|
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 |
8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 |
15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 |
22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 |
|
|
|
|
|
|
|
ความลับของการลดน้ำหนัก
แจ้งที่มา: คัดลอกจาก เดอะซีเคร็ต ของ รอนดา เบิร์น แปลโดย จิระนันท์ พิตรปรีชา หน้าที่ 53-65
หากต้องการลดน้ำหนัก อย่ามุ่งคิดถึงแต่การ "ลดน้ำหนัก" แต่จงรวมศูนย์ความคิดไปที่น้ำหนักที่เหมาะสมของคุณ จงรู้สึกถึงความรู้สึกยามที่น้ำหนักตัวของคุณพอเหมาะที่สุด แล้วคุณก็จะได้มีน้ำหนักตัวเท่านั้น
ความลับกับเรือนร่างของคุณ ที่นี้เรามาดูกันว่าจะมีวิธีใช้กระบวนการสร้างกับคนที่รู้สึกว่าตัวเองมีน้ำหนักมากเกินไปและอยากลดน้ำหนักได้อย่างไรบ้าง อันดับแรก คุณต้องรู้ก่อนว่า ถ้าคุณทุ่มเทความคิดไปที่การลดน้ำหนัก คุณก็จะดึงดูดสภาวะที่ทำให้ต้องลดน้ำหนักมากขึ้นอีกกลับมาหาตัวคุณ ดังนั้น จงขจัดความคิดว่า "ต้องลดน้ำหนัก" ออกไปจากใจก่อน เพราะนั่นคือสาเหตุที่การคุมอาหารไม่ได้ผล ในเมื่อคุณคิดแต่เรื่องลดน้ำหนัก คุณก็ดึงดูดสภาวะที่ทำให้ต้องลดน้ำหนักกลับมาหาตัวคุณอยู่เรื่อย
อันดับต่อมา คุณต้องรู้ว่าภาวะน้ำหนักเกินนั้นถูกสร้างขึ้นโดยความคิดของคุณหรือพูดง่ายๆ ก็คือ คนที่มีน้ำหนักมากเกินไปก็เกิดจากการ "คิดให้อ้วน" ไม่ว่าจะรู้ตัวหรือไม่ก็ตาม ไม่มีใครที่ "คิดให้ผอม" แล้วจะอ้วนได้ เพราะแบบนั้นจะขัดต่อกฎแห่งการดึงดูดอย่างสิ้นเชิง
ไม่ว่าใครจะบอกคุณว่า เขาอ้วนเพราะต่อมไทยรอยด์ทำงานช้า ระบบการเผาผลาญอาหารทำงานช้า หรือเพราะกรรมพันธุ์ เหตุผลเหล่านี้ล้วนอำพรางการ "คิดให้อ้วน"ทั้งสิ้น ถ้าคุณยอมรับสภาพดังกล่าวจนถึงขั้นเชื่อว่าตัวคุณก็เป็นอย่างนั้นได้ นั่นก็จะกลายเป็นประสบการณ์ของคุณ และคุณจะยิ่งดึงดูดสภาวะน้ำหนักเกินเข้ามามากยิ่งขึ้น หลังจากมีลูกสาวสองคนฉันก็มีน้ำหนักมากเกินไป ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่านั่นเป็นเพราะฉันฟังและอ่านข้อความที่ว่า การลดน้ำหนักหลังคลอดเป็นเรื่องยากมาก และจะยากขึ้นเป็นทวีคุณหลังจากมีลูกคนที่สอง ฉันเรียกหาสภาพเช่นนั้นให้เกิดขึ้นกับตัวเองด้วยการ "คิดให้อ้วน" จนสภาพดังกล่าวกลายเป็นประสบการณ์ของฉัน อันที่จริงฉันก็ "เจ้าเนื้อ" มากกว่าเดิม และยิ่งมองเห็นความ "เจ้าเนื้อ" ของตัวเอง ฉันก็ยิ่งดึงดูดควม "เจ้าเนื้อ" เข้ามามากขึ้นเรื่อยๆ จนน้ำหนักขึ้นถึง 143 ปอนด์ ทั้งที่เป็นคนโครงร่างเล็ก