BlogGang.com : : ปอมปอม : ยะลา ในความทรงจำของผม

ยะลา ในความทรงจำของผม

ผมยังจำความรู้สึกตื่นเต้น เร้าใจ เมื่อครั้งที่ไปเที่ยวยะลาได้เป็นอย่างดีคับ ( กลายเป็นบลอคคนแก่ระลึกความหลังซะแล้ว เวร ! )
ก็ผมไม่เคยไปเที่ยวไหนคนเดียวไกลขนาดนี้มาก่อนนี่นา ใจนึงมันก็ตื่นเต้น ตื่นตา ตื่นใจอ่ะนะ
แต่อีกใจมันก็รู้สึกเสียว.....ซ่าน ยังไงชอบก๊ล ก็เพราะว่าช่วงที่ไปมันเพิ่งมีข่าวโจรใต้ลอบวางระเบิดโรงแรมที่ยะลาหน่ะสิครับ ก็เสียวๆเหมือนกันว่ากูจะเจอแจ๊กพ็อตรึป่าววะเนี่ย แต่ความกลัวแพ้ความอยากรู้อยากเห็นอ่ะ ( คงเพราะเลือดหนุ่มมันพลุ่งพล่านหล่ะมั้ง )
เอาวะ ตายเป็นตาย! ชาตินี้ ขอไปเหยียบเมืองยะลาหน่อยเต๊อะ แล้วก็สมหวังดังตั้งใจ แถมปลอดภัยกลับมาด้วยอาการครบ 32

โอว แม่จ๋า ~ ทีหลังหนูจะไม่ทำอะไรเสี่ยงๆอย่างนี้อีกแย๊ว

ยะลา เมืองที่มีผังเมืองดีที่สุดแห่งหนึ่งของไทย ( เขาว่างั้น ) มีสถานที่เที่ยวมากมาย ใครเคยมาที่นี่ก็จะรู้ดีว่า ไฮไลต์ของจังหวัดอยู่ที่อำเภอเบตง ( ไกลจากตัวเมืองตั้ง 140 กิโล โคตรจะหลืบ ! ) ของดีต้องเก็บเอาไว้ทีหลังนะคับ ดังนั้นเรามาเริ่มสตาร์ทกันที่อำเภอเมืองกันก่อนเน้อ

วัดหน้าถ้ำ อะไรจะตั้งชื่อได้ตรงตัวขนาดนั้น ก็วัดนี้ตั้งอยู่หน้าถ้ำจริงๆอ่ะดิ สิ่งที่น่าสนใจ นอกจากฝูงลิงมฤตยูที่มีเกลื่อนวัดแล้ว
ก็ยังมีพระพุทธไสยาสน์ที่อยู่ในถ้ำนี่แหล่ะครับ สง่างาม น่าเลื่อมใส มั่กมั่ก

เขยิบเข้าใกล้เบตงอีกนิด ที่อำเภอธารโต แถวๆนี้เป็นป่าดิบที่มีที่เที่ยวเยอะมาก แต่ที่ไปแล้วติดตาติดใจ ก็คงจะเป็นที่นี่อ่ะครับ
น้ำตกธารโต เป็นน้ำตกที่สวยงาม ป่าไม้ก็ร่มรื่น มีคนในท้องถิ่นมาเที่ยวกันเยอะแยะ

ใกล้ๆน้ำตก ก็เป็นที่อยู่ของเผ่าซาไก ที่โดนระบบทุนนิยมถาโถมเข้าครอบงำ จนนักท่องเที่ยวอย่างผมถึงกับตะลึง !
ก็ผมขอถ่ายรูปเค้านิดเดียว พี่แกเล่นแบมือขอเงินค่าถ่ายรูป 120 บาท !! เฮ้ย ปล้นกันเลยดีกว่ามั้ง อะไรฟะ แค่นี้จะเอา 120
ผมไม่ยอมเลยต่อเหลือ 30 บาท พี่แกก็บ่นกระปอดกระแปดอะไรไม่รู้ พอผมถ่ายรูปเสร็จก็สะบัดก้นเดินหนีออกมาทันที !!
พร้อมกับความรู้สึกดีดีที่สูญสลาย มลายลงไปจนหมด ( บรรยายได้เว่อร์มาก )

เฮ้อ มาถึงเบตงซะที แต่ตอนนี้ก็ใกล้มืดซะแล้วสิ เออ ใช่ ! ผมนึกขึ้นได้ว่าช่วงเวลาแบบนี้ มันกำลังมีปรากฏการณ์ที่ยิ่งใหญ่เกิดขึ้นกลางใจเมือง
ผมไม่รอช้า รีบวิ่งไปที่หอนาฬิกาเก่าแก่อย่างกระหืดกระหอบ แฮ่ก ๆๆ พอมาถึง ก็ต้องตกตะลึงกับฝูงนกแอ่นจำนวนมหาศาล ซึ่งบินมาจากไหนไม่รู้อ่ะ
เต็มท้องฟ้าไปหมดเลย พากันมาเกาะสายไฟจนละลานตาไปหมด โอว พระเจ้า ~ มันเป็นอะไรที่ประทับใจป๊อปมากๆคับ

สัญลักษณ์อีกอย่างของที่นี่ก็คือ วัตถุมงคลขนาดยักษ์ที่ตั้งผงาดชูชันอยู่กลางเมือง . . . . . . เอ๊ะ อะไรนะ ตู้ไปรษณีย์ ??
อุ๊ย ขอโทษครับ ผมนึกว่า ปลัดขิก อ่ะ ก็เห็นมันเป็นดุ้นสีแดงหัวบานทะเล่อหง่ะ แฮะๆ

ไหน ลองวิ่งไปเทียบขนาด เอ่อ... เทียบสัดส่วนดูดิ ว่าหญ่ายจริงอ๊ะป่าว อึมม์ ใหญ่จริงๆด้วย

อีกมุมหนึ่งคับ

บนภูเขาลูกเล็กๆท้ายเมืองเป็นที่ตั้งของสวนสาธารณะครับ ที่นี่มีทั้งสนามกีฬาขนาดใหญ่ , ศูนย์กีฬา , สระว่ายน้ำ , สนามเด็กเล่น , สวนสุขภาพ และสวนนก

ข้างใต้ภูเขาลูกเดียวกันนี้ ทางการเค้าเจาะอุโมงค์ไว้เชื่อมระหว่างเมืองเก่ากับเมืองใหม่ด้วยคับ เห็นแล้วก็ทึ่งมากๆที่เมืองเล็กแบบนี้ แต่กลับมีอุโมงค์ไฮเทค ยาวตั้ง 273 เมตร ( มีระบบดูดควันเสียด้วยอ่ะครับ เสียงดูดควันในนั้นดังมากๆ )

นับว่า เบตง เป็นอำเภอแรกของประเทศไทยที่มีอุโมงค์ในเขตเทศบาล เริ่ดซ้า

ไม่ไกลกันนัก เป็นที่ตั้งของวัดพุทธาธิวาส มีเจดีย์ใหญ่โต แถมตกแต่งด้วยหินอ่อนทั้งหลังเลยอ่ะ ภายในยังมีรูปเจดีย์สำคัญๆจากทั่วโลกประดับที่ผนังด้วย ให้อารมณ์หรูหรา ไฮโซ แบบสุดลิ่มทิ่มประตูหลัง จริงๆ

ส่วนพระพุทธรูปที่ตั้งอยู่หน้าเจดีย์นี้ หล่อขึ้นในประเทศจีนเชียวนะครับ แล้วเอาขึ้นเรือมาประกอบที่นี่ หนักตั้ง 40 ตันแหน่ะ

อะไรจะปานนั้น คนเรา

มาเบตงแล้ว ไม่ไปถ่ายรูปคู่กับป้าย "ใต้สุดสยาม" นี่เหมือนกับขี้แล้วไม่ล้างก้นจริงๆนะ เอ้า ! ขอถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึกสักหน่อยจิ๊ แช๊ะ !!

ติดๆกันกับป้ายใต้สุดสยาม ก็เป็นพรมแดนไทย -มาเลเซีย แล้วอ่ะครับ

บ่อน้ำพุร้อน ที่อยู่ห่างออกไป 13 กิโลเมตร มีคนมาเที่ยวกันพอสมควรเลยครับ เท่าที่ดู ที่นี่ก็ไม่ได้แตกต่างจากบ่อน้ำร้อนที่อื่นสักเท่าไหร่
แต่ที่ผมสงสัยก็คือ ไอ้หมา 2 ตัวนี้อ่ะดิ ทำไมมันติดสอยห้อยตามผมอยู่ได้ตั้งนานก็ไม่รู้ ทำยังกับหมู่ภมรตามดอมดมดอกไม้หอมๆ

ฉันใดก็ฉันนั้น

ถัดจากบ่อน้ำร้อน ก็จะเป็นแหล่งท่องเที่ยวจุดสุดท้ายแล้วคับ คือ อุโมงค์ปิยะมิตร เป็นอุโมงค์ที่ขุดตั้งแต่สมัยโจรคอมมิวนิสต์ มีความลึกตั้ง 1 กิโลเมตรเชียวนะคับ เพดานอุโมงค์นี้ค่อนข้างเตี้ยซะด้วยสิ ทำให้คนที่สูง 183 ซม. อย่างผมต้องเดินก้มงุดๆ ไปตลอดเลยอ่ะ

เฮ้อ เกิดมาสูงสง่าแบบนี้ ก็เป็นข้อเสียเหมือนกันนะเนี่ย เรา โฮะๆๆ

ว่าแต่อุโมงค์นี้มีทางแยกเยอะมากเลยนะ คิดๆดูว่าถ้าเดินเข้าไปลึกๆแล้วเกิดไฟดับขึ้นมา คงน่ากลัวพิลึก อึ๋ย ~

พาชมจนทั่วแล้ว ไม่เล่าสิ่งที่พบเห็นในเบตงสักหน่อย คงจะนอนไม่หลับ อ่ะ ขอเล่าแบบสั้นๆก็แล้วกันนะคับ

ในเบตง เป็นที่อยู่ของคนไทย , คนจีน และชาวมุสลิม ผสมผสานกันอย่างกลมกลืน แต่เท่าที่ผมคุยกับคนในท้องถิ่น รู้สึกว่า เค้าจะต่างคนต่างอยู่นะครับ คือคนจีนก็อยู่กับคนจีน มุสลิมก็อยู่กับมุสลิม ไม่ค่อยคบข้ามโซนกันเท่าไหร่

พูดเรื่องอาหารการกิน เบตงขึ้นชื่อเรื่องอาหารหลายอย่างนะคับ อย่างบะหมี่เบตงที่ผมชิมแล้วรู้สึกว่า ทำมายมันอาหย่อยจังเยย กึ๋ยๆ ไก่เบตงที่ขึ้นชื่อมานาน เนื้อก็นุ้มนุ่ม , บะกุดเต๋เจ้าต้นตำหรับก็อร่อย ยิ่งกินตอนเช้าๆอากาศเย็นๆ ไอน้ำจะพวยพุ่งจากหม้อดินขโมงไปหมดเลยคับ
เป็นมื้อที่มีความสุขจริงๆ อึมม์.. แต่ที่ผมสังเกตเห็นอีกอย่างก็คือ ตะเกียบที่นี่ จะใช้สีแปร๊นๆ แจ๊ดๆ เหมือนกันหมดทุกร้านเลย ก็ไม่รู้ทำไมเหมือนกันนะ

ป้ายทะเบียนรถ ก็เป็นอีกอย่างที่ต้องพูดถึง เพราะที่อื่นๆเค้าจะพิมพ์เป็นชื่อจังหวัดใช่มั้ยคับ แต่ที่นี่เค้าจะพิมพ์ชื่อ " เบตง " เลยอ่ะ ไม่ยักกะใช้ " ยะลา "
เลยทำให้ที่นี่ดูแปลกแยกเป็นเอกเทศขึ้นไปอีก แล้วชาวเมเลย์ก็มักจะขับรถโปรตอน (หรืออะไรซักอย่างนี่แหล่ะ) เข้ามาเที่ยวกันเยอะมาก
ยิ่งได้ฟีลท่องเที่ยวแบบสุดๆอ่ะครับ เฮ้อ รักเมืองนี้จริงๆนะ พอๆกับแม่ฮ่องสอนเลยคับ เสียแต่ตอนนี้ไปไม่ได้แย๊ว
กลัววิญญาณออกจากร่างอ่ะ

จบแย๊ว

Create Date : 10 กรกฎาคม 2548

Last Update : 10 กันยายน 2548 11:19:40 น.

10 comments

Counter : 1932 Pageviews.

แวะมาอ่านค่ะ
อยากไปเที่ยวมั่งอ่ะ
แต่สถานการณ์ตอนนี้
ก็ไม่ค่อยกล้าเหมือนกัน
+ไม่ค่อยมีเวลา+ตังด้วย

มีใครออกให้เราก่อนมั่งง่ะ

โดย: quin toki

วันที่: 10 กรกฎาคม 2548 เวลา:20:11:46 น.

หวัดด เราเปงคนยะลา เกิดที่นี่แร้วก้อโตที่นี่ เราว่ายะลาเปงเมืองที่สวยที่สุดเพราะเปงจังหวัดที่มีผังเมืองเป็นรูปใยเเมงมุม สวยมากๆ เราก้ออยากให้ทุกคนมาเที่ยวกันเยอะๆนะ ถึงแม้ว่าตอนนี้สถานการณ์จะไม่ค่อยดี แต่กนูจะช่วยกันให้สถานการณืนี้สงบให้ได้

โดย: G'DALKI IP: 203.113.85.243 วันที่: 10 กรกฎาคม 2548 เวลา:20:52:44 น.

Still keep you in the deepest of mine,
Through the time will passing by,
Though without you by my side.
Though the lonely and empty were lived in my mind, but I'm so glad to find it.
Because I'll always live with it alone.
By meself...
"Good bye" is the saddest word I've ever heard.
But I have tell you now
because the fact is "I still know that....
"Everything is over".....
Good bye...

โดย: มดตัวน้อยตัวนิด IP: 61.7.138.87 วันที่: 10 กรกฎาคม 2548 เวลา:21:01:24 น.

หยิบเอางานเก่าๆ มาลงอีกแล้วพี่ป๊อป แต่รู้สึกว่าคำบรรยายติดเรทตลอด คนขี้เหงาก็เนี้ยอ่ะน่ะเพ่ สงสัยทางแก้ต้องรีบหาใครสักคนซะแล้ว เผื่ออาการติดเรทจะลดน้อยลง (

)

โดย: kaazanova

วันที่: 10 กรกฎาคม 2548 เวลา:22:21:41 น.

ถ่ายรูปได้สวยเหมือนเดิม

โดย: zmen

วันที่: 12 กรกฎาคม 2548 เวลา:10:42:46 น.

ต๊กใจ ...ไม่ใช่รูป รูปถ่ายสวย ฝีมือไม่ตก

ต๊กใจ ที่ประโยคสุดท้าย ...."บลอคสุดท้ายแล้วนะ ขี้เกียจทำแล้ว เบื่อ...."

อ้าววว แล้ว .....

จะปิดบลอค ทำไมล่ะ

ไม่ว่าง เครียด ไม่มีเรื่องเขียน มีกิ๊ก หรือจะไปนอก

พักร้อนหยุดเขียน กะด้าย
สบายใจ มีไฟเขียน ก็มาเขียนใหม่
ผมยังadd blogของคุณเอาไว้นาคับ

อ้อ ผมขอรูปมัสยิดที่คุณถ่ายไว้ทีปัตตานี ไปแปะไว้ในห้องในหลวง ที่บลอกของผมนะ ผมขอติดชื่อปอมปอมไว้ที่รูปด้วยคับ

ถ้าจะไปอ่าน ก็อยู่ที่เรื่อง "ในหลวงกับชาวไทยมุสลิม" ในgroup blog "ด้วยพระบารมี"

ขอขอบคุณคับ คุณปอมปอม

โดย: yyswim

วันที่: 13 กรกฎาคม 2548 เวลา:0:09:32 น.

โชคดีนะเนี่ยที่ผมอ่านทัน ว่าแต่ก็ไม่เห็นมีอะไรถึงกะต้องเอาคำบรรยายออกนี่นา เป็นกำลังใจให้อยู่นาครับ และผมก็เป็นอีกคนที่ยัง add blog ของพี่ป๊อบไว้อยู่นา ติดตามการเดินทางท่องเที่ยวมาก็นาน จะปิดซะแล้วเหรอครับ....

โดย: kaazanova

วันที่: 15 กรกฎาคม 2548 เวลา:14:42:25 น.

น่าอิจฉาจังเลยอ่ะ ที่ได้ไปท่องเที่ยวที่นั่นที่นี่
อยากว่าง ๆ (มีตังค์ใช้) ไปท่องเที่ยวแบบนั้นมั้งจัง

ตี๋ ขาว สูง โบท ไม่แสดงออกงับ !! Concept นี้เปิดเผยดีจังเลยนะ

โดย: blueblood@มาทุกวัน!!!! ^o^

วันที่: 1 สิงหาคม 2548 เวลา:22:10:45 น.

ดูรูปแล้วคิดถึงบ้านที่เบตงจัง....

โดย: สาวพลัดถิ่น IP: 202.12.74.6 วันที่: 11 พฤศจิกายน 2548 เวลา:16:14:12 น.

แวะมาอ่านค่ะ เล่าได้อารมณ์ดีจัง ขอรบกวนถามหน่อยนะจ๊ะ.....ว่า...สงกาสัยมานานแย้วเหมียนกัลล์ค่า ว่าทำไม๊ ทำไม ป้ายทะเบียนรถพี่เค้าใช้ เบตง เลย ล่ะ มันต้องมีคำอธิบายสิ เอ๊า ใครมีข้อมูลบ้างก๊ะ ช่วยเล่าสู่กันฟังหน่อยนะ เพื่อเพิ่มพูนความรู้ และสติปัญญา สาธุ๊ ...
ซิงกิ๊วหลาย ๆ

โดย: แม้วจังจ้า IP: 202.6.107.59 วันที่: 19 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:10:11:32 น.