เรื่องเล่าสารพัน ของคนอารมณ์คัน ที่ฝันอยากเป็นนักเขียน
Group Blog
 
 
สิงหาคม 2553
 
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
6 สิงหาคม 2553
 
All Blogs
 

Boy Love : My First Boyfriend ตอนที่ 1

บทที่ 1

เช้าวันหนึ่งผมตื่นขึ้นมาเหมือนกับทุกๆวัน แต่มันกลับเป็นเช้าที่ทำให้ชีวิตผมไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เริ่มตั้งแต่ผมตื่นขึ้นมาในห้องที่ไม่ใช่ของตัวเอง มีคนแปลกหน้าที่ผมไม่เคยรู้จักอยู่ในห้องกับผมด้วย ผมไม่มีอิสระในการที่เคลื่อนไหวไปมาได้เนื่องจากมือทั้งสองข้างของผมถูกพันธนาการด้วยผ้ามัดติดอยู่กับหัวเตียงอย่างแน่นหนา ในขณะที่เท้าทั้งสองก็ถูกมัดติดกับปลายเตียงทั้งสองด้านด้วยเช่นกัน

สภาพของผมตอนนี้ คล้ายกับตัวอักษร “x” ในภาษาอังกฤษ เสื้อผ้าที่ผมใส่มายังอยู่กับเนื้อตัวเรียบร้อย เพียงแต่มันหลุดลุ่ยยับยู่ยี่จากการดิ้นรนเพื่อให้เป็นอิสระของผม ที่ปากมีผ้าเช็ดหน้าอุดไว้ ทำให้ผมส่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือออกมาไม่ได้

ขณะที่ผมตกใจในสภาพของตัวเอง และพยายามดิ้นรนให้พ้นจากการถูกจองจำ ประตูห้องก็เปิดออกพร้อมกับที่ร่างสูงร่างหนึ่งเดินเข้ามา คนแปลกหน้าที่ลักพาตัวผมมาที่นี่ คนที่ผมคลับคล้ายคลับคลาว่าเขานอนอยู่ข้างๆผมตลอดทั้งคืน ความที่ผมสะลึมสะลือด้วยฤทธิ์ยาสลบที่ไอ้หมอนี่โปะผม ทำให้จำรายละเอียดเกี่ยวกับรูปร่างหน้าตาเขาไม่ได้ชัดเจนนักเมื่อวานนี้ แต่ตอนนี้ผมสังเกตเห็นทุกๆรายละเอียดบนใบหน้าของเขาอย่างชัดเจน

เขาเป็นเด็กหนุ่มร่างสูงใหญ่ หน้าตาหล่อเหลาบ่งบอกยี่ห้อว่าเป็นลูกครึ่งไทยกับฝรั่ง คิ้วหนาเข้ม ตาโตสวยสีน้ำตาล ขนตาดกหนาเป็นแพ จมูกโด่ง ริมฝีปากอิ่มเต็ม มีรอยเคราเขียวครึ้มที่ข้างแก้มและคาง ผมหยิกสลวยดกหนาสีน้ำตาลเข้มเป็นลอนยาวระต้นคอ ผิวสีน้ำตาลทอง ไม่ขาวเผือกแบบฝรั่งทั้งหลาย รูปร่างดี โครงสร้างร่างกายแข็งแรง คาดคะเนจากหน้าตา และกริยาท่าทาง เจ้าเด็กคนนี้คงจะอายุน้อยกว่าผมสัก 5 ปีขึ้นไป

เขาถือถาดอาหารเดินตรงมาที่ผม จากนั้นก็ทรุดลงนั่งที่เก้าอี้ข้างเตียง แล้ววางถาดอาหารไว้ตรงโต๊ะที่วางอยู่ใกล้ๆ ใบหน้าคมคายกำลังฉีกยิ้มกว้างให้ผม เป็นยิ้มประจบประแจงเหมือนเด็กที่กำลังอ้อนผู้ใหญ่เพื่อให้ได้สิ่งที่ตนเองต้องการ เวลาเขายิ้ม หน้าตาของเขาดูสดใสมาก เหมือนเด็กๆ ฟันขาวเรียงเรียบสะอาดตา แถมซ้ำยังมีลักยิ้มด้วย

เห็นหน้าซื่อๆ และตาเป็นประกายวาววามของเขาแล้ว ทำให้ผมเริ่มสับสน ไม่แน่ใจว่าเขามาดีหรือมาร้าย แต่จากการที่ไม่สะทกสะท้านเวลาที่เห็นผมถูกมัด มีเพียงแววตายิ้มได้ทำให้ผมเริ่มเอนเอียงมาทางความคิดที่ว่าเขาน่าจะเป็นพวกผู้ร้าย

ไม่อยากจะเชื่อว่าเลยว่าหน้าตาอย่างนี้จะเป็นใบหน้าของพวกมิจฉาชีพ พยายามภาวนาว่าการที่เขาจับตัวผมมา อาจจะเป็นเพียงการล้อเล่น หรือเป็นการเข้าใจผิดกันก็ได้

ผมสลัดความคิดในแง่ดีออกไปด้วยเกรงจะกลายเป็นมองคนร้ายกลายเป็นคนดี และพยายามจับจ้องเขาทุกอิริยาบถ เพื่อจะจำรายละเอียดให้ได้มากที่สุด อันจะเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี เมื่อผมสามารถหลุดจากการคุมขังออกไปแจ้งความกับตำรวจได้ ผมจะต้องไม่ใจอ่อน เห็นแก่หน้าเปื้อนยิ้มไร้มลพิษนั่น บางทีความร้ายกาจอาจจะแฝงมาพร้อมกับความเป็นมิตรก็ได้ ในสภาวะที่ผมกำลังเป็นเหยื่อถูกจับมัด ทำให้ผมต้องใช้ความระมัดระวังอย่างมากที่จะต้องรักษาตัวรอด และนอกเหนือไปจากการตัดสินคนที่อยู่ร่วมห้องอย่างรอบคอบ เพื่อจะได้ไม่เพลี่ยงพล้ำเสียทีเอาง่ายๆ

“ทานอาหารเช้าก่อนนะครับ คุณยังไม่ได้ทานอะไรเลยตั้งแต่เมื่อวานนี้”

ประโยคแรกที่เขาเอ่ยปากพูดกับผมหลังจากจ้องหน้าตาหวานเยิ้ม




 

Create Date : 06 สิงหาคม 2553
13 comments
Last Update : 6 สิงหาคม 2553 0:42:15 น.
Counter : 762 Pageviews.

 

“ผมออกไปซื้อโจ๊กหมูใส่ไข่มาจากร้านอร่อยแถวตลาด แต่มันอาจจะไม่ถูกปากเท่ากับอาหารที่คุณเคยทานมา ยังไงก็ต้องขอโทษด้วยนะครับ”

คนแปลกหน้าพูดจากับผมด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม คำพูดของเขาสุภาพไม่จาบจ้วงก้าวร้าวเยี่ยงวิสัยโจรร้ายทั่วไป จนผมเกิดความลังเลไม่มั่นใจอีกว่าเขาคือคนที่จับผมมามัดไว้หรือเปล่า ถ้าใช่ เขาก็คงจะเป็นโจรที่มีมารยาทดี หรือไม่ก็การศึกษาสูง อย่างนี้ก็คงจะเจรจาต่อรองให้ปล่อยตัวผมได้

ผมจ้องหน้าโจรลักพาตัวเขม็ง พยายามค้นหาความจริงจากสีหน้า และกริยาอาการของเขา ซึ่งเขาก็จ้องผมกลับด้วยแววตาหยาดเยิ้ม ใบหน้ายิ้มกริ่ม

“เสียดายที่ที่นี่ไม่มีครัว ไม่งั้นผมจะลงมือทำอาหารให้คุณทาน เอาไว้คราวหน้าก็แล้วกันนะครับ ผมจะทำอาหารอร่อยๆให้คุณทานอย่างสุดฝีมือเลย รับรองคุณต้องติดใจแน่ๆเลยครับ”

หนุ่มลูกครึ่งยังคงพูดจาสุภาพกับผม ใบหน้ายิ้มละไม ท่าทางเป็นมิตรจนไม่น่าเชื่อว่าเขาจะเป็นโจร เขาคงต้องการล้อผมเล่นแน่ๆ

“ผมจะเอาผ้าออกจากปากให้นะครับ คุณจะได้ทานได้”

เขาเอื้อมมือมาดึงผ้าออกจากปากผม แล้วรีบชักมือกลับอย่างรวดเร็ว เร็วเกินกว่าที่ผมจะงับมือเขาได้ทัน เขาหัวเราะเมื่อเห็นว่าปากของผมพลาดเป้า

“ดุจังเลยนะครับ เห็นท่าทางใจดี ไม่คิดว่าจะใจร้ายอย่างนี้”

ไม่พูดเปล่า คนแปลกหน้ายังเอามือมาลูบไล้ที่แก้มของผมอย่างแผ่วเบา ท่าทางเขาพึงพอใจมากที่ได้สัมผัสผิวเนื้อของผม แววตาที่มองมาเต็มไปด้วยความอ่อนโยน และมีประกายบางอย่างอยู่ในนั้น ที่ทำให้ผมรู้สึกขนลุกซู่ขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย

“นายเป็นคนจับฉันมามัดไว้ที่นี่หรือเปล่า”

เอ่ยปากถามให้แน่ใจ ถ้าเขาไม่ใช่คนทำ ผมก็จะได้ขอร้องให้เขาช่วย บางทีเขาอาจจะเป็นเพียงแค่ลูกน้องก็ได้ ท่าทางเป็นมิตรอย่างนี้ คงพูดง่าย

เด็กหนุ่มพยักหน้าแล้วยิ้มกริ่ม ผมรู้สึกผิดหวังที่เขายอมรับสารภาพว่าเป็นคนทำกับผมอย่างนี้ พร้อมๆกับรู้สึกโกรธขึ้นมา

“แล้วนายเป็นใคร แล้วจับฉันมาทำไม เรามีเรื่องบาดหมางอะไรไหม”

ตั้งคำถาม พลางจ้องหน้าเขาเขม็ง

“เปล่าครับ เราไม่เคยมีเรื่องอะไรโกรธเคืองกันแม้แต่น้อย”

 

โดย: stillbreathing 6 สิงหาคม 2553 0:43:16 น.  

 

ตั้งคำถาม พลางจ้องหน้าเขาเขม็ง

“เปล่าครับ เราไม่เคยมีเรื่องอะไรโกรธเคืองกันแม้แต่น้อย”

เขาตอบ หน้ายังคงระรื่น ยิ่งทำให้ผมรู้สึกงุนงงเพิ่มขึ้นไปอีก

“ถ้าเราไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกัน แล้วนายจับฉันมาทำไม นายเป็นโจรลักพาตัวหรือไง ถ้าต้องการเงินหรือรถก็เอาไปเถอะ แล้วปล่อยฉันไป รับรองฉันไม่เอาเรื่องนายหรอก”

ยื่นข้อเสนอให้ เขาส่ายหน้า

“ผมไม่ใช่โจรลักค่าไถ่ครับ”

“ไม่ใช่โจร แถมไม่มีเรื่องบาดหมางกัน ถ้างั้นนายจับตัวฉันมาทำไม หรือว่าใครใช้ให้นายมาจับตัวฉัน”

ถามต่อและพยายามนึกว่าเคยมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกับใคร หรือเคยทำให้คนบางคนไม่พอใจ จนถึงขนาดปองร้ายกับชีวิตของผมหรือเปล่า ก็นึกไม่ออก ที่ผ่านมาผมไม่เคยมีเรื่องมีราวกับใคร ไม่เคยขัดแย้ง หรือทำให้ใครโกรธอย่างรุนแรง แฟนสาวคนล่าสุดของผม เราก็จากกันด้วยดี แม้ว่าผมจะเสียใจอยู่บ้างที่เธอทรยศผมไปมีคนอื่น ทิ้งให้ผมต้องช้ำใจ แต่ผมก็ไม่คิดจะไปทำร้ายเธอหรือแฟนคนใหม่ของเธอแต่อย่างใด และเธอก็ไม่น่าจะทำร้ายผม เพราะเธอไม่ได้เป็นฝ่ายถูกทิ้ง ผมต่างหากที่โดนหักหลัง ประเด็นของการแก้แค้นเพราะรักจึงน่าจะตัดออกไปได้

กับเจ้านายถึงแม้ว่าเขาจะเป็นคนจู้จี้ขี้โมโห และอาจจะไม่พอใจการทำงานของผมบ้างในบางครั้ง นั่นมันก็แค่เรื่องของงาน โดยส่วนตัวแล้วผมไม่ได้เกลียดชังเขา แล้วเขาก็ไม่ได้รังเกียจผมแต่อย่างใด

เวลามีงานรื่นเริงที่บริษัท ผมก็ยังเคยนั่งโต๊ะเดียวกับเขา และทานเหล้าชนแก้วต่อแก้วด้วยกัน โดยปราศจากความขุ่นเคืองใจ มีอะไรเขาก็บอกสอนผม และผมก็ให้ความเคารพเขา เราทำงานด้วยกันมานาน จนพอจะรู้นิสัยใจคอกัน เราไม่มีเรื่องบาดหมางกัน จึงเป็นไปไม่ได้อย่างยิ่งที่เขาจะเกลียดชังจนมุ่งร้ายชีวิตผม

“ไม่มีใครสั่งให้ผมมาจับตัวคุณทั้งนั้นครับ นอกจากตัวผมที่สั่งตัวเองว่าจะต้องจับคุณมาให้ได้”

เขาตอบด้วยใบหน้าที่เปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม จับคนมามัด มาทรมานให้เขาได้รับความเดือดร้อนทั้งกายและใจ แล้วยังยิ้มอยู่ได้ แสดงว่าเลือดเย็นชะมัด ไม่คิดเลยว่าคนหน้าตาดีๆอย่างเขาจะทำร้ายคนอื่นได้ลงคอ

แต่อย่างว่าแหละ รู้หน้าไม่รู้ใจ คนที่ดูไม่เป็นพิษเป็นภัย กลับกลายเป็นคนร้ายที่ทำเรื่องเลวทรามต่ำช้านับไม่ถ้วน เพียงเพราะมีใบหน้าตาซื่อใส หลอกลวงเหยื่อให้ตายใจ หลงเชื่อว่าจะเป็นคนดี เด็กคนนี้ก็คงจะเช่นกัน

“ขอเหตุผลหน่อยได้ไหม ทำไมนายถึงจับฉันมาแบบนี้ ในเมื่อเราก็ไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกันมาก่อน นายเองก็ไม่ได้เป็นโจร ไม่ได้ถูกใครใช้ไหว้วาน แล้วมันมีเหตุผลอะไรนายถึงต้องจับฉันมามัดอย่างนี้”

อยากรู้คำตอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเอง ทำไมผมถึงต้องโดนจับตัวมากักขัง เขาจะแค่จับมัด ผมเพื่อข่มขู่เรียกร้องเอาสิ่งที่ต้องการ หรือจะถูกฆ่าตายก็ยังไม่รู้แน่ชัด ความตกใจ ความโกรธ ความกลัว ความสับสนงุนงง ผสมผสานปนเปกันไปหมด

ด้วยหน้าที่การงานที่รัดตัว และเพราะผมอกหัก จึงทำให้ผมทุ่มเทเอาใจใส่กับงานเพื่อให้ลืมความเจ็บปวด นอกเหนือจากเรื่องงานแล้ว ผมก็แทบจะไม่ได้ไปไหน หรือสังสรรค์กับใคร เลิกงานแล้วก็กลับบ้าน เล่นกับหมาไปตามเรื่อง ชีวิตของผมค่อนข้างเรียบง่ายไม่ผาดโผน ดังนั้นเมื่อผมถูกจับตัวมาอย่างนี้ ถ้าจะให้หาเหตุผล ผมจึงตัดประเด็นเรื่องการทะเลาะเบาะแว้งกับชาวบ้านจนโดนอุ้มมาทำร้ายออกไปเหลือเพียงแค่การเรียกค่าไถ่ หรือปล้นทรัพย์อย่างเดียว แต่พอคนที่จับตัวผมมาตอบปฏิเสธก็เลยทำให้ผมงงหนักเข้าไปใหญ่

“มันเป็นเหตุผลที่ค่อนข้างไร้สาระนิดหน่อย แต่ผมรับรองว่ามันต้องเป็นเรื่องดีๆสำหรับเราสองคนแน่นอน”

คนตอบยิ้มหวานเยิ้มเหมือนเดิม ตาก็จับจ้องผมไม่วางตา เห็นท่าทางของเขาแล้ว มันทำให้ผมอดไม่ได้ที่จะรู้สึกหวาดระแวง ถึงแม้เขาจะปฏิบัติต่อผมอย่างดี นอกเหนือจากการจับผมมามัดแล้วก็ไม่มีท่าทีคุกคามอย่างอื่น หน้าตาก็เป็นมิตร คำพูดคำจาก็สุภาพ แต่ก็ใช่ว่าจะสามารถไว้เนื้อเชื่อใจกันได้ หน้าตาดี แต่จิตใจอำมหิตก็มีถมไป ผู้คนสมัยนี้สามารถจะฆ่ากันได้ง่ายๆ แม้จะไม่รู้จักกันก็ตาม

ถึงแม้ว่าพ่อแม่ของผมจะตายหมดแล้ว เหลือตัวคนเดียว แต่ผมก็ยังอยากจะอยู่ดูโลกนี้นานๆ การต้องมาตายทั้งที่วัยเพียงแค่ 27 ปี เป็นเรื่องที่น่าเศร้า ผมยังมีอะไรที่อยากทำอีกตั้งเยอะ ผมยังเห็นโลกไม่มาก ยังไม่ได้ไปท่องเที่ยวทั่วโลกอย่างที่อยากไป ยังไม่ได้สร้างครอบครัว ยังไม่ได้ใช้ชีวิตอย่างสุขสบายเยี่ยงคนร่ำรวยมีเงินหนา ในเมื่อผมยังมีอะไรหลายอย่างที่อยากทำแต่ทำไม่ได้ ผมจำเป็นต้องรักษาชีวิตที่มีค่าน้อยนิดของผมเอาไว้ อย่างน้อยการเจรจาต่อรองมันอาจจะช่วยทำให้ผมมีโอกาสรอดเพื่อที่จะได้กลับไปทำสิ่งที่ตั้งใจไว้

“เรื่องดีๆอะไรของนาย ถ้าจะตกลงอะไรกันทำไมต้องจับผมมาด้วย”

คำถามของผมไม่ได้รับการตอบ เขาเพียงแต่นั่งยิ้ม ตาเป็นประกายขณะจ้องมองผม จนผมรู้สึกฉุน

 

โดย: stillbreathing 6 สิงหาคม 2553 0:43:47 น.  

 

“ปล่อยฉันเถอะ แล้วเราค่อยมาพูดกันว่านายต้องการอะไร อยากได้รถ อยากได้เงิน อะไรก็ตามที่ฉันมี ฉันก็พร้อมจะให้นายหมด ขอเพียงปล่อยตัวฉัน อย่าจับฉันมัดอย่างนี้”

พยายามข่มความโกรธ ขอร้องวิงวอนเขา ในเมื่อเราไม่มีอะไรที่ผิดใจกัน หากผมพูดดีๆกับเขา หว่านล้อมเขาได้ เขาก็น่าจะปล่อยตัวผมไป

“ฉันพูดจริงๆนะ”

ย้ำอีกครั้งเมื่อเห็นโจรหนุ่มยังเงียบ กลัวว่าเขาจะเข้าใจว่าผมแค่พูดเพื่อเอาตัวรอด แต่ผมตั้งใจจะให้เขาจริงๆ และไม่เอาเรื่องกับเขาด้วย เพราะเห็นว่าเขายังเด็กอยู่ และไม่มีท่าทางร้ายกาจเหมือนโจรเลยแม้แต่น้อย เขาอาจจะแค่หลงผิดไปเท่านั้น บางทีเขาถ้าเขาได้เงินเพื่อไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ เขาอาจจะกลับตัวกลับใจกลายเป็นคนดีของสังคมก็ได้

“อย่าเพิ่งพูดตอนนี้ดีกว่าครับ สิ่งที่ผมต้องการจากคุณน่ะมีแน่ อยู่ที่ว่าคุณจะสามารถให้ผมได้หรือเปล่าเท่านั้น”
คำพูดแฝงนัยของเขายิ่งทำให้ผมไม่เข้าใจมากยิ่งขึ้น อะไรคือสิ่งที่เด็กหนุ่มคนนี้ต้องการจนถึงขั้นจับผมมามัด ผมเอ่ยปากถามอย่างสงสัย

“ก็บอกมาสิว่าอะไร ถ้าฉันมี ฉันให้นายได้แน่ แต่นายต้องปล่อยฉันก่อน ตกลงเจรจากันแบบนี้ คุยกันไม่รู้เรื่องแน่”

เขายกนิ้วชี้ขึ้นแตะริมฝีปาก ส่ายหน้าเป็นสัญญาณให้รู้ว่าไม่ต้องการพูดเรื่องนี้ แล้วหันไปหยิบถาดมาวางบนตักตัวเอง ก่อนจะเปลี่ยนหัวข้อสนทนา

“ผมขออนุญาตที่จะไม่แก้มัดมือให้คุณนะครับ แต่เพื่อให้คุณทานข้าวได้ ผมจะอาสาเป็นคนป้อนข้าวให้เอง”

เขาใช้ช้อนตักโจ๊กในถ้วยยื่นมาที่ตรงหน้าผม แต่ผมไม่อยากกินอาหารที่เขาป้อนให้ อยากตกลงพูดคุยกันก่อนจึงเบี่ยงหน้าหนี เม้มปากแน่น ตั้งใจว่าจะไม่ยอมกินจนกว่าผมจะได้รับการปล่อยตัวให้เป็นอิสระ

มีเสียงหัวเราะเบาๆจากคนข้างๆ ดังให้ได้ยิน

“พยศจริงเชียว ไม่กินข้าวปลา ระวังจะเป็นโรคกระเพาะถามหานะครับ เราต้องกินอาหารให้ครบสามมื้อนะ โดยเฉพาะอาหารเช้าจะมีประโยชน์ต่อร่างกายมาก”

เขาวางช้อนลงหลังจากพูดจาเชิงสอนผมเสร็จ แล้วยื่นมือมาใกล้ใบหน้าผม จากนั้นจึงใช้นิ้วชี้กับนิ้วโป้งของตัวเองบีบปลายคางผมเบาๆ บังคับให้หน้าหันมาทางเขา ผมมองเขาตาขุ่น รู้สึกโกรธที่เขาไม่ยอมปล่อยตัวผมแถมยังมาล่วงเกินแตะเนื้อต้องตัวผมอีก แต่เขากลับทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ทำหูตาแพรวพราวใส่ ยิ้มกว้างมากขึ้นกว่าเดิม ขณะโน้มน้าวให้ผมยอมกินอาหารที่เขาป้อนให้

“ทานเสียหน่อยนะครับ ไม่ทานอะไร ร่างกายจะแย่นะครับ หรือว่ากลัวผมจะใส่ยาให้กิน”

โจรลักพาตัว ถามผมด้วยน้ำเสียงหยอกเย้า ตาหวานๆจ้องมองผมฉ่ำเยิ้ม จนผมรู้สึกกังวลกับสายตาเจ้าชู้ของเขาที่มองมา ไอ้เด็กคนนี้ ทำท่าทางเหมือนคนบ้ากามมาก จุดประสงค์ที่ลักพาผมมาก็ไม่แน่ชัด ทำให้ผมรู้สึกกลัวว่าเขาจะทำอย่างอื่นกับผม นอกเหนือจากการจับตัวมาเรียกค่าไถ่

“ผมไม่ๆได้ใส่ยาอะไรให้คุณหรอกน่า ทั้งยาพิษ ยานอนหลับ ยาปลุกเซ็กส์ไม่มีทั้งนั้น”

ปากเขาฉีกยิ้มกว้างมากกว่าเดิม ดูเหมือนเขากำลังขำผม

“ไม่ทานข้าวก็ไม่มีแรงนะ จะสู้รบปรบมือกับใครก็คงไม่ไหว”

น้ำเสียงยั่วเย้าดังมาให้ได้ยินอีก จนผมเริ่มรู้สึกโกรธเคืองคนที่มัดผมมากยิ่งขึ้น

“แล้วสถานการณ์ของฉันตอนนี้ มันดีกว่าหรือไง”

ย้อนถามเสียงขุ่น โมโหที่เขาไม่ยอมแก้มัดให้ ไม่ยอมตอบคำถามของผม แอบแตะต้องตัวผม แถมยังบังคับให้ผมทำตามที่เขาต้องการโดยไม่ถามผมสักคำว่าผมอยากทำหรือไม่ ผมไม่พอใจ และไม่อยากฝืนพูดดีกับคนที่จับตัวผมมาอีกแล้ว

“ไม่มีอะไรที่ดูเลวร้ายนี่ครับ”

 

โดย: stillbreathing 6 สิงหาคม 2553 0:44:14 น.  

 

ไอ้หนุ่มนั่นยักไหล่ พลางยิ้มทะเล้นให้ ผมกระแทกมือเข้ากับหัวเตียง แล้วสะบัดแข้งขา ให้เขาดู ก่อนจะพูดด้วยเสียงโกรธจัด มีความคิดใหม่ๆอยู่ในหัวของผม เจ้าเด็กคนนี้ดูแล้วคงอายุไม่มากสักเท่าไหร่ ถ้าผมแข็งใส่ แล้วขู่เขาเยอะๆ เขาอาจจะกลัวความผิดจนปล่อยผมก็ได้

“นี่นะไม่เรียกว่าเลวร้าย นายจับฉันมัด ไม่ให้ฉันได้มีอิสระ แล้วยังจะมาลอยหน้าลอยตาพูดยังกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น รู้ไหมสิ่งที่นายกำลังทำอยู่มันเรียกว่าอาชญากรรม นายจะต้องถูกจับ และอาจจะต้องติดคุก”

เขายังคงยิ้ม ไม่พูดอะไร ท่าทางไม่สะทกสะท้านกับคำขู่ของผมสักนิด มันเลยยิ่งทำให้ผมคลั่งหนัก ร้องสั่งเสียงดังลั่น

“ปล่อยฉันไปเดี๋ยวนี้นะ ไม่อย่างนั้นนายโดนดีแน่”

“จะทำอะไรผมหรือครับ”

คิ้วหนาเข้มเลิกขึ้นสูง นอกจากจะไม่แสดงอาการว่ากลัวแล้ว ยังหัวเราะใส่ผมราวกับขำเสียเต็มประดา

“ฉันจะแจ้งความจับนาย ข้อหาลักพาตัว กักขังหน่วงเหนี่ยวให้หมดอิสรภาพ และทำร้ายร่างกาย”

ขู่เขาเสียงดัง

“โห...แต่ละข้อหาที่ยัดเยียดมานี่ ผมคงเข้าไปอยู่ทัณฑ์สถานสำหรับเด็กและเยาวชนหลายปีแน่ๆ แต่ไหนๆ จะโดนจับทั้งที เพิ่มข้อหาข่มขืนกระทำชำเราไปด้วยดีไหมครับ”

ไอ้เด็กบ้านั่นขู่กลับมาเสียงเข้มกว่า แล้วส่งยิ้มเหี้ยมเกรียมมาให้ ตามองผมอย่างโลมเลีย ไล่มาตั้งแต่ใบหน้า ลำคอ และอ้อยอิ่งแถวกลางลำตัวของผม ก่อนจะตวัดสายตาหื่นๆขึ้นมามองผมอีกครั้ง

ผมมองหน้าเด็กหนุ่มแล้วนึกตกใจที่ได้ยินคำตอบนั้น ยิ่งเห็นสายตาของเขาก็ยิ่งตระหนกมากกว่าเดิม นึกโทษตัวเองที่แสดงอารมณ์โกรธออกไปจนทำให้เด็กหนุ่มไม่พอใจ ในสถานการณ์ที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ผมจำเป็นต้องนิ่งเงียบ และพูดจาดีๆกับเขา เพื่อลดความโกรธเกรี้ยวของเด็กหนุ่มลง อย่าให้ต้องถึงขนาดลงไม้ลงมือฆ่าแกงหรือข่มขืนกระทำชำเราเลย ผมเองก็รักชีวิต ยังอยากอยู่ดูโลกนี้ต่อไปอีกนาน และไม่อยากเสียตัวให้กับโจรลักพาตัวคนนี้

“อย่าเลย ทำแบบนั้นไม่ดีหรอก นายยังเป็นเด็ก อนาคตน่าจะสดใสกว่านี้ อย่าให้มันต้องไปจบในสถานกักกันเยาวชนเลยนะ”

ร้องห้ามออกไปปากคอสั่น อย่างน้อยๆก็เตือนสติเขาไม่ให้ทำตามใจคิด

“นายต้องการอะไรก็บอกมา เงินทองข้าวของอยากได้ก็เอาไป ฉันยกให้ ไม่ติดใจเอาความด้วย แต่ขอให้ปล่อยฉันไปจากที่นี่ ฉันสัญญาว่าฉันจะไม่ไปแจ้งความ จะลืมเรื่องทั้งหมด เหมือนว่ามันไม่เคยเกิดขึ้น”

 

โดย: stillbreathing 6 สิงหาคม 2553 0:44:48 น.  

 

ผมลดน้ำเสียงให้ดูอ่อนลง กลับคำพูดของตัวเองเมื่อครู่ พร้อมเสนอที่จะให้เงินกับรถ และข้าวของที่ติดตัวผมมา เพื่อแลกกับอิสรภาพ เด็กหนุ่มส่ายหน้า ท่าทางเขาไม่ได้ใส่ใจกับข้าวของเงินทองของผมสักนิด

“สิ่งนั้นไม่มีค่าสำหรับผม”

“มันน้อยไปหรือไง ฉันไม่มีสมบัติติดตัวมามากหรอกนะ ถ้าจะเอาจากฉันตอนนี้ ฉันคงไม่มีให้ ต้องรอให้ฉันกลับบ้านก่อน”

รีบบอกเขา ยังไงก็ต้องหาทางเอาตัวรอดให้ได้ เสียเงินเสียทองช่างมันไม่ตายก็หาใหม่ได้ แต่ถ้าตายแล้ว ต่อให้มีสมบัติมากแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์

“เอาอย่างนี้ นายบอกมาว่านายต้องการเงินเท่าไหร่ ฉันพอจะมีสะสมอยู่บ้างในธนาคาร ถ้านายก็ปล่อยฉันไป พอฉันถึงบ้านปุ๊บ ฉันก็จะโอนเงินให้นายตามที่ต้องการทันที”

พยายามหว่านล้อม ด้วยการเสนอเงินสะสมทั้งหมดที่ผมมีอยู่ให้กับเด็กหนุ่ม ผมหวังว่ามันคงมีค่ามากพอเมื่อเทียบกับชีวิตของตัวเอง เพราะถ้าเขาฆ่าแกงผม เขาก็จะไม่ได้อะไรเลย แต่ถ้าเขายอมตกลงเขาก็จะมีเงินไปใช้ และผมก็คิดว่าจะไม่แจ้งความอะไรด้วย ถือเสียว่าเป็นการฟาดเคราะห์ให้กับตัวเอง เขาก็จะได้ทั้งเงิน และอิสรภาพนอกคุก

แทนที่เขาจะตาโต เจ้าโจรลักพาตัวกลับหงายหน้าหัวเราะราวกับว่าได้ฟังเรื่องตลก

“อายุเท่าไหร่แล้วคุณ ทำไมถึงได้คิดว่าคนอื่นจะเชื่อคำพูดของคุณ ถ้าผมปล่อยคุณไป คุณก็เอาตำรวจมาลากคอผมน่ะสิ ผมถูกคุมขัง ไม่ได้ทำตามที่ตั้งใจไว้ ส่วนคุณก็ลอยนวลหนีผมไปโดยง่าย ...ใครเชื่อก็บ้าแล้ว”

เขาทำเป็นรู้ทัน ท่าทางไม่ใช่คนโง่สักเท่าไหร่ อันที่จริงผมยังไม่ได้คิดถึงประเด็นนั้น คิดแค่ว่าถ้าเขายอมปล่อยผมไปดีๆ ผมก็คงไม่เอาเรื่องเอาราวอะไร ท่าทางเขาไม่เหมือนโจรมืออาชีพ ยังดูเป็นเด็กที่น่าจะยังเรียนไม่จบ เขาอาจจะเดือดร้อนอะไรบางอย่างจนต้องจับผมมา ผมไม่อยากจะตัดอนาคตของเขา แค่อยากรู้ว่าเขาทำแบบนี้ทำไม ถ้าเหตุผลพอรับได้ ผมก็คงปล่อยเขาไป ไม่เอาความ

ทว่าพอเห็นรอยยิ้มเย้ยหยันของเขา เมื่อได้ฟังผมพูดจบ มันก็ทำให้ผมเกิดเปลี่ยนใจ เด็กนี่คงไม่ใช่คนใฝ่ดีอย่างที่ผมคิด เขากล้าที่จะจับตัวผมมาได้โดยไม่กลัวโดนจับ แสดงว่าเขาอาจจะเคยทำเรื่องเหล่านี้มาก่อน เขาอาจจะเป็นอาชญากรเด็กก็ได้ ความอ่อนเยาว์และท่าทีสุภาพไม่ได้การันตีว่าคนนั้นจะต้องเป็นคนดี ถ้าผมหนีรอดออกไปได้ คงจะต้องแจ้งความให้ตำรวจมาเอาโทษกับเขา เพราะไม่อยากให้เขาทำแบบนี้กับเหยื่อรายอื่นๆอีก

“ก่อนที่เราจะตกลงเจรจากัน ผมอยากจะแก้ความเข้าใจผิดจากคุณสักเรื่องหนึ่ง ก่อนที่คุณจะคิดไปