนะ ถ้าเพลงฝรั่งยอมรับว่าผมร้องได้ห่วยแตก ไม่รู้เป็นยังไง

ก็เล่นๆ กันไปจนกระทั่ง 3 ปีผ่านจบการศึกษาขั้นต้นกันไป สุดท้าย 5 คนเหลือ 2 คน ที่ยังเหนียวแน่น คือผม กับ คุณ ฎ ชฎา (คล้ายๆ กับ ธนิต-ภูสมิง เชียวนาครับ อิๆ)


ธนิต ศิลปกิจ-ภูสมิง หน่อสวรรค์ (พ.ศ.2524)


หลังจากที่คิดว่าแน่แล้ว เราทั้งคู่ก็เริ่มเดินสายประกวดเล่นกีต้าร์อคูสติคครับ



<เล่าต่อครับ>
อ้อ... อาจมีคำถามว่าแล้วทำไมผมเรียกตนเองว่า พี่แช่ ทำไมไม่เรียก พี่หมิง เพราะชอบภูสมิง คืองี้ครับ

ตอนนั้น พูดถึงวงสตริงที่ดังเป็นพลุแตก ก็ต้อง Grand Ex' ที่มีพี่แจ้ ดนุพล เป็นนักร้องนำ ซึ่งผมชื่นชอบสไตล์การร้อง-แต่งเพลง-เรียบเรียบเพลงของแกมากครับ แล้วก็ร้องเพลงของแกบ่อยๆ ผมว่าพี่แจ้นี่ล้ำยุคมาก เพราะแกจะมีลูกเล่นในการร้องเปลี่ยนไปตลอดในแต่ละชุด เช่น ใครจะคิดว่าแกจะกล้าร้องเพลง คนธรรพ์รำพัน ในสไตล์นี้ในยุคนั้น ต้องกล้ามากๆ เลยนะครับที่ฉีกแนวออกมาแบบนี้



ทีนี่เวลาแกเรียกตัวเอง แกจะใช้คำว่า พี่แจ้ แต่เสียงแกจะดัดจริตนิดๆ (ซึ่งผมชักสงสัยตะหงิดๆ เมื่อมาเห็นพี่แจ้ในช่วงเวลานี้ว่าชักจะยังไงๆ) ทำให้ได้ยินไปว่า พี่แช่ ซึ่งคนเขาก็ล้อกันทั่วบ้านทั่วเมืองในยุคนั้น ผมก็ด้วยน่ะครับ รู้สึกตลกดี เลยขออนุญาตใช้ชื่อนี้ ด้วยความเคารพพี่แจ้นะครับ

ถึงไหนแล้วล่ะครับนี่ อ้อ ผมกับเพื่อนเริ่มจะไปประกวดอคูสติค ซึ่งไม่ได้ใช้เวลาเล่นกันแป๊บๆนะครับ ถ้าจำไม่ผิดคิดว่าน่าจะไปแข่งซักช่วงปี 2530-2532 ก็อายุประมาณ 20 กว่าๆ แล้ว จากรวมตัวกันอายุ 15 ก็ผ่านมา 7 ปีได้ ตอนนั้นก็ว่าเราแน่

โทรไปถามเพื่อนเมื่อเย็นได้ความว่า การลงแข่งครั้งแรกเล่นของหนักเลยครับ คือ การประกวดอคูสติคกีต้าร์ Coke Music Award ซึ่งเป็นการแข่งขันระดับประเทศ รู้สึกจะจัดเป็นครั้งแรกด้วยนะครับ มีแบ่งเป็นระดับสมัครเล่นและระดับอาชีพ

ผมกับเพื่อนก็ลงแข่งในระดับสมัครเล่น ในรอบแรกเขากำหนดให้เล่น 2 เพลงครับ ไทยเพลง สากลเพลง ซึ่งเราเลือกเล่นเพลง The Boxer ของ Simon and Garfunkel และเพลง รอรักเดิม ของ ธนิต-ภูสมิงครับ เพราะเราเล่นกีต้าร์คู่และร้องประสาน

จะว่าไปแล้ว เมื่อผมกลับมาฟังเพลง The Boxer ต้นฉบับในช่วงเวลานี้ ก็รู้สึกอึ้งๆเหมือนกันว่า นี่เราเล่นเพลงนี้กันเข้าไปได้ยังไง เพราะไม่ง่ายที่จะเล่นและร้องประสานไปแบบนั้น โทรคุยกับเพื่อนเมื่อเย็น ก็ได้คำตอบว่า "(กรู)ก็ไม่รู้เหมือนกันว่ะ จำไม่ได้"





<เล่าต่อครับ>
พอถึงเวลา เราก็แบกกีต้าร์ไปแข่งครับ ที่บริษัทไทยน้ำทิพย์ อยู่ตรงไหนก็จำไม่ได้ซะแล้ว

