สามวันสองคืนที่นครวัต

     งานนี้ไปกับเมย์และเพื่อนๆ ของเมย์รวมทั้งหมด 17 คน ไปกับทัวร์ที่เช็คราคามาแล้วว่าถูกสุด ตอนแรกเราลังเลเหมือนกัน เพราะอ่านโปรแกรมทัวร์แล้วรู้เลยว่า นั่งรถไป 1 วัน กลับ 1 วัน รวมเป็น 2 วัน เที่ยวจริงๆ ก็แค่วันนิดๆ เอง
     วันแรก โปรแกรม ออกเดินทางตีหนึ่งครึ่ง ถึงเสียมเรียบสี่โมงเย็น ไปชมพระอาทิตย์ตกที่โตนเลสาป
     ของจริง ออกเดินทางตีหนึ่งครึ่งด้วยรถโค้ชปรับอากาศอย่างดี แวะกินข้าวเช้าที่อรัญฯ ถึงด่านปอยเปต คนรอคิวผ่านด่านกันเพียบแล้ว แต่ทัวร์จัดการ 'จ็อบ' ให้เรา พวกเราเลยเดินเป็นแถวแบบผ่านสะดวกไปถึงด่านเข้าเมืองกัมพูชา ผ่านด่านไปได้ก็ไปขึ้นรถ แวะกินข้าวเที่ยงที่ศรีโสภณ แล้วก็เดินทางต่อบนถนนสาย Dancing Road คำไทยคือถนนสายดิสโก้ แบบนั่งหัวสั่นหัวคลอน รถออกจากศรีโสภณได้แป็ปเดียวก็เจอสะพานขาดเลยครับท่าน ตอนแรกเราก็ไม่รู้หรอก ไกด์ให้เรานั่งรอบนรถ รอไปรอมาทำไมนานนักฟ่ะ เลยเดินไปดู พบว่าสะพานเจ๊ง คือแผ่นเหล็กปูสะพานมันไม่เรียบให้รถวิ่งผ่านได้ตามปกติ แต่มันจะโค้งขึ้นเป็นรูปตัวยู ถ้าจะวิ่งผ่าน ล้อรถจะลงไปแล้วขึ้นไม่ได้ ก็กำลังหาทางซ่อมกันอยู่ รอตรงจุดนี้ 3 ชั่วโมง จนทัวร์ของที่อื่นๆ ที่เขารอคิวตรงต.ม. 3 ชั่วโมงมาทันเราที่นี่พอดี สะพานขาดนี้รถเล็กยังผ่านไปได้นะ แต่รถใหญ่ผ่านไม่ได้ วิธีซ่อมของเขาคือขุดดินใส่ถุงมารอง แล้วก็หาล้อยางมาวางบนเหล็ก แล้วให้คนลงเดินข้ามสะพาน รถใหญ่ต้องทยอยๆ ข้ามไปช้าๆ แบบลุ้นๆ ทีละคัน
     ผลจากสะพานขาดนี้ ทำให้เราไปถึงเสียมเรียบเอาราวๆ ทุ่มหนึ่งพอดี เก็บของเข้าที่พักที่โรงแรมอังกอร์ฮอลิเดย์ ก็ออกมากินข้าว แล้วก็กลับโรงแรมนอนด้วยความเหนื่อยอ่อน แต่เท่าที่เห็นในตัวเมืองเสียมเรียบโรงแรมเยอะมาก เยอะกว่าบ้านคนด้วยซ้ำ มีทุกแบบทุกสไตล์
     วันที่สอง สูตรห้าครึ่ง หกครึ่ง เจ็ดครึ่ง วันนี้เป็นทัวร์ 4 ปราสาทในหนึ่งวัน ไปปราสาทบันทายศรีเป็นปราสาทแรก
ระหว่างทางไกด์ก็เล่าประวัติศาสตร์ไปเรื่อยๆ เราฟังอยู่นะ แต่จำได้เล็กน้อยมาก ส่วนพี่โกนั่นหวังพึ่งไม่ได้เลย เพราะพอไกด์เริ่มร่ายประวัติศาสตร์พี่แกก็เริ่มหลับทันที ไกด์เราเก่งมาก พูดประวัติศาสตร์ได้เรื่อยๆ ทั้งวันเลย ผลก็ทำให้พี่โกหลับบนรถได้ทั้งวันเหมือนกัน เราจำได้แค่ว่าปราสาทบันทายสรีเล็กเพราะสร้างโดยพราหมณ์ ซึ่งจะสร้างให้ใหญ่กว่ากษัตริย์ไม่ได้ และบันทายสรีนี้สร้างโดยหินทรายสีชมพู ต่อจากบันทายสรีก็ไปที่ตาพรม ปราสาทที่ถ่ายหนังทูมไรเดอร์ ที่มีรากต้นไม้คลุมปราสาทอยู่ คนเพียบ ต่อจากตาพรมก็ไปบายน นครธม ซึ่งแดดกำลังเปรี้ยง ร้อนมาก
ตกบ่ายเราไปนครวัต กะว่าเสร็จจากนครวัตจะปีนไปดูพระอาทิตย์ตกที่พนมบาเค็งปรากฏว่า ฝนตกฮ่ะ ตอนอยู่ในนครวัต ตกหนักด้วย เราเลยติดอยู่ในนั้น ออกมาได้ก็เย็นแล้ว ไม่ได้ไปดูพระอาทิตย์ตก เพิ่งรู้อีกเรื่องหนึ่งคือ นครวัตมีรถแมงกะไซต์ซิ่งด้วย เพราะฝนตก น้ำเลยขังเป็นแอ่งๆ มอไซต์ซิ่งทีเดียว กางเกงพี่โกเละน้ำเป็นจุดๆ เลย (ความจริงคือว่าเราเองแหละรถซิ่งคันนั้น เพราะเราลากแตะแบบคีบ พับขากางเกงสูง เลยเดินจ๋อมๆ แบบไม่หลบน้ำ เจอน้ำแอ่งใหญ่เราก็ย่ำเต็มที่ ลืมไป คนข้างๆ เลยเละ)
     วันที่สาม ตื่นตีสี่ครึ่ง ออกตีห้าครึ่งเพื่อไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่โตนเลสาป (โปรแกรมย้ายมาจากวันแรก) ก็ล่องเรือไปกลางน้ำ เด็กที่นั่นเก่งมาก ขนาดเราล่องเรือไปกลางน้ำ มันยังอุตส่าห์พายกาละมังตามมาเพื่อมาขอตัง คิดดูแล้วกัน เสร็จแล้วก็กลับที่พัก เก็บของเช็คเอาต์เดินทางกลับ
     ขากลับสะพานไม่ขาดแล้ว เลยได้ไปกินข้าวเที่ยงที่ปอยเปต ได้กินในคาสิโนด้วย เป็นครั้งแรกที่ได้เข้าในคาสิโน ลองหยอดสล็อตแมชชีนเล่นแว้บหนึ่ง ตามประสาคนทุ่มทุนสร้างอย่างเราคือ หยอดไป 20 บาท หมดแล้วเลิก ฮะฮ่า ก็คือได้เล่น 4 ตาก็เลิกอ่ะ เสียครั้งละ 5 บาท
     กลับถึงบ้าน 4 ทุ่ม

คำแนะนำ
อินโดไชน่าทัวร์ ถูกและดี ราคาทัวร์ 3 วัน 2 คืน 6,000 บาท 4 วัน 3 คืน (เพิ่มพนมกุเลน, กบาลสเปียน) 9000 บาท
ควรไปแบบ 4 วัน 3 คืนดีกว่า เพราะอย่างน้อยก็มีเวลาได้เที่ยว 2 วัน หักกลบกับที่นั่งรถไป-กลับ 2 วันพอดี
เส้นทางสายวิบากจริงๆ นั่งหัวสั่นหัวคลอนตลอดทางจากปอยเปตถึงเสียมเรียบ 150 กม. ถึงจะนั่งบนรถแอร์ แต่ฝุ่นแดงๆ ระหว่างทางก็เข้ามาในรถอยู่ดีแหล่ะ
ใช้เงินไทยได้ ไม่ต้องแลกเงินไปหรอก
ไกด์พูดไทยได้ คนขายของพูดไทยได้
ถ้าไม่จัดการ 'จ็อบ' ที่ด่านไทย คุณจะต้องต่อคิวรอผ่านด่านยาวนานมาก (แอบได้ยินลูกทัวร์อีกที่หนึ่งบ่นว่ารอคิวตรงนี้ 3 ชั่วโมงจนลูกทัวร์โมโห อยากขอเงินคืน)
ค่าเงิน 1 บาทไทยเท่ากับ 100 เรียล ค่าเข้าห้องน้ำก่อนถึงเสียมเรียบจะ 500 เรียล แต่รับเป็นเงินเหรียญ 5 บาท

Create Date : 13 ธันวาคม 2548		5 comments
Last Update : 13 มกราคม 2549 9:52:20 น.
Counter : 474 Pageviews.
Share Tweet