|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 |
6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 |
13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 |
20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 |
27 | 28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
ตักบาตร - ให้พร หมูไป - ไก่มา
ได้มีโอกาสฟังธรรมของพระคุณเจ้าท่านหนึ่ง (ขออนุญาตไม่เอ่ยนามท่าน)
มีอยู่เรื่องหนึ่งที่ฟังแล้วรู้สะเทือนใจ ซึ่งแต่เดิมก็ไม่เคยได้นึกถึง
พระคุณเจ้าท่านเล่าว่า เวลาท่านออกบิณฑบาต ท่านจะยึดถือตามพระวินัยสงฆ์โดยเคร่งครัด คือการบิณฑบาตจะเดิมสำรวม ไม่ร้องขอ เมื่อรับของบิณฑบาตแล้วท่านก็จะเดินต่อไป เมื่อเต็มแล้วก็จะกลับวัด
มีวันหนึ่งหลังจากท่านรับบิณฑบาตรจากหญิงวัยกลางคนท่านหนึ่ง เมื่อรับแล้วท่านก็ปิดฝาบาตร หญิงท่านนั้นก็รีบนั่งลงพนมมือ เข้าใจว่าจะนั่งรอรับพร (เหมือนปกติที่สมัยนี้ ต้องมี) ท่านก็เหลือบมองดูแล้วท่านก็เดินต่อไปโดยไม่ได้ให้พรแต่ประการใด และท่านก็ทำอย่างนั้นกับทุกคนที่ใส่บาตร ท่าน
วันต่อมาท่านก็ไปบิณฑบาต ในเส้นทางเดิมอีก ท่านก็พบกับหญิงคนเมื่อวาน มารอตักบาตร แต่พอหญิงท่านนั้นเห็นท่าน ก็ปล่อยให้ท่านเดินผ่านไป และเลือกใส่บาตรให้พระองค์อื่นๆ ที่ให้พรหลังจากรับบิณฑบาตแล้ว
(อันที่จริงท่านก้ไม่ทุกข์ร้อนอะไร แต่ที่นำมาเล่าท่านคงมีเจตนาอะไรบางอย่างให้พุทธศาสนิกชนได้คิด) เมื่อได้ฟังท่านเล่ามาถึงตอนนี้ก็อดคิดในใจไม่ได้จริง ๆ ว่า แม้ว่าการถวายภัตราหารหรือใส่บาตรจะขึ้นอยู่กับศรัทธาของผู้ถวาย แต่หากคิดในอีกแง่หนึ่งว่า ทุกวันนี้หากญาติโยมเจตนาใส่บาตรเพื่อให้ได้พรจากพระเป็นการแลกเปลี่ยนแล้ว น่าจะผิดวัตถุประสงค์ของการทำบุญใส่บาตรที่แท้จริง
บิณฑบาต ถือเป็นวัตรปฏิบัติหรือเป็นสัมมาอาชีวะ คือการเลี้ยงชีพโดยชอบของพระพุทธเจ้าและพระภิกษุ พุทธสาวกเลยทีเดียว
ดังพุทธพจน์ ที่ปรากฏในพระไตรปิฎก
มหาราช ภิกษุในกรณีนี้ เป็นผู้สันโดษ (ยินดีตามที่มีอยู่) ด้วยจีวร เป็นเครื่องบริหารกาย สันโดษด้วยบิณฑบาตเป็นเครื่องบริหารท้อง ภิกษุ นั้น จะหลีกไปโดยทิศทางใด ย่อมถือเอาบาตรและจีวรนั้นหลีกไปได้ โดยทิศนั้น ๆ
นอกจากนี้พระพุทธองค์ทรงยกย่อง ภิกษุผู้มีสัมมาอาชีวะ ว่าเป็นผู้สถิติอยู่ในอริยะวงศ์ ทีเดียว ดังพุทธพจน์ ว่า