กีต้าร์ก็พื้นๆครับ ของผมราคา 2,800 ก็ไม่มีอะไรพิเศษ ทั้งแจ๊คเสียบตู้แอมป์ หรืออุปกรณ์ให้เสียงออกทางลำโพง เรียกอะไรก็่รู้จำไม่ได้ที่เวลาใช้ก็จะไปติดอยู่ที่ตรงวงกลมของกีต้าร์ พูดง่ายๆ เราไปแบบอ่อนประสบการณ์มากทั้งคู่ แต่ไมค์ร้องเพลงนั้นเราพอมีความคุ้นเคยอยู่บ้างเพราะเคยเข้าห้องซ้อมเพลงเล่นกัน

ถามว่าสั่นมั๊ย ก็สั่นนะครับ พอถึงเวลาขึ้นไปเล่นต้องบอกเลยว่าพอลงมาผมเองจำอะไรไม่ค่อยได้เลย เรียกว่าสั่นถึงขนาดนั้น จำได้แต่ว่าเราเล่นกันได้ตามที่ซ้อม ข้อผิดพลาดน้อยมาก แล้วก็ความรู้สึกว่าออกมาโอเค อ้อ...กีต้าร์เราใช้ไมค์จ่อที่ช่องวงกลมครับ เสียงก็พอโอเค เพราะเราเล่นกันในห้องไม่ใหญ่นัก เสียงกังวานชัดใช้ได้ ก็นึกภาพห้องสัมมนาเล็กๆซักห้องก็ได้ครับ มีเวทียกพื้น แล้วก็มีคนดูก็คือคนเข้าแข่งนั่นเอง น่าจะมีกองเชียร์ด้วยนะครับ แต่ผมจำไม่ได้ว่าเรามีรึเปล่า ถ้ามีก็คงคนสองคน

ตอนไปเล่นก็พอรู้ว่ามีคนแข่งเป็นร้อย รอบแรกนี้จะคัดเข้าไปรอบสองให้เหลือ 20 คน แล้วจะไปแข่งกันต่อที่เดอะมอลล์ รามคำแหง แบบว่าแข่งกันตรงโถงโล่งๆในห้างกันเลยครับ

เราก็รอวันประกาศผลอย่างใจจดใจจ่อ ยามกินไม่ได้นอน ยามนอนไม่ได้กิน เวลากินก็กินได้ทีละคำเท่านั้น

ก็ปรากฏว่าเราเข้ารอบครับ โดยให้เวลาคนแข่งกันน่าจะไม่เกินอาทิตย์นึงเพื่อไปเตรียมตัว ซึ่งอนุญาตให้เล่นเพลงเดิมที่เล่นในรอบแรก

และแล้วเมื่อถึงวันแข่งที่เดอะมอลล์ รามคำแหง ประสบการณ์ที่คอยตามหลอกหลอนผม (คงเพื่อนผมด้วยล่ะ) มาจนถึงบัดนี้ ก็เริ่มบันทึกขึ้น...




ผมจำไม่ได้ว่าตอนนั้นเราคิดกันยังไง แต่ที่แน่ๆ เราคงคิดกันแบบกบในกะลา คือคิดว่าแน่แล้ว แต่ที่จริงตอนนั้นจะว่าไป เราก็มั่นใจมากจริงๆ เพียงแต่น่าจะอ่อนเรื่องประสบการณ์และขาดครูที่ดี คือเราไปแข่งทั้งๆที่ไม่ได้ไปดูก่อนเลยว่าสถานที่แข่งเป็นยังไง ถึงเวลาก็แบกกีต้าร์กันคนละตัวไป

พอไปถึง โอ้อะไรกันวะนี่ นั่นมันเวทีแบบคอนเสิร์ตเลยนี่หว่า ตั้งอยู่ตรงโถงโล่งๆ ที่ชั้น 1 ของห้่าง ขนาบไปด้วยบันไดเลื่อนทั้งสองด้าน ชั้นบนๆ ก็ยืนดูได้โดยรอบ ขาเริ่มสั่นสิครับ

พอเข้าไปด้านหลังเวที ไปเห็นคนแข่งที่เข้ารอบมาด้วยกัน ยุ่งล่ะสิ แต่ละคนเล่นเอากีต้าร์หลังเต่า (กีต้าร์โปร่งไฟฟ้า) มาทั้งนั้นเลย เหงื่อแตก แต่ก็ยังคิดในใจ เอาวะ ซ้อมมาดี

ตอนขึ้นไปแข่ง เราก็เอาไมค์จ่อกีต้าร์เหมือนเดิม พอเริ่มขึ้นเพลงเท่านั้นแหละครับ ผมกับเพื่อนก็เหลือบตามองกันด้วยความตกใจแบบที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน!!!

