คนมากใหมครับ...

คนวิ่งทั้งหมด 7013 คน มีแชมป์โลก แชมป์โอลิมปิค หลายคนหลายสมัยร่วมด้วย คนที่เข้าเส้นชัยคนแรกชื่อ Leonard Komon จาก Kenia (เคนยา) ใช้เวลา 28:58 นาที เป็น the best time of wolrld year ของปีนี้ด้วย และเขาเป็นคนทำ worldrecord สถิติโลกเอาไว้ด้วยเวลา 27:15 นาที เคยลองปั้นจักรยานตามพวกเขามาแล้วครั้งหนึ่ง ยังสู้เขาไม่ได้ ขาโคตรยาวเลยคนเคนยา วิ่งเร็วมาก เมื่อวานตอนเขาถึงเส้นชัย เรามาได้แค่ครึ่งทางเอง Horstจะถ่ายรูปให้ แต่กดไม่ทัน พวกเขาวิ่งมาชิดตัวแล้ว..อิอิ

สุดยอดมากเล็ก ยังวิ่งได้ตั้ง10ก.ม สำหรับฉันกิโลเดียวก็ลิ้นยาวเเล้ว

เรี่มวิ่งตอนอายุ 30ขวบ จำได้ว่าวันแรกที่วิ่ง วิ่งได้แค่ 7นาทีเอง หายใจเข้าออกยังไม่เป็น ทำให้จุกท้องมาก วันรุ่งขึ้นเดินลงบันไดไม่ได้ เพราะกล้ามเนื้ออักเสบ
สาเหตุที่วิ่งเพราะว่า วิ่งไม่ต้องง้อใคร ไม่จำกัดเวลา อยากวิ่งเมื่อไหร่ก๊ได้ วิ่งแล้วตัวเบาดี ร่างกายแข็งแรงขึ้น เสียอยู่อย่างเดี่ยว ทำให้เสียโฉมไปเลย ขาใหญ่เป็นมัด ยังกับผู้ชาย แต่คุณนายเล็กไม่แคร์ วันนั้นกะจะโชว์ขาใหญ่ อยากใส่กางเกงมวยวิ่ง เพราะลมพัดเข้าออกดี..อิอิ แต่อากาศไม่เป็นใจ ต้องใส่กางเกงรัดไม่ให้ลมเย็นเข้า กลัวของจะแข็ง..เอิ๊กๆ

ที่เยอรมันเขาบังคับกลายๆให้ไปหาหมอฟันกันอย่างน้อยปีละ 1ครั้ง แต่บางคนหรือบางหมอ จะให้คนไข้พบหมอปีละ 2ครั้ง ถ้าไม่ไปปีละครั้ง ถึงคราวที่ต้องใสฟันปลอม ก็ต้องจ่ายเอง คุณนายเล็กเพิ่งกลับจากขูดหินปูนและขัดฟันมา ก่อนขัดฟันต้องถ่าย X-Ray ฟันกันทั้งปาก ถ่ายข้างบน 4 ครั้ง ข้างล่าง 4ครั้ง แป๊ปเดียวก็ได้แผ่นX-Rayออกมาแล้ว คนทำไม่ใช่หมอแต่เป็นผู้ช่วย ทำมือนิ่มมาก ขอโทษกันตลอดเวลา กุลีกุจอเอากระดาษมาเช็ดปากให้เวลากรอแล้วน้ำกระเด็นไปบ้าง ทำเอาเราแปลกใจ ฟังสำเนียงการพูดก็รู้แล้วว่าไม่ใช่คนแถวนี้ น่าจะมาจากทางใต้ ได้คุยกันไปคุยกันมาช่วงพัก เลยรู้ว่าเธอเป็นคนสวิส มิน่าละใจดีผิดปกติ เธอเองบอกว่า คนไข้คนเยอรมันที่เจอ มีแต่จุกจิก ขี้บ่น แค่น้ำกระเด็นก็จะประชดว่า น้ำอาบมาแล้วนะ..
เธอว่าคนเยอรมันจริงจังเกินไป ไม่เหมือนคนสวิสที่ไม่เคร่งครัดอะไร เรื่องนี้ไม่ได้เล่าให้คุณฝารมีฟัง เพราะถึงเค้าจะเห็นด้วยแต่ก็ว่ากลับแน่
คนเยอรมัน-คนออสเตรีย-คนสวิส ทั้ง3ชาตินี้ชอบว่าประชดใส่กันอยู่บ่อย เราคนนอกฟังแล้วก็ขำดี..มีโอกาสจะมาเม้าเรื่องของคนทั้ง3ชาตินี้ว่ากระแทกกันยังไงให้ฟังอีก