ภิกษุ เป็นผู้สันโดษด้วยบิณฑบาตตามมีตามได้และเป็นผู้สรรเสริญความสันโดษด้วยบิณฑบาตตามมีตามได้ ไม่ทำอเนสนา(การแสวงหาไม่สมควร) เพราะบิณฑบาตเป็นเหตุ ไม่ได้บิณฑบาต ก็ไม่ทุรนทุราย ได้บิณฑบาตแล้วก็ไม่ยินดีเมาหมกพัวพัน เห็นส่วนที่เป็นโทษของสังสารวัฏฏ์ มีปัญญาในอุบายที่จะถอนตัวออกอยู่เสมอ บริโภคบิณฑบาตนั้น อนึ่ง ไม่ยกตนข่มผู้อื่น เพราะความสันโดษด้วยบิณฑบาตตามมีตามได้นั้น ก็ภิกษุใดเป็นผู้ฉลาด ไม่เกียจคร้าน มีสัมปชัญญะ มีสติ ในความสันโดษด้วยบิณฑบาตตามมีตามได้ เราเรียกภิกษุผู้นี้ว่า ผู้สถิตอยู่ในอริยวงศ์ อันปรากฏว่าเป็นธรรมเลิศมาแต่เก่าก่อน
การออกบิณฑบาต นอกจากจะเป็นสัมมาอาชีวะของพระภิกษุแล้ว ยังเกื้อกูลให้เหล่าฆราวาสได้บำเพ็ญทาน คือการรู้จักให้และแบ่งปัน เพื่อลดความตระหนี่ รู้จักเสียและสละ อันเป็นการบรรเทากิเลศคือความโลภภายในจิตใจ และที่สำคัญในสมัยพุทธกาลยังได้มีโอกาสโปรดสัตว์ด้วยธรรม ให้เหล่าปุถุชนได้ดวงตาเห็นธรรมอีกด้วย
เอาหละ แม้ว่า ธรรมเนียมปัจจุบัน อาจมีการปรับเปลี่ยนจากการที่ให้ธรรม มาเป็นการให้พรของพระภิกษุ ซึ่งก็ไม่ทราบว่าเริ่มแพร่หลายมาแต่เมื่อใด ซึ่งอาจเนื่องจากความไม่เหมาะสมของกาลเวลาและสถานที่สำหรับการฟังธรรม หรือเป็นเพราะอาจไม่มีเวลาทั้งของพระและของฆราวาสเอง
แต่อย่างไรก็ตามเราไม่ควรที่จะให้เกิดธรรมเนียมใหม่ตามมาอีกคือ การเลือกใส่บาตรเฉพาะพระภิกษุที่ให้พรเท่านั้น อันจะเป็นเหตุให้อลัชชีทั้งหลายที่ปลอมปนเข้ามาในพระศาสนา เข้ามาใช้การบิณฑบาตเป็นแหล่งทำมาหากิน และเสกสรร คำให้พรอันวิจิตรเกินพรรณา เช่นกรณีการเวียนเทียนรับอาหารส่งให้แม่ค้า (ไม่อยากใช้คำว่าบิณฑบาต) ดังปรากฏเป็นข่าวครึกโครมเมื่อไม่นานมานีี
เราจะทำอย่างไรให้ชาวพุทธทั้งหลายที่หลงผิดไป ได้กลับมาเข้าใจถึงวัตถุประสงค์ที่แท้จริง ในฐานะผู้ให้ ว่าเราต้องการใส่บาตรเพื่อทำนุบำรุงพระศาสนา ได้บำเพ็ญทาน เพื่อลดละกิเลศ ผลบุญที่ได้ก็ได้ตั้งแต่มีเจตนาจะตักบาตรแล้ว ไม่จำเป็นต้องรอรับพรก่อนถึงจะได้บุญ
อย่าให้ ต้องถึงกับ หมูไป
ไก่มา.. กันเลยครับสาธุชนทั้งหลาย
Create Date : 24 มีนาคม 2554 |
|
15 comments |
Last Update : 24 มีนาคม 2554 20:03:13 น. |
Counter : 2203 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: Moto'me IP: 223.24.10.200, 64.255.180.182 25 มีนาคม 2554 7:26:29 น. |
|
|
|
| |
|
|