คือพอเราเิริ่มอินโทรกีต้าร์ ก็เริ่มรู้ว่างานเข้าแล้ว! เพราะเราไม่ได้ยินเสียงกีต้าร์ของเราเลยครับ อืมม จะว่าไปก็ได้ยินบ้างเหมือนกัน คือได้ยินเหมือนดีดกีต้าร์ที่ผ่อนสายจนหย่อนสุดๆ เสียงจะดังแกว่วๆ ฟังไม่เป็นเพลงอะไรทั้งนั้น ตอนนั้นแบบว่าตกใจมาก ไม่รู้จะทำยังไง คือมานั่งคิดตอนนี้ก็มีทางออกนึงที่ตอนนั้นเราไม่ได้นึกถึง คือหยุดเล่นแล้วขอเช็คเสียงกันใหม่ แต่ตอนนั้นมันพูดยากครับ เวทียังกับเวทีคอนเสิร์ต สั่นก็สั่น การกระทำต่างๆมันก็แทบจะเป็นอัตโนมัติอยู่แล้ว

ผมเหลือบตามองเพื่อน เพื่อนเหลือบตามองผม ตอนนั้นใจมันสื่อถึงกันว่า เราต้องเ่ล่นต่อไป แล้วก็ทำเหมือนกัน (มารู้ตอนลงจากเวทีมาคุยกันแล้ว) คือเหลือบตามองนิ้วของแต่ละคน แล้วเล่นให้ตรงกัน

ลองนึกสภาพพวกเราสิครับเล่นเพลงแบบกีต้าร์ประสาน แล้วไม่ได้ยินเสียงกีต้าร์เลย ต้องใช้วิธีเหลือบดูนิ้วของเพื่อนแล้วเล่นไป อาศัยว่าเราซ้อมกันหนักมากจนมันน่าจะเล่นไปพร้อมกันนะ คือจนถึงบัดนี้ผมยังอายที่จะถามใครที่ฟังอยู่ข้างล่างว่าเสียงกีต้าร์มันเป็นยังไง

เท่านั้นยังไม่พอ พอเริ่มเข้าเสียงร้องก็ร้องกันออกไป โอ้โฮเฮะ เราก็ไม่ได้ยินเสียงร้องของเราเองอีก มองหน้าเพื่อนก็สื่อกันอีกว่าเราต้องเล่นให้จบ เราก็เล่นและร้องกันไปด้วยสัญชาตญาณครับ ไม่รู้เหมือนกันว่าสีหน้าของเราตอนนั้นเป็นยังไง นี่แหละครับ มิตรแท้จะรู้ซึ้งก็ตอนคับขัน ซึ่งในกรณีนี้เราซึ้งจริงๆว่า มิตรแท้นั้นต้องสามารถใช้ใจสื่อสารกันได้ครับ

ครับ 2 เพลง ยาวประมาณ 8-9 นาที ที่เราตกอยู่ในสภาพสุญญากาศ...เล่นกันไปด้วยสปิริต ลงจากเวทีมาด้วยความเหงาหงอย เพราะเชื่อเลยว่ามันคงออกมาได้ห่วยแตก ไม่ต้องรอฟังเลยว่าจะเข้ารอบชิงรึเปล่่า (อืมมม แต่ก็ไม่แน่นะครับ เสียงร้องอาจจะใช้ได้ เพียงแต่เสียงกีต้าร์คนฟังก็คงไม่ได้ยินเหมือนกัน)

นี่แหละครับเหตุการณ์กบในกะลาช่วงหนึ่งที่ผ่านมาเกือบ 20 ปีแล้ว แต่นึกถึงทีไรก็รู้สึกอับอายมาจนถึงบัดนี้


อาจมีคำถามจากเพื่อนๆน้องๆว่า แล้วมันเกิืดอะไรขึ้นถึงได้เป็นแบบนั้น ตอบได้เลยครับว่า พอรู้บางส่วน คืองี้ครับ

ในกรณีเสียงร้องที่ไม่ได้ยิน อันนี้เป็นปัญหาใหญ่ของนักร้องบนเวทีทุกคนครับ ถ้าเวทีนั้นไม่มีลำโพงที่หันเข้าหาเวที คือถ้าเวทีนั้นมืออาชีพ จะต้องมีลำโพงเล็กๆ อย่างน้อยลำโพงนึงให้วางไว้ที่กลางเวที หันหน้าเข้าหานักร้อง เพื่อที่จะให้นักร้องได้ยินเสียงตนเอง ร้องออกมาได้ตรงเมโลดี้

ถึงยังงั้นก็ตาม สังเกตพี่แจ้ ดนุพล สิครับ ร้องเพลงไปป้องหูไป ไม่ใช่เท่หรอกครับ เสียงดนตรีสตริงมันดังมากจนกลบเสียงร้องไปหมดต่างหาก วิธีแก้เลยต้องป้องหูให้ได้ยินเสียงตนเอง