ทั้งหมดนี้เกิดจากการ "คิดให้อ้วน" ของฉันเองทั้งนั้น สิ่งที่คนทั่วไปคิดกัน รวมทั้งฉันด้วย ก็คือ อาหารที่กินเข้าไปเป็นตัวเพิ่มน้ำหนัก นี่เป็นความเชื่อที่ไม่ช่วยอะไรเราเลย และในใจฉันตอนนี้เห็นว่านั่นเป็นเรื่องเหลวไหลโดยสิ้นเชิง! อาหารไม่ใช่ตัวเพิ่มน้ำหนักของคุณ ความคิดของคุณที่คิดว่าอาหารเป็นตัวเพิ่มน้ำหนักต่างหากละที่ทำให้อาหารมาเพิ่มน้ำหนักใคณ จงจำไว้เสมอว่าความคิดคือปฐมเหตุของทุกๆ อย่าง และสิ่งอื่นๆ ก็คือผลจากความคิดนั้นๆ จงคิดถึงน้ำหนักที่เหมาะสมที่สุด แล้วผลลัพท์ที่ออกมาก็คือน้ำหนักที่เหมาะสมกับคุณที่สุด จงละทิ้งความคิดที่ตีกรอบจำกัดทั้งปวง อาหารไม่สามารถทำให้คุณน้ำหนักเพิ่มได้ ยกเว้นเสียแต่คุณจะคิดว่าอาหารทำได้ คำจำกัดความของน้ำหนักที่เหมาะสมที่สุดก็คือ น้ำหนักที่คุณรู้สึกว่าดีสำหรับคุณ ความเห็นของคนอื่นไม่สำคัญ แค่น้ำหนักที่คุณรู้สึกว่าดีสำหรับคุณก็พอแล้ว คุณคงรู้จักใครบางคนที่ผอมแต่กินจุเหมือนหมู แถมยังอวดด้วยว่า "ฉันกินทุกอย่างที่อยากกิน แต่น้ำหนักฉันก็พอเหมาะพอดีตลอด" นี่ไงละที่ยักษ์จีนี่แห่งจักรวาลกล่าวว่า "ความปรารถนาของท่านคืองานของข้า"
ในการดึงดูดของน้ำหนักตัวและเรือนร่างที่สมบูรณ์แบบที่สุดของคุณโดยอาศัยกระบวนการสร้างนั้น ขอให้ทำตามขั้นตอนต่อไปนี้: (เดี๋ยวมาพิมพ์ต่อ) ขั้นที่ 1 : ขอ คิดให้ชัดคว่าคุณอยากมีน้ำหนักตัวเท่าใด นึกภาพตัวเองในใจว่าจะมีรูปร่างอย่างไรหากมีน้ำหนักตัวตามที่ต้องการ หยิบภาพถ่ายของคุณเองตอนที่น้ำหนักกำลังพอเหมาะที่สุดออกมาดูบ่อยๆ ถ้ามี แต่ถ้าไม่มีรูปตัวเอง ก็หารูปภาพเรือนร่างแบบที่คุณอยากมีแล้วหยิบมาดูบ่อยๆ ขั้นที่ 2 : เชื่อ คุณจะต้องเชื่อว่าคุณจะได้รับ และเชื่อว่าน้ำหนักตัวที่พอเหมาะที่สุดนั้นเป็นของคุณแล้ว คุณจะต้องสร้างจินตนาการและแสร้งทำราวกับน้ำหนักตัวที่พอเหมาะที่สุดเป็นของคุณ คุณจะต้องเห็นภาพตัวเองได้รับน้ำหนักตัวที่พอเหมาะที่สุด จดตัวเลขน้ำหนักที่พอเหมาะที่สุดสำหรับคุณบนกระดาษแล้วนำไปปิดทับช่องตัวเลขบนเครื่องชั่ง หรือไม่ก็เลิกชั่งน้ำหนักไปเลย คุณจะต้องไม่คิด พูด หรือทำอะไรขัดแย้งกับสิ่งที่คุณขอ อย่าซื้อเสื้อผ้าขนาดพอดีกับรูปร่างในปัจจุบัน จงมีศรัทธาและมองหาแต่เสื้อผ้าขนาดที่คุณจะซื้อในอนาคต การดึงดูดน้ำหนักตัวที่เหมาะสมที่สุดก็เหมือนกับการเลือกสั่งของจากแคตตาล็อกของจักรวาล คุณพลิกดูแคตตาล็อกเลือกน้ำหนักที่ตรงใจ กรอกใบสั่งซื้อ แล้วน้ำหนักนั้นก็จะถูกส่งมาให้คุณ จงตั้งใจมองหา ชื่นชม และนึกยกย่องบุคคลผู้มีรูปร่างในพิกัดน้ำหนักที่คุณคิดว่าเหมาะสมที่สุด จงตามหาบุคคลเหล่านี้ เมื่อคุณชื่นชมพวกเขาและรู้สึกถึงความชื่นชมนั้น คุณก็กำลังดึงดูดสิ่งเดียวกันเข้ามา เมื่อคุณเห็นคนน้ำหนักเกิน อย่ามองตาม แต่จงตัดภาพความคิดไปที่ภาพตัวคุณเองในเรือนร่างที่แสนจะได้สัดส่วนที่สดุ แล้วจง รู้สึกว่าคุณมีรูปร่างแบบนั้นจริงๆ ขั้นที่ 3 : รับ คุณต้องรู้สึกดี คุณต้องรู้สึกดีกับตัวคุณเอง ข้อนี้สำคัญ เพราะคุณไม่สามารถดึงดูดน้ำหนักตัวที่พอเหมาะที่สุดหากคุณยังรู้สึกแย่กับรูปร่างตัวเองในตอนนี้ ถ้าคุณรู้สึกแย่กับรูปร่างตัวเอง นั่นเป็นความรู้สึกที่รุนแรง และคุณจะดึงดูดความรู้สึกแย่ๆ เกี่ยวกับรูปร่างของคุณเองต่อไป คุณไม่มีทางเปลี่ยนเรือนร่างได้ถ้าคุณคอยตั้งแง่ตำหนิ จับผิดรูปร่างตัวเอง จริงๆ แล้วคุณจะดึงดูดน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นด้วยซ้ำ จงนิยมและชื่นชมพื้นที่ทุกตารางนิ้วในตัวคุณ จงคิดถึงสิ่งดีๆ สมบูรณ์แบบของคุณเอง ขณะที่คุณคิดถึงสิ่งดีๆ สมบูรณ์แบบ ขณะที่คุณรู้สึกดีกับตัวเอง คุณจะอยู่ในคลื่นความถี่แห่งน้ำหนักตัวที่พอเหมาะที่สุดสำหรับคุณ และคุณกำลังเรียกหาความสวยงามสมบูรณ์แบบ วอลเลซ วอทเทิลส์ บอกเคล็ดลับที่แสนวิเศษเกี่ยวกับพฤติกรรมการกินในหนังสือเล่มหนึ่งของเขา เขาแนะนำว่า เวลาคุณกินอาหาร จงตั้งอกตั้งใจซึมซับประสบการณ์ในการเคี้ยวอาหาร ควบคุมจิตใจให้จดจ่อและชื่นชมกับรสสัมผัสของการกิน อย่าปล่อยให้ใจลอยไปกับสิ่งอื่นๆ ให้ใจคุณอยู่กับร่างกายของคุณ เพลิดเพลินอารมณ์ไปกับการเคี้ยวและกลืนอาหาร ลองปฏิบัติดูเมื่อถึงเวลาอาหารมื้อต่อไป แล้วคุณจะรู้ว่าเมื่อคุณใส่ใจเต็มที่กับการกิน รสชาติของอาหารจะเข้มข้นและวิเศษสุด และเมื่อคุณปล่อยให้ใจลอยไปคิดเรื่องอื่น รสชาตินั้นก็แทบจะมลายไป ฉันเชื่อว่าถ้าเราสามารถกินอาหารด้วยสำนึกแห่งปัจจุบันขณะ และมุ่งความรู้สึกไปที่ประสบการณ์อันรื่นรมย์แห่งการกิน อาหารก็จะซึมซับเข้าสู่ร่างกายได้อย่างสมบูรณ์หมดจด และผลลัพท์ที่เกิดกับร่างกายของเราก็ ต้อง น้ำหนักตัวที่พอดีพองาม ตอนจบของเรื่องน้ำหนักตัวของฉันคือ ขณะนี้ฉันรักษาน้ำหนักตัวที่พอเหมาะที่สุดไว้ที่ 116 ปอนด์ และฉันยังสามารถกินอะไรทุกอย่างที่อยากกิน เพราะฉะนั้นจงมุ่งคิดถึงแต่น้ำหนักตัวที่เหมาะสมที่สุดของคุณ
Create Date : 03 กุมภาพันธ์ 2552 |
|
1 comments |
Last Update : 3 กุมภาพันธ์ 2552 16:36:21 น. |
Counter : 605 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|
|
อ่านแล้วรู้สึกดีจัง
ขอบคุณสำหรับบทความดีๆนะคะ