เรื่องของสุขภาพขอเข้ามาเขียนให้เพื่อนๆอ่านในหน้านี้ดีกว่าน่ะ เพราะเหมาะสมดี
เพิ่งได้รับจ.ม.จากหมอฟันตามให้คุณนายเล็กไปตรวจ Parodontose คือการตรวจและรักษาโรคเหงือก ทั้งๆที่เราไม่ได้มีเหงือกอักเสบ แต่คงจะเป็นการดูแลเหงือกและฟันโดยทั่วๆไป ที่ทำให้ทึ่งและศรัทธาก็คือเยอรมันเค้าดูแลประชาชนของเค้าในเรื่องสุขภาพและอนามัยดีมาก หมอฟันซึ้งจริงๆแล้วไม่จำเป็นที่จะเอาใจใส่เราก็ได้ หมอไม่ได้มีรายได้อะไรเพิ่มขึ้น เพราะทุกอย่างฟรีหมด นอกจากฟันปลอม หรืออยากอุดฟันด้วยทอง ด้วย ceramics ซึ้งถือว่ามีคุณภาพดีเพิ่มขึ้นไปอีก ก็ต้องให้คนไข้ช่วยออกกันส่วนหนึ่ง
หมอเคยเล่าให้ฟังว่า มีคนไข้ที่เคยไปเที่ยวเมืองไทยแล้วไปฟันหัก เลยทำฟันใหม่ที่นั้น ทำฟันปลอมกับอุดอีกบางซี้เพราะเห็นว่าถูก แล้วกลับมาให้หมอฟันที่เยอรมันตรวจดูอีกที หมอชมเปาะเลยว่าเมืองไทยทำได้ดีมาก แล้วก็ไม่แพงด้วย เลยบอกหมอไปว่า มันอาจจะไม่แพงสำหรับหมอ แต่สำหรับเราคนไทยเนี่ยแพงเอาการ แค่อ้าปากให้หมอดูก็เสียเงินแล้ว นัดใหม่คราวหน้ามาอุด แล้วค่อยเสียเงินกันอีก..(ไม่รู้จะโขกกันไปถึงไหน)หมอฟันที่ทำให้คนไข้ฟรีในบางกรณีพอมีหมั๊ย เช่นคนจนมากๆ ในแผ่นดินไทยน่าจะพอมีนะ..เชื่อว่าต้องมีแน่
เคยได้ถามหมอฟันว่า เราเป็นคนต่างชาติ เกิดมีญาติพี่น้องมาเที่ยวแล้วเจ็บฟัน หมอจะรับรักษาหมั๊ย หมอบอกว่ารับซิ ทำให้ฟรีๆไม่ต้องเสียเงิน...งานนี้ทำให้คุณนายเล็กประทับใจหมอมาก อยู่รักษากับเธอไม่เปลี่ยนหมอเกือบ 20ปีเต็ม จนหมอหยุดไปเพราะเธออายุ 70ปีแล้ว
อ้อ..เกือบลืม หมอมีของตัวอย่างแจกด้วย พวกยาสีฟัน แปรงสีฟัน ที่เหมาะกับแต่ละคนให้ไปลองใช้ด้วย
เนี่ยแหละความรู้สึกดีๆกับหมอฟันที่ไม่เคยลืม..

กานฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดที่เกิดจากเชื่อที่เรียกว่า Influenza-Virus ซึ่งติดและระบาดอยู่ทั่วโลก ที่เยอรมันมีคนป่วยเพราะได้รับเชื้อไวรัสตัวนี้ทุกปีประมาณ5000-8000คน และมีคนตายกันทุกปีด้วย
การฉีดวัคซีนนี้จะใช้ป้องกันโรคไวรัสตัวใหม่ที่จะระบาดในแต่ละปี แต่ไม่ได้ป้องกันเกี่ยวกับไข้หวัดนกที่เคยระบาดเมื่อปีก่อน ช่วงนี้คือช่วงที่ฉีดกันคือราวๆ October ถึง November
แต่ก็มีเสียงวิจารณ์ออกมาว่าเป็นการ propaganda กันละมากกว่า อย่างคราวไข้หวัดนกระบาด มีคนส่วนหนึ่งไม่เห็นด้วยที่ต้องฉีด แต่อีกส่วนหนึ่งแห่กันไปฉีด จนวัคซีนหมด แต่หลังจากไข้หวัดนกเงียบไป ก็ออกข่าวมาว่ามีวัคซีนเหลือและต้องทิ้ง
เรื่องนี้ทุกคนต้องตัดสินใจกันเอาเองว่าจะฉีดกันทุกปีหรือไม่ ที่บ.จะมีหมอมาฉีดให้ทุกปี เพื่อนบางคนไม่ฉีดเพราะไม่เชื่อ บางคนไปฉีดกับหมอประจำตัวดีกว่า ที่ร้านหมอบางปีก็มีวัคซีนไม่พออยู่เหมือนกัน
ช่วงนี้คนเป็นหวัดกันเยอะ จึงป้องกันโดยไม่เช็คแฮนด์กัน และต้องล้างมือกันบ่อยๆ คนไทยชอบแซวกันว่า ฝรั่งไม่ชอบอาบน้ำ ล้างกันแต่มือ ล้างกันบ่อยๆมือก็จะแห้ง แต่เชื่อเถอะว่าหนุ่มๆเพื่อนคุณนายเล็กที่ทำงานเค้าทาครีมกันทันทีหลังจากล้างมือแล้ว จะใช้ hand cream กันทุกคน เดาเอาว่าคงทำกันมาตั้งแต่เด็กๆ...

Berlinวันนี้หนาวติด-ถึง16องศา
the boy เพื่อนจาก New York เป็นห่วง เค้ารู้ดีเพราะอยู่ในสภาพเดียวกัน เขียนมาเตือนคุณนายเล็กให้ระวังเรื่องวิ่งเดี่ยวจะเป็นปอดบวมตายเสียก่อน ทั้งที่ยังสาวและยังสวยอยู่..ก๊าก
ขอบคุณนะค่ะ คุณนายก็กลัวและมี limit อยู่เหมือนกัน คือจะไม่วิ่งในอุณหภูมิที่ต่ำกว่าลบ10องศา
ไม่ได้วิ่งซุ่ม4ซุ่ม5หรอกนะ ต้องระวังเรี่องการหารหายใจและเรื่องเสื้อผ้าอย่างมาก ต้องหายใจเข้า-ออกทางจมูกเท่านั้น ความเย็นจะถูกกรองผ่านจมูก ไม่เข้าไปถึงปอด
ส่วนเรื่องเสื้อผ้า ต้องใส่เสื้อผ้าที่ระบายความชื้นออกและเก็บความอุ่นไว้ไม่ให้ออกไป เสื้อผ้าพวกนี้จะมีเครื่องหมายbreathableติดไว้(ต้องลงทุนกันหน่อยม) ห้ามใส่เสื้อที่เป็น Cotton เป็นอันขาด เพราะจะทำให้ตัวเราเป๊ยกเพราะเหงื่อไม่ได้ระบายออก..ทีนี้แหละไม่สบายแน่
และที่สำคัญมากๆ ต้องใส่หมวก เพราะความร้อนของร่างกายจะได้ไม่หนีออกไป หัวให้อุ่นเข้าไว้
ดูแล้ววุ่นวาย แต่จริงๆแล้วเป็นเรื่องธรรมดา ถ้าเรารู้และปฎิบัติและมี Disiplin
จะวิ่งแบบทรมาณ หรือวิ่งอย่างมีความสุขดีล่ะ

เนื่องจากคุณป้าเพื่อนบ้านกลัวลื่น แกไม่กล้าเดินออกจากบ้านไปซื้อหนังสือพิมพ์ เลยวานให้ พี่Horst ขับรถไปซื้อให้หน่อย คุณนายเล็กเลยอาสาไปซื้อให้เอง จะได้ถือโอกาศวิ่งด้วย เพราะไม่หนาวมากแล้ว แต่ร้านน.ส.พ.อยู่ห่างจากบ้านแค่800เมตรเอง มันน้อยไปสำหรับเรา เลยวิ่งไปที่ร้านที่มันอยู่ไกลหน่อย ต้องวิ่งผ่านป่าโปร่ง ผ่านทุ่งนาระยะทางน่าจะประมาณ2ก.ม. ไปและกลับ4ก.ม.ในช่วงหนาวนี้ก็ถือว่าโอเคนะ แต่พอไปถึงร้าน หนังสือพิมพ์กลับหมด.. จะกลับมือปล่าวก็ไม่ได้ ไม่อยากให้ป้าคอยเก้อ เอาละซิทำยังไงละทีนี้ จะวิ่งกลับเข้าป่าทางเดิมไม่ได้การแน่ คำนวนบวกลบดูแล้ว วิ่งทะลุหมู่บ้านดีกว่า วิ่งไปวิ่งมาเลยหลงกว่าจะถึงบ้านได้ใช้เวลาเกือบ1ช.ม.30นาที หน้าแดงเหมือนลูกตำลึงเลยละ
หนังสือพิมพ์ที่ม้วนถือมาเปี๊ยกยู้ยี้ เพราะคุณนายลื่นล้มตามทาง แต่ก็ปลอดภัยทั้งหนังสือพิมพ์และคน พอถึงบ้านต้องรีบผิงไฟ อุณหภูมิในร่างกายเริ่มต่ำลงเพราะใช้พลังงานไปเยอะ อากาศหนาวประมาณ-4...เกือบไปแล้วมั๊ยละ เกือบแข็งตาย ดูในรูปซิ ในป่า ในท้องทุ่ง ไม่มีมนุษย์แม้แต่คนเดียว...งานนี้ไม่ขำ แต่ก็ไม่เข็ด..อิอิ

คุณนายจ๊ะ...เพื่อนอ่านเพลินเลย ตัวเองเขียนสารคดีท่องเที่ยว+วัฒนธรรม ได้เลยนะ หลงคิดว่าคุณนายคุยเก่งอย่างเดียว แล้วจะรออ่านตอนต่อไปนะ

เรื่องเล่ามีเยอะ พอๆกับคุยเก่งอย่างฟอร์มสีขาวว่านั้นแหละ เพียงแต่ช่วงนี้เป็นฤดูหนาว เขียนไปเขียนมาก็จะไม่พ้นเรื่องหนาวๆ เดี่ยวจะเบื่อกันซะ..ถ้างั้นวันนี้เล่าต่อเนอะ
พออุณหภูมิอยู่ต่ำกว่าจุดเหยือกแข็ง มีอยู่3อย่างที่ต้องพกติดตัวตลอดเวลาขาดไม่ได้เลยคือ
1.ลิปมัน ให้ปากแฉะดีกว่าปากแตก ถ้าไม่ทาละก็ ปากจะเหมือนนาที่ขาดน้ำ..คริ..คริ ทากันทุกคนทั้งผู้หญิงผู้ชาย คุณนายชินกับหนุ่มๆที่ควักลิปมันออกมาทาต่อหน้าต่อตาซะแล้วละ
2.ครีมนีเวีย ไม่พกได้ไง มันแห้งมันคันไปหมดทั้งตัว ควัก(ครีม)กันทั้งวัน บางที่ก็เอาทาร้องเท้ากันหิมะกัดได้ด้วย
ตอนที่หนาวมากๆต้องโปะ คุณนายต้องซื้อกระปุกเกือบครึ่งก.กไว้ใช้ เมืองไทยคงไม่มีหรอกไซด์นี้ ที่โน่นใช้กันเยอะมาก ใช้ทาก้นให้เด็กอ่อนด้วย..ครีมนี้ใช้ดีจริงๆนะ ขาดไม่ได้เลย ไม่ว่าจะร้อนหรือหนาว
ครีมนีเวีย ทำส่งนอกตั้ง52ประเทศ ช่วง6เดือนที่ผ่านมา ได้รางวัลจากหลายๆประเทศทั่วโลก ทำให้ยอดขายเพิ่มมากขึ้นอีกมาก เพื่อนๆลองซื้อใช้ดูนะ หรือจะให้คุณนายขนมาฝาก
3.เหมือนคนติดบุหรี่ พกไฟแช็ค เอาไฟไว้ลนดอกกุญแจ เพราะกุญแจเป็นน้ำแข็งไขไม่ออก จริงๆแล้วมีsprey สำหรับฉีดโดยเฉพาะ แต่คุณนายไม่ใช้ ใช้ไฟลนเอา ร้อนดี โดยเฉพาะกุญแจรถจักยานที่แช่น้ำแข็งอยู่นอกบ้าน เวลาจับรถก็ต้องใส่ถุงมือ ไม่อย่างนั้นละก็ ทั้ง5หรือ10นิ้ว จะเกาะติดเเง็กที่รถ เป็นตุ๊กแกเลย...ไม่555 เพราะมันเจ็บ เจ็บครั้ง2ครั้ง มันก็จำได้...555

ตอนนี้เริ่มมาออกกำลังกายแล้วล่ะ...เห็นโอ๋ไม่สบายขนาดนั้น รวมทั้งทานอาหารอย่างระมัดระวังด้วย..

อากาศต่างประเทศ ทำให้ผู้คนแต่ละภูมิภาคแตกต่างกันไปเนอะ..เล็กเล่าเห็นภาพ เลยล่ะ..มิน่าช่วงนี้ไก่เห็นคนต่างประเทศมาอยู่เมืองไทยเยอะมาก ขนาดบางกะปิยังเดินกันให้ว่อน แม้แต่แถวแฟลต แถมซื้อแกงส้ม 1 ถุง ,ข้าว 1ถุง,มะละกอ 1ถุง เดินสบายใจเฉิบ..ไม่หนาวแถมอาหารก็ถูกอีก

นึกว่าจะหายจากปวดเข่า เพราะผ่านมา2อาทิตย์แล้ว อยากจะเป็นปกติซะที ...โอ๊ยกูละเบื่อ
ที่X-Ray ไว้ไม่มีปัญหาอะไร แต่มันไม่หายนี้ซิ เซ็งเลย
ในที่สุดหมอเลยจะส่งไปScanกับเครื่องที่เรียกว่า MRI เป็นการตรวจเอ็กซ์เรย์ด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า จะได้ภาพเหมือนจริงของอวัยวะต่างๆภายในของร่างกาย หมออธิบายว่าอย่างนั้นนะ จะเห็นความผิดปกติในร่างกายโดยเฉพาะ สมอง หัวใจ กล้ามเนื้อ เอ็น กระดูก และส่วนที่เป็นมะเร็ง ได้ชัดเจน หมอจะได้รักษาได้ถูกต้อง
เครื่องMRI ไม่รู้ว่าเมืองไทยเรียกว่าอะไร เพราะเมื่อก่อนไม่มี ที่ให้คนป่วยนอนแล้วเลื่อนเข้าไปในเครื่องทั้งตัว โอ๋น่าจะโดนทำมาเหมือนกัน
ตอนนี้หมอจับฝั่งเข็มทุกวัน เพื่อช่วยในการหมุนเวียนของเลือด ดีหน่อยที่ไม่เจ็บตอนฝั่ง
หมอพูดว่าคนร้ายๆแกว่งๆแต่น่ารักอย่างคุณนายเล็กยังไม่ให้ตายตอนนี้หรอก ก็หวังอย่างนั้นแหละคะว่าคงไม่เป็นมะโรง มะเส็งนะค่ะหมอขา

จะลุกจะนั่งจะเดิน อย่าประมาท นะนังคุณนายเล็กวันที่กลับชุมพร(18-21/4/2555) ก็กะจะตีแบดบินตันกับเด็จแม่ซักหน่อย

ไก่กับเด็จแม่ก็กลิ้งเสา(ใช้ล้อรถยนต์เป็นฐานเทปูนแล้วปักเสา) คุณท่านที่เคารพตะโกนเสียงดัง "ทำอะไรกันน่ะระวังหน่อยซิ 2 คนน่ะอายุรวมกันแล้วเกิน120ปีแล้วน่ะ".....โฮ...หยาบคาย หยาบคายที่สุดรับไม่ได้เดินงอนตุปัดตุเป๋ไป

เด็จแม่เลยเรียกคนตะโกน(ลูกเขยสุดที่รัก)และน้องชาย "มาช่วยที คุณหญิงเค้าจะตีแบดกับแม่..."
สอง คนนั้นเลยเดินตัวเอียงมาขึงเน็ตให้ แม่-ลูกตีแบดกัน55555