เคยมีอยู่ครั้งนึงที่ผมไปดูพี่ภูสมิงเล่นเดี่ยวกีต้าร์ที่หอประชุมมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง (เล่นเพราะเหลือหลายตอนที่แกกำลังฮอต) เล่นไปจบเพลงแรก พี่เขาบอกเลยว่าให้หาลำโพงหันมาหาพี่เขาหนึ่งตัว ไม่งั้นจะเลิกเล่นเลยครับ

รู้สึกว่าปัจจุบันจะใช้วิธีให้นักร้องใส่หูฟังแทรคเสียงร้องของตนเองไว้นะครับ เพราะผมดูคอนเสิร์ต AF ตอนที่น้องกู้ดร้องๆอยู่ เธอก็ถอยหลังไปร้องห่างจากเวที ซึ่งมารู้ทีหลังว่าเพราะหูฟังเสียงร้องมันเจ๊ง ซึ่งนั่นน่ะคือหายนะของนักร้องชัดๆ เลยครับ แต่เธอเจ๋งมากที่แก้ปัญหาได้ รู้สึกเธอจะบอกทีหลังว่าใช้วิธีนับจังหวะดนตรีช่วยประคองตัวด้วย

ส่วนเสียงกีต้าร์ทำไมไม่ได้ยิน อันนี้ผมยังไม่ค่อยแน่ใจครับ เพราะตอนใช้ไมค์จ่อกีต้าร์แล้วลองเสียงก่อนเล่นจริง ก็จำได้ว่าพอได้ยินเสียงอยู่เหมือนกัน ไม่งั้นเราคงท้วงแต่แรกแล้ว ก็ไม่รู้ว่าทำไมเวลาเล่นจริงกลับไม่ได้ยินเสียงเลย

แต่นั่นมันปลายเหตุครับ ที่จริงแล้วดีที่สุดคือเราต้องใช้กีต้าร์โปร่งไฟฟ้าครับสำหรับเวทีระดับนี้ เพราะจะได้ยินเสียงชัดๆ เป็นการคุมจังหวะการเล่นและสร้างอารมณ์เพลง ซึ่งจะช่วยให้เสียงร้องที่แม้จะไม่ได้ยินแต่เราก็พอจะจับจังหวะแล้วร้องไปตามที่ซ้อมได้

ที่พูดมานี่ตอนนั้นเราไม่มีความรู้อย่างนี้เลยครับ ก็เพราะเราไม่เคยขึ้นเวทีเล่นกีต้าร์โปร่งแบบโล่งๆ กว้างๆ แบบนี้มาก่อน สรุปว่าเราทั้งคู่ตอนนั้น โง่และชะล่าใจ ครับ ฟันธง


หลังจากเวทีนั้นเราก็ไม่เข็ดครับ เดินสายไปประกวดอีกหลายที่ เช่น ธรรมศาสตร์ รถไฟดนตรี รายการของพี่ฉอด ก็อีหรอบเดิมๆ ครับ ปัญหาเดิมๆ คือเราใช้ไมค์จ่อกีต้าร์เหมือนเดิม แล้วก็ไปแป้กในรอบท้ายๆเหมือนเดิม (แต่เวทีไม่กว้างเหมือนที่เล่าไปน่ะครับ เลยไม่อับอายมาก) ซึ่งเพื่อนๆ น้องๆ อาจอยากถามว่า อ้าวแล้วทำไมไม่ใช้กีต้าร์โปร่งไฟฟ้าล่ะ อืมม ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะมันแพง อีกส่วนหนึ่งก็ไม่้รู้เหมือนกันครับว่าตอนนั้นเราคิดยังไง อาจไม่มีวาสนาจะดังในทางนี้มังครับ เลยทำให้เราไม่ได้คิดซะที

ส่วนเวที Coke Music Award ปีต่อๆมานั้น ผมไม่ได้ไปแข่งแล้วเพราะปีต่อมาหลังจากนั้นผมก็เลิกเล่น(แบบจริงๆจังๆ) ด้วยเหตุผลหลายประการ แต่มารู้ทีหลังว่าเพื่อนผมแอบไปแข่งครับ โดยไม่ได้บอกผม เข้าใจว่าคงอายหากจะตกรอบอีก แล้วปีไหนก็จำไม่ได้ครับก็เข้ารอบชิงแล้วได้ที่ 5 รึยังไงนี่แหละครับ (คุณพี่ฎ ช่วยเล่าตรงนี้หน่อยก็ดีนะ) โดยใช้กีต้าร์กึ่งไฟฟ้าเล่นครับ คือใช้อุปกรณ์เสียบที่ช่องวงกลมแล้วต่อสายเข้าลำโพง

ส่วนผมก็เดินทางไปในเส้นทางสายใหม่ๆ (งานอดิเรกอีกรูปแบบนึง ที่้ถ้าใครทายถูกว่าผมไปทำอะไรต้องถือว่าสุดยอด เพราะเรียกว่าคนละเรื่องกับวงการเพลงเลยครับ อิๆ แต่ก็ไม่เคยถึงจุดสูงสุด จนกระทั่งมาถึงเรื่องที่ผมทำในปี 2546 ถึงได้สัมผัสกับคำว่าแชมป์กับเขาบ้าง) หันหลังให้กับวงการเพลงนับแต่นั้นเป็นต้นมา...




