..........วัดจันทาราม หรือวัดท่าซุง ...ตั้งอยู่ที่หมู่ 2 ตำบลน้ำซึม อำเภอเมือง จังหวัดอุทัยธานี และหากบอกว่าวัดจันทารามชื่อเฉยๆ ไม่ตื่นเต้น เพราะคงไม่คุ้นกับชื่อนั้น พอบอกว่า " วัดท่าซุง " ค่อยๆ คุ้นขึ้นมา และถ้าบอกเป็นวัดที่หลวงพ่อฤๅษีลิงดำท่านเคยเป็นเจ้าอาวาสอยู่ที่วัดนี้ ทีนี้ร้องทันทีว่า .....รู้จักเพราะความดังของหลสวงพ่อฤ+ษีลิงดำ ซึ่งเวลานี้ท่านมรณภาพไปแล้ว แต่สังขารของท่านยังอยู่ ไม่เน่า ไม่เปื่อย ให้ได้กราบไหว้กัน
..........วัดท่าซุง ได้ชื่อเพราะว่าวัดอยู่ริมแม่น้ำสะแกรังในสมัยก่อนยังมีการล่องซุงตามลำน้ำ แพซุงจะมาพักอาศัยที่ท่าน้ำหน้าวัด วัดนี้เลยเรียกกันว่าวัดท่าซุง ทั้งๆที่มีชื่อดั้งเดิมกลับมีชื่อว่า วัดจันทาราม ซึ่งชื่อนี้ตั้งชื่อขึ้นโดยอดีตก่อนหลวงพ่อฤๅษีลิงดำคือ เจ้าอาวาสจันทร์
..........หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ หรือพระราชพรหมยาน เดิมท่านไม่ได้อยู่ที่วัดนี้ แต่พระครูสังฆรักษ์อรุณ อดีตเจ้าอาวาสวัดท่าซุงอีกหนึ่งองค์ เห็นว่าวัดท่าซุงทรุดโทรมมากต้องพัฒนา จึงได้นิมนต์หลวงพ่อฤๅษีลิงดำมาจากวัดสะพาน จังหวัดชัยนาทให้มาอยู่ที่วัดนี้ตั้งแต่ พ.ศ. 2511 เพื่อช่วยบูรณะ
..........การเดินทาง ไปตามถนนสายเอเซีย ผ่านอยุธยา สิงห์บุรี ผ่านแยกเข้าจังหวัดชัยนาท ผ่านอำเภอมโนรมย์ จากนั้นถึงทางแยกซ้ายเข้าจังหวัดอุทัยธานี ก็เยวซ้ายเข้าไปอีก 16 กิโลเมตร จะชนกับสามแยกเลี้ยวซ้ายมาอีกหน่อยหนึ่ง พบสามแยกอีกให้เลี้ยวซ้ายเข้าถนน 3265 ไปอีก 5 กิโลเมตร จะเห็นป้ายวิหารแก้วอยู่ทางขวามือ เลี้ยวมาอีกหน่อนจะเห็นบริเวณดั้งเดิมของวัดจันทาราม อุโบสภหลังเก่าอยู่ทางนี้ ส่วนทางฝั่งขวาของถนน ซึ่งมีพื้นที่อีกมากมายคือบริเวณที่หลวงพ่อได้พัฒนาขึ้น รวมทั้งอุโบสถหลังใหม่ที่แสนจะงดงามด้วย หากจะแบ่งเขตพุทธาวาสนาจะแบ่งได้ 3 อาณาเขตคือ เขตวัดเก่าก็พัฒนาใหม่หมดแล้ว เมื่อเข้าไปในวัดจะเห็นว่าวัดนี้มีห้องสุขามากจริงๆ โดยห้องสุขามีไว้บริการสำหรับท่านผู้ไปเที่ยวชม และแสวงบุณที่เดินทางมาไกล
..........อุโบสถหลังเก่า ซึ่งเป็นหลังเล็กได้ทาสีงดงามภายในโบสถ์มีภาพจิตรกรรมฝาผนังฝีมือพื้นบ้าน มีวิหารหลวงพ่อใหญ่
มีมณฑปท้าวหมาราชซึ่งมีพลเทพ 4 องค์ มณฑปแก้วอยู่ติดกัน มีเรือนรับแขกหลังใหญ่มาก เป็นที่สำหรับจำหน่ายเทป หนังสือธรรมะ ซึ่งราคาถูกมาก รวมทั้งวัตถุมงคลก็มีจำหน่ายอยู่ที่อาคารแห่งนี้ และมีรูปเหมือนหลวงพ่อ มีสภาพของหลวงพ่อที่ยังไม่เน่าเปื่อย อีกฟาก 1 เป็นเขตที่ 2 เป็นเขตพุทธาวาสที่แท้จริง คนเข้าไปเที่ยวชมน้อย อยู่ฝั่งตรงข้ามกัยเขตวัดเก่า ...เขตที่ 3 ซึ่งเป็นเขตที่ยิ่งใหญ่ที่สุด คือ วิหารแก้ว เป็นเขตที่กว้างใหญ่ไพรศาลมาก เมื่อเข้าไปแล้วทางซ้ายจะมองเห็นศาลา หรือมหาวิหาร 100 เมตร ยาวร้อยเมตรจริงๆ แต่มีความกว้าง 28 เมตร หรือมีชื่อที่ตั้งเป็นห้องปฏิบัติพระกรรมฐานว่า ศาลา 2 ไร่ ศาลา 3 ไร่ ศาลา 4 ไร่ และศาลา 12 ไร่
..........ทางซ้ายสุดเป็บุษบกที่งดงามมาก และสังขารของหลวงพ่ออยู่ในโรงแก้วตั้งอยู่บนนี้ ส่วนทางขวาสุดของวิหาร คือพระประธาน เป็นพระพุทธชินราช และยังมีรูปปั้นของพระอรหันต์อีก 7 องค์ เช่น โมคคัลลาน์ พระสารีบุตร อยู่หน้าพระพุทธชินราช เป็นต้น และมีเจดีย์บรรจุพระบรมสารีรกธาตุอยู่ ทางซ้ายของพระพุทธชินราช มีรูปหล่อของหลวงพ่อถือไม้เท้า เพดานติดไฟช่อรวม 110 ช่อ จึงสว่างและงดงามมาก ....และที่สำคัญอีกอย่างคือ ระเบียงที่มีหลังคาริมรั้วโดยรอบนั้น สร้างพระพุทธรูปปางประทับนั่ง แต่ละองค์ขนาดเป็นพระประธานตามวัดต่างๆได้อย่างสบาย และคงมีหลายร้อยองค์ เพราะประทับนั่งในศาลาระเบียงที่ยาวไปตามแนวริมรั้วรอบวัดทางด้านเขต 3 นี้ ถ้าได้ไปเที่ยวก็ลองนับดูก็แล้วกัน ต้องเกินร้อยองค์แล้วกัน
ภายในมหาวิหารนี้จะมีโต๊ะตั้งวางไว้ให้ทำบุณ เพื่อนำดอกไม้ธูปเทียนไปวางบูชาได้ เสาภายใน เพดานข้าฝาทั้งพระวิหารแห่งนี้จะประดับด้วยกระจกหมด เมื่อเปิดไฟแสงสะท้อนไปมา งดงามอย่างยิ่ง
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [
