Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2548
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
17 ธันวาคม 2548
 
All Blogs
 

เล่าเรื่อง 11 เดือน อัศจรรย์การทรงสร้าง

เวลา 1 ปีผ่านไปเร็วมากเหมือนโกหก ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าปีที่แล้วตัวเองก่ะภรรยายังอยู่ด้วยกันสองคน ส่วนตาเจ๊สส์ยังอยู่ในท้องอยู่เลย ตอนนั้นก็ลุ้นๆ กันอยู่ว่าตาเจ๊สส์จะคลอดตอนไหนเพราะมันก็ใกล้เวลาของเค้าแล้ว

ณ วันนี้ถ้าใครที่เป็นโสด หรือแต่งงานแล้วแต่ยังมะมีลูก เชื่อแน่เลยว่าเขาจะไม่ค่อยเห็นความแตกต่างหรือการเปลี่ยนแปลงอะรัยมากนักนอกจากการที่ได้เพียงแต่รู้ว่า แต่ละปีผ่านไป อายุของตัวเองก็จะเพิ่มขึ้นอีก 1 ปีเท่านั้น แต่สำหรับครอบครัวผม ผมได้รับของขวัญจากพระเจ้า เป็นมรดกที่นับได้และจับต้องได้ด้วย เป็นลูกชาย หรือเรียกได้ว่าเป็นบุตรหัวปี ที่พระเจ้าประทานให้การมีลูกนั้นพระเจ้านับว่าเป็นการเกิดผลในฝ่ายธรรมชาติดั่งที่ Bible กล่าวไว้ว่า "จงมีลูกดกทวีคูณ ดั่งเม็ดทรายในทะเล และดั่งดวงดาวบนท้องฟ้า..." นั้นคือพระสัญญาที่พระเจ้าประทานให้แก่มนูษย์ทุกคน

วันนี้อยากจะเล่าถึงความอัศจรรย์ของการทรงสร้าง สำหรับคนที่ไม่มีความเชื่อในพระเจ้าก็สามารถอ่านได้นะครับเพราะเป็นเรื่องเล่าที่กลางๆ และเป็นการพูดถึงพัฒนาการของตาเจ๊สส์น่ะครับ

เดือนนี้เป็นเดือนที่ 11 ย่างเข้าเดือนที่ 12 ของตาเจ๊สส์แล้ว เค้ามีการเปลี่ยนแปลงมากมายเลย คุณหมอบอกว่าเด็กนั้นเปรียบเสมือนฟองน้ำ เค้าพร้อมที่จะซึมซับทุกสิ่งทุกอย่างที่เราใส่ลงไปในตัวเค้า รวมทั้งสภาพแวดล้อมที่เด็กได้อยู่ใกล้ด้วย นั้นคือเป็นคำบอกกล่าวของหมอ ตอนนั้นผมก็ได้รับฟังและตั้งใจที่จะปฏิบัติตามสิ่งที่หมอแนะนำเป็นอย่างดีเท่าที่จะทำได้

ช่วง 1 เดือน ถึง 10 เดือนของตาเจ๊สส์นั้น เค้าจะคอยซึมซับและจดจำ ในสิ่งที่เค้าได้พบได้เห็นไว้ในสมองของเค้าแต่ช่วงเวลานั้นเค้ายังสื่อสารออกมายังไม่ได้ แต่มาวันนี้ 11 เดือนกว่าที่ตาเจ๊สส์ได้ออกมาสู่โลกภายนอก ตาเจ๊สส์สามารถทำในหลายสิ่งหลายอย่างได้ เหมือนกับจะบอกให้ทุกคนได้รู้ว่า สิ่งที่เค้าได้เรียนรู้ ได้เห็นเมื่อก่อนนั้น วันนี้เขาอยากจะสื่อสาร อยากจะแสดงออกมาเท่าที่เขาสามารถจะทำได้

- การตอบปฏิเสธ ตาเจ๊สส์เรียนรู้ว่า ถ้าไม่เอา ไม่ชอบ หรือไม่ทำ เค้าจะแสดงออกโดยการส่ายหน้า แล้วพูดว่า อือ อือ

- ตาเจ๊สส์สามารถชี้สิ่งของ หรือชี้หน้าคนที่รู้จักได้แล้ว

- เวลาตาเจ๊สส์อยากได้ของจากคนอื่น เขาจะยกมือไหว้เพื่อจะบอกว่า ขอสิ่งนั้นให้ผมหน่อย นี้เป็นสิ่งที่ตาเจ๊สส์เลียนแบบและทำตามป้าข้างบ้านชื่อป้าสังวาร

- เวลาตาเจ๊สส์ถือสิ่งของอยู่ในมือ ถ้ามีคนขอ เขาก็จะยื่นให้ ยื่นให้เฉยๆ นะ แต่ยังไม่ยอมปล่อยมือ อาจเป็นเพราะว่า เขายังไม่รู้ว่าการให้ที่แท้จริงคือการยื่นให้แล้วปล่อยมือด้วย ... แบบนี้ต้องสอนกันอีกครั้งเพื่อจะได้เข้าใจจริงๆ อิอิ

- ทุกเช้าตาเจ๊สส์ จะอึ๊เป็นเวลา โดยการทำท่านั่งอึ๊อยู่ที่ขอบเบาะที่นอน

- เวลาตาเจ๊สส์ซน ความซนของเด็กนั้น ไม่ได้หมายถึงการดื้อดึง แต่เป็นการอยากรู้อยากเห็นมากกว่า แต่บางครั้งการอยากรู้อยากเห็นของเด็กนั้นอาจจะนำมาซึ่งอุบัติเหตุได้ ที่โบสถ์สอนว่า ถ้าลูกซนและไม่เชื่อฟัง ต้องตีสอน การตีลูกนั้นจุดประสงค์ไม่ใช้ตีเพราะอารมณ์โกรธของพ่อแม่ แต่เป็นการตีด้วยความรักที่มีต่อลูก ลูกจะสัมผัสได้ว่าพ่อแม่ตีลูกด้วยความโกรธหรือตีลูกด้วยความรัก และเวลาตีลูกนั้น จะไม่ใช้มือตี แต่จะใช้ไม่เรียวตีเพราะมือนั้นมีไว้เพื่อกอดลูกและแสดงความรักต่อลูก ส่วนไม่เรียวนั้นมีไว้เพื่อตีสอนลูก เพราะถ้าใช้มือตีลูก จะทำให้เค้าสับสนว่า เอ... วันนี้พ่อแม่ จะเอามือมาตีหรือว่าจะมากอดเราน๊าา ชักไม่แน่ใจ เวลาจะตีสอนลูกนั้นก็จะต้องบอกถึงสาเหตุที่เขาทำผิดด้วยแล้วก็บอกลูกว่าที่พ่อแม่ตีนั้นเพื่อตีความบาปที่อยู่ในตัวลูกให้มันออกไปแต่ไม่ได้ตีลูกนะ และเมื่อตีสอนเสร็จต้องสอนให้ลูกขอบคุณพ่อแม่ที่ตีสอนด้วย ทำอย่างงี้จะทำให้เด็กมีเหตุมีผล ไม่ก้าวร้าวเวลาถูกตีสอน ... แต่เอ...ตาเจ๊สส์เวลาทำผิดนะก็จะบอกเขาว่าต้องตีสอนแล้วนะ แทนที่เขาจะตอบสนองโดยการยื่นมือมาให้เราตี แต่ปรากฏว่าตาเจ๊สส์นั่นแหล่ะยกมือขึ้นแล้วทำท่า ตี ตี น่ารักดี คือเด็กเขายังไม่รู้อ่ะนะว่าตัวเด็กเองนั่นแหล่ะทำผิด อิอิ แต่สุดท้ายตาเจ๊สส์ก็จะยอมให้เราตีสอนในสิ่งที่เขาทำผิด แล้วจากนั้นเขาก็จะเรียนรู้แล้วว่าถ้าทำแบบนี้นะเป็นการทำผิด แต่เขาก็ยังเผลอทำอยู่บ้าน เพราะเด็กยังสมาธิสั้นอยู่ ต้องย้ำเขาบ่อยๆ

- ตาเจ๊สส์จะไปโบสถ์ก่ะพ่อแม่ทุกวันอาทิตย์ ไปโบสถ์ตั้งแต่อายุ 1 เดือนเลย สิ่งนึงที่ตาเจ๊สส์ได้เรียนรู้ก็คือการฟังเสียงเพลงนมัสการ ตาเจสส์จะดีใจมากเมื่อได้ยินเสียงเพลงและจะยกมือขึ้นโบกมือไปมา แล้วก็จะทำท่าเหมือนจะร้องเพลงตามไปด้วย เพียงแต่ว่าเสียงที่เขาเปล่งออกมานั้นผู้ใหญ่ยังฟังไม่เข้าใจ หุหุ และเป็นที่น่าสังเกตอย่างนึงคือว่าเด็กเขาจะสามารถแยกแยะออกว่า ความดังของเสียงที่เขาได้ยินนั้นเป็นเสียงที่สร้างสรรค์หรือไม่สร้างสรรค์ เสียงเพลงทุกวันอาทิตย์ก็จะเสียงดังนะแต่ตาเจ๊สส์ชอบ แต่พอพาไปทานข้าวนอกบ้านที่โลตัส พอดีวันนั้นที่โลตัสมีตลกคณะ เอ็ดดี้ ผีน่ารักมาเล่น ตาเจ๊สส์ไม่ชอบเลย เพราะเสียงดังดูวุ่นวาย จนต้องพาออกมาจากบริเวณนั้น

- ตอนนี้ตาเจ๊สส์ทานข้าว 3 มื้อแล้วนะครับ แล้วก็ยังกินนมแม่ด้วย ร่างกายจะได้แข็งแรง

- ตาเจ๊สส์จะไม่ค่อยชอบคลานละ แต่เขาจะชอบเกาะยืน เขาจะชอบเกาะก้าวอี้ตามโต๊ะกินข้าวแล้วก็เดินไปเดินมา เขาเริ่มที่จะเปิดประตูห้องละ เพียงแต่ว่าต้องเอื้อมมือไปที่ลูกบิดประตูแต่ก็ยังเปิดเองไม่ได้

อืม...มีอีกหลายสิ่งที่ตาเจ๊สส์ทำได้ และก็จะทำได้มากขึ้น มันช่างเป็นความอัศจรรย์ของการทรงสร้างจริงๆ ที่ชีวิตคนหนึ่งคน จากไม่มีอะรัยเลยค่อยๆ เติบโต ตามวันเวลา ตามสภาพแวดล้อมที่เด็กได้อยู่อาศัย ตามความใกล้ชิดที่พ่อแม่มีให้ และปัจจัยอีหลายอย่าง วันนี้คงขอจบการเล่าเรื่องตาเจ๊สส์แค่นี้ก่อนนะครับ บ๊าย บาย









 

Create Date : 17 ธันวาคม 2548
3 comments
Last Update : 28 ธันวาคม 2548 15:23:24 น.
Counter : 451 Pageviews.

 

เป็นพ่อแม่คนก็มีความสุขแบบนี้อะนะ ดีจังอะ

ป้าอินทรีทองคำมาเยี่ยมหนุ่มเจ๊ส ทานข้าวสามมื้อกะนมแม่ อีกหน่อยคงตัวโตสูงใหญ่แน่ๆเลยอะ

 

โดย: อินทรีทองคำ 22 ธันวาคม 2548 11:03:15 น.  

 

มีความสุขมากๆนะทั้งครอบครัวเลยอะ


 

โดย: อินทรีทองคำ 25 ธันวาคม 2548 17:33:34 น.  

 


ตะเอ๋ จ้ะ ตาเจ๊สส์ ขอให้สุขภาพแข็งแรงๆๆ นะจ๊ะ
ขอให้มีความสุขทั้งครอบครัวเลยจ้ะ

 

โดย: -`๏'- MeIKha 31 ธันวาคม 2548 17:02:19 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ตาเจ๊สส์
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]









ตาเจ๊สส์คือลูกชายของผมเอง ลูกชายคนแรกเลยเห่อหน่อย คงไม่ว่ากันนะครับ

ชื่อเล่นจริงๆ คือ เจ๊สส์ ( jesse) แปลว่า firm, or a gift เป็นชื่อของบุคคลใน Holy Bible, Jesse มีลูกชายแปดคน และ 1 ในแปดคนนั้น คนสุดท้องคือกษัตริย์ David ถ้อยคำที่ว่า "stem of Jesse" ได้พูดถึงเชื้อสายของกษัตริย์ David ส่วนถ้อยคำที่ว่า "root of Jesse" ได้พูดถึงพระเมษซิยาห์ (Messiah)

เจ๊สส์มีน้องสาว 1 คน ชื่อน้องจิว (Jew) มีความหมายว่า Israelites, people who chosen from God.


Friends' blogs
[Add ตาเจ๊สส์'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.