ปล.
- ผมหันมาแข่งหมากรุกไทยครับ แล้วก็มีโอกาสได้เป็นไปแข่งกีฬามหาวิทยาลัยมาครั้งนึงครับ
- ปี 2546 ผมไปแข่งรายการที่คุณก็รู้ว่ารายการอะไร จังหวะดีได้แชมป์มาครับ

ขอปิดท้ายหัวข้อนี้ด้วยเสียงร้องของสาวสวย(รึเปล่า ภาพไกลจัง ) เสียงดีที่พี่แช่ชอบมาก ซึ่งพอดีบังเอิญไปเจอมาครับ ส่วนจะเป็นใครนั้น รอเจ้าตัวมาเฉลยเองแล้วกันครับ ฮิๆๆ




Create Date : 28 มกราคม 2552
Last Update : 3 กุมภาพันธ์ 2552 1:02:47 น. 39 comments
Counter : 1019 Pageviews.

 
มาฟังพี่แช่เล่าต่อ....

ช่วงนี้ ม่ะค่อยสบาย ขอลาพักบล๊อกสักระยะนะกั๋บ....นอนแอดมิดก่อนนะพี่แช่


โดย: NuHring วันที่: 28 มกราคม 2552 เวลา:10:46:48 น.  

 
... โอ้ เริ่มเล่าเรื่องความหลังแล้ว

... อายุ 15-16 เมื่อ 25 ปีที่แล้ว อืมมม นานพอดูเชียว

... รออ่านต่อตอนต่อๆ ไปนะคะปู่


โดย: SIMAKHA วันที่: 28 มกราคม 2552 เวลา:10:49:35 น.  

 
ต้องกลับออกไป log in เข้ามาใหม่ ถึงจาเม้นท์ได้ คิคิ

ช้ายังไงก็รอพี่แช่ซาเหมอค่ะ รอได้ๆๆ


โดย: Cable InLove วันที่: 28 มกราคม 2552 เวลา:22:06:56 น.  

 
มาติดตามเรื่องราวค่า


โดย: นิเฟอซัง วันที่: 28 มกราคม 2552 เวลา:22:09:19 น.  

 
NuHring: พักผ่อนก่อนจ้า หายเร็วๆนะครับ เป็นกำลังใจให้ชนะ (ดีกว่า เสมอ อิๆ)


SIMAKHA: แหม หลานสิมามีมุขกะเขาด้วยนะครับ ยังดีนะว่าพี่แช่ยังไม่กินของขม


Cable InLove: ยังมีปัญหาอีกอย่างครับคุณหนู คือพี่แช่ลมเพลมพัดน่ะครับ ดูเหมือนตั้งใจจะเล่นอีกเพลง แต่อาจจะส่งไปอีกเพลงน่ะสิครับ

ผมยังเคยคุยกับเพื่อนว่าถ้าตอนนั้นมีนักร้องเสียงใสๆแบบนี้นะ คงชนะการประกวดไปแล้ว เพื่อนผมก็เห็นด้วยนะ เรียกว่าหลงตัวเองกันทั้งคู่แบบไม่มีออกตัวเลย 555


นิเฟอซัง: ขอบคุณหลายครับ มีกำลังใจในการโม้ เอ๊ย เล่าขึ้นเยอะเลยครับ


โดย: อุปนิกขิต วันที่: 29 มกราคม 2552 เวลา:3:09:25 น.  

 
พี่แช่ ผมเป็นเด็กดี นั่งฟังพี่แช่ ตาปริบๆ อย่างตั้งใจ คับ


โดย: mantis (yokee_playman ) วันที่: 29 มกราคม 2552 เวลา:8:42:25 น.  

 
... อิอิ

... แวะมาคอยความคืบหน้า แล้วเหตุการณ์จะดำเนินต่อไปอย่างไร


โดย: SIMAKHA วันที่: 29 มกราคม 2552 เวลา:9:32:13 น.  

 
ตอนโทรมาคุยกับผมน่ะ...
ขอความกรุณาอยู่ในที่ที่เหมาะสมกว่านี้ได้มั๊ย..อ่ะ
ม่ายช่ายอยู่ในส้วมแล้วโทรมา...
เสียงมันก้องเร้าใจพิกลๆง่ะ...
เอ้าเล่าต่อ เล่าต่อ ...

อย่าลืมตอนนี้ด้วยล่ะ...
...กบในกะลา 2 ตัว นึกว่าเจ๋งแล้ว...
...กบทั้ง 2 ตัวจึงคุยกันว่า "ป๊ะ..เฮาออกไปล่ารางวัล
กันเถอะ....(แล้วเป็นไงล่ะ...จ๋อยยยยยย)

..อบ เฮ๊ย อบ เฮ๊ย อบ เฮ๊ย อบ เฮ๊ย อบ..
กบน้อยตัวนิดๆ อยู่มิดชิดแต่ในกะลา
เจ้าคงนึกไปว่า ในกะลาคือโลกกว้างใหญ่
กบเอ๋ยเจ้าไม่รู้ว่า ว่าโลกโสภากว้างใหญ่เพียงไหน
จึงทะนงหลงผิดไปว่าโลกกว้างใหญ่นั้นคือกะลา....




โดย: มาเองงงงงงงงงงงง... (ฎ-ชฎา ) วันที่: 29 มกราคม 2552 เวลา:12:10:03 น.  

 
สารพาบว่าอ่านไม่หมดคับ แต่ว่าอ่านไปยิ้มไปคับ ฮิๆ

ไว้มีเวลาจาเข้ามาอ่านไห้หมดค้าบบ



โดย: PoorDivaTA วันที่: 29 มกราคม 2552 เวลา:19:55:39 น.  

 
สรุปแล้วชนะเลิศใช่ไหมครับ
ผมว่าแล้ว
พี่แช่ ซะอย่าง


โดย: Thanunchaisa วันที่: 29 มกราคม 2552 เวลา:23:43:02 น.  

 
mantis: ฟังตาปริบๆ นี่ยังไงอยู่นาครับ อิๆ


SIMAKHA: คอยไปถักนิตติ้งไปหรือครับ


ฎ-ชฎา: พี่ทั่นก็ช่วยเสริมด้วยสิคร๊าบ กี่ปีแล้วล่ะนี่


PoorDivaTA: เพียงแวะเข้ามาอ่าน เราก็เบิกบานในใจครับ


Thanunchaisa: เอ๊ะ พี่แช่เล่าเยิ่นเย้อไปหรือครับ


โดย: อุปนิกขิต วันที่: 30 มกราคม 2552 เวลา:1:32:01 น.  

 
คนหนายเป็น ธนิต คนหนายเป็น ภูสมิง อ่ะ
คริ คริ
กร๊าก กร๊าก กร๊าก


โดย: ปิ่นพระศิวะ วันที่: 30 มกราคม 2552 เวลา:13:31:00 น.  

 


มาอ่าน .... พี่แช่ เล่าความหลัง
ของพี่แช่ กะ ป๋า ฎ-ชฎา ผ่านตัวอักษรจ้า


โดย: naragorn วันที่: 30 มกราคม 2552 เวลา:19:37:41 น.  

 
... แล้วเป็นไงต่อคะ เกิดเหตุการณ์อะไรต่อจากนั้นนะ อยากรู้แล้ว กลับมาเล่าต่อทีซิ


โดย: SIMAKHA วันที่: 31 มกราคม 2552 เวลา:8:26:39 น.  

 

ของเราเอาไมค์จ่อกีต้าร์ ..... ผู้เข้ารอบคนอื่นกีต้าร์หลังเต่า (กีต้าร์โปร่งไฟฟ้า) >> อื่มมม ซูฮกครับทั่น ฝีมือๆๆ

อ่ะ....พอเริ่มขึ้นเพลง เหลือบตามองกันด้วยความตกใจแบบที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน!!!

แล้วไงต่อ
รออ่านต่อ ๆๆๆ


โดย: naragorn วันที่: 31 มกราคม 2552 เวลา:8:30:23 น.  

 
สุดยอดเลย ที่มาพี่แช่เป็นแบบนี้เอง


โดย: ป่ามป๊าม วันที่: 31 มกราคม 2552 เวลา:19:22:07 น.  

 
หูย....หายไปไม่กี่วัน

เรื่องเล่ายาวเชียว...อิอิ ช๊อบชอบ

ปล.งอมมะม่วงราดกะทิแล้ว ขอข้าวเหนียวมูนด้วยจิ คนป่วยชอบอะ...


โดย: NuHring วันที่: 1 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:6:20:37 น.  

 
พอเริ่มขึ้นเพลง เหลือบตามองกันด้วยความตกใจแบบที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน!!!

ดีใจสุดซึ้ง........มั๊งงงงง

หมายเหตุ - ตั้งแต่ยืนอยู่บนเวทีมาหลายที่...หลายสิบครั้ง
(รวมมาตั้งแต่เกิดเลยแล้วกัน) ... ก็มีครั้งนี้ล่ะที่จำแม่นสุด
เพราะเกิดมาไม่เคยเค้นความสามารถสุดยอดออกมาได้
อย่างครั้งนี้เลย...........นรกแตก........
นี่ถ้าไม่ซ้อมมาจนเป็นระบบออโต้ทั้ง 2 คนล่ะก้อ.....เฮ่อ

ปล่อยให้ปู่เขาเล่าต่อละกัน...ไม่อยากระลึกฟามหลัง
แต่อยากอ่านต่ออ่ะ....เล่าต่อเล่าต่อ...


โดย: มาเองงงงงงงงง... (ฎ-ชฎา ) วันที่: 1 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:11:55:23 น.  

 
ปิ่นพระศิวะ: ไว้เด๋วคุณพี่ฎ เค้าว่างมาร้องเพลง ฟังเสียง(มัน) ดูก็จะรู้เองจ้า


naragorn: สรุปว่าที่ใช้กีต้าร์แบบนั้นเป็นความโง่จ้า


SIMAKHA: มาแว้วๆ


ป่ามป๊าม: พออ่านที่พี่แช่เขียนต่อคงกลับคำแล้วมังจ๊ะ อิๆ


NuHring: ดีไม่ขอข้าวเหนียวมูล ฮิๆ


ฎ-ชฎา: คุณพี่ช่วยเล่าตอนที่คุณพี่หนีมาแข่งคนเดียวด้วยสิคร้าบ


โดย: อุปนิกขิต วันที่: 2 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:3:43:36 น.  

 
ว้าวววว น่าทึ่งแฮะ..

แล้วงานอดิเรกปู่รัยอ่ะ อยากลู้.. (ซะทุกเรื่องเจงๆนะเรา )


โดย: ปิ่นพระศิวะ วันที่: 2 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:9:33:58 น.  

 
... ประสบการณ์เยอะแยะเลยเนาะ พี่แช่เนี่ยะ

... เอามาเล่าเรื่อยๆ นะคะ อ่านเพลินดี

... แล้วงานอดิเรกที่เริ่มตั้งแต่ปี 2546 นี่มันอะไรเหรอคะ เกี่ยวอะไรกับคุณอำพลหรือเปล่า



โดย: SIMAKHA วันที่: 2 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:10:31:43 น.  

 
อ่ะ....นั่นดิๆๆ ตอนคู่หูดูโอ้ ....ทั่นฎ
แอบบินเดี่ยว ตอนนั้นเป็นไงมั้งอ่า กลับมาเล่าหน่อยๆ
( รู้สึกเหมือนเป็นหลาน ที่นั่งปูเสื่อรอ ปู่ฯๆ เล่าฟามหลังให้ควัง จางงง เรยนิ )

----------------

ของทั่นอุปฯ
งานอดิเรกเส้นทางสายใหม่คนด้านกะวงการเพลง ---->
^ 0^ นู๋เดาเล่นๆ ว่า...เขียนบทภาพยนตร์...อ่ะป่ะ
คนละด้านดี แหะ แหะ


โดย: naragorn วันที่: 2 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:11:30:55 น.  

 
พี่แช่ก็.....ข้าวเหนี่ยวมูล แบบนั้น อะ ใครจากินได้ก๊าบบบบ.....


โดย: NuHring วันที่: 2 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:21:55:12 น.  

 
ปิ่นพระศิวะ: เฉลยแว้ว


SIMAKHA: ปัญหาคือจะมีแต่น้องอุ๋มอ่านเพลินคนเดียวรึเปล่าน่ะสิ อิๆๆ
/คงเกี่ยวกับคุณอำพลมั๊งครับ


naragorn: เขียนบท(ที่จริงเป็นแค่เรื่องย่อเท่านั้นแหละ)นั่นเป็นงานที่ได้ตังค์จ้า(ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องที่คุณก็รู้ว่าเรื่องอะไรนะ พี่แช่เขียนมาก่อนนี้นานพอสมควรแล้ว) เรื่องนี้ก็เล่าได้อย่างฮา แต่ตัวละครอื่นมีชีวิตจริงในวงการทั้งนั้นน่ะดิ ขอคิดก่อนว่าถ้าเล่าจะเล่ายังไง


NuHring: ก็นั่นน่ะดิครับ อิๆ


โดย: อุปนิกขิต วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:1:04:58 น.  

 
เสียงเพราะมั๊ก มั๊ก อ่ะ


โดย: ปิ่นพระศิวะ วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:11:41:21 น.  

 
เออ...จริงแฮะ เรายังไม่เคยเล่าให้ท่านอุป..ฟังเลยว่า
หลังจากที่เราเลิกกันแล้ว ฎ-ชฎาไปทำอะไรต่ออ่ะ...

แต่ขอไปเขียนเล่าที่บล็อคของ ฎ-ชฎาเองก็แล้วกัน
เพราะในบล็อคนี้เป็น "พี่แช่ขอเล่า" อ่ะ

อยากรู้...ตามมาเล๊ยยยยย
อัพแย๊ววววววววววววววววว


โดย: มาเองงงงงงง... (ฎ-ชฎา ) วันที่: 4 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:9:14:28 น.  

 
เอ้า ตามไปก็ได้...


(แล้วมั้ยต้องเชื่อเขาด้วยเนี้ย )


โดย: ปิ่นพระศิวะ วันที่: 4 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:10:06:42 น.  

 
แล้วเมื่อไรจะเล่นคู่กันให้ได้ชมเป็นขวัญตาซะทีอ่ะ
อยากเห็น ภูติสมิง กะ นก คีรีบูนร้องคู่กันอ่ะ


โดย: ปิ่นพระศิวะ วันที่: 4 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:10:08:26 น.  

 
น่าจะเร็วๆนี้นะนู๋จ. แต่อย่าตั้งความหวังไว้สูงล่ะ ฮิๆๆ


โดย: อุปนิกขิต วันที่: 4 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:10:29:26 น.  

 
ตามไปอ่านแล้น จ้า .... ป๋า ฎ-ชฎา


โดย: naragorn วันที่: 4 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:15:24:33 น.  

 
... พี่ปู่ ... ไปเที่ยวป่ากะเค้าหรือเปล่าคะเนี่ยะ

... เรื่องนี้อ่านจบแล้ว เรื่องใหม่ละคะ


โดย: SIMAKHA วันที่: 7 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:14:49:13 น.  

 
พี่ปู่...อัพบล๊อกแว้วววว....มาตามไปฟังเพลงโปรดด้วย


โดย: NuHring วันที่: 10 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:19:52:20 น.  

 
พี่แช่ สบายดีไหม ไปทัวร์คอนเสิร์ตที่ไหนป่าวววว

อิอิอิอิ


โดย: ป่ามป๊าม วันที่: 10 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:20:53:17 น.  

 
พี่ เปิดการแสดงเมื่อไรอย่าลืมบอกน้องนันนะครับ


โดย: Thanunchaisa วันที่: 10 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:22:33:56 น.  

 
SIMAKHA : พี่ปู่ลงใต้มาจ้ะ
น้องอุ๋มว่าพี่ปู่เขียนเรื่องอะไรดีล่ะจ๊ะ


NuHring : จัดให้ขรับ


ป่ามป๊าม : สบายดีจ้า
พี่แช่มีคอนเสิร์ตเดือนพฤษภาจ้า


Thanunchaisa : น้องนันอย่ายุมากนะ พี่แช่เปนคนยุขึ้นด้วยนะ


โดย: อุปนิกขิต วันที่: 10 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:23:16:33 น.  

 
โห.... ก็มีบางช่วงเวลาที่เป็นแบบเพลงที่ปู่เอาไปฝากเหมือนกันจ้า....

แล้วมาช่วยน้องนันยุพี่ปู่ให้ขึ้นคอนเสิร์ตด้วย...อิอิ

ยุ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ......ขึ้นไว ไว หน่อยน๊า....จะได้ไม่ต้องรอนาน...อิอิ


โดย: NuHring วันที่: 11 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:13:13:38 น.  

 
... สะดุ้งเล็กๆ ตั้งแต่เหลือบตามองไปภาพที่วีไอพีโปรไฟล์เมื่อเช้านี้ แต่ยังไม่มีเวลามาดู พอเข้ามา อ้าววววว บล๊อกเดิมนี่นา

... ปู่ ... ทำแบบนี้วัยรุ่นเซ็งงงงง

... คิดออกหรือยัง จะอัพเรื่องอะไรดี


โดย: SIMAKHA วันที่: 12 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:16:23:27 น.  

 
NuHring : ว่าจะแอบไปเปิดหมวกเล่นกีต้าร์อยู่นี่แหละจ้า ท่าทางจะสนุก

SIMAKHA : ภาพโปรไฟล์เปนยังไงหรือจ๊ะ น้องอุ๋ม อิๆ
ก็แล้วจะให้พี่ปู่เขียนอะไรล่ะจ๊ะ


โดย: อุปนิกขิต วันที่: 12 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:17:40:40 น.  

 
โอ้...ชีวิต โชกโชน

ประสบการณ์ เหลือเฟือ





โดย: ่jone500 (max_pressure ) วันที่: 24 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:4:30:05 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

อุปนิกขิต
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 15 คน [?]




อุปนิกขิต น. คนสอดแนม, จารบุรุษ



Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
New Comments
Friends' blogs
[Add อุปนิกขิต's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friend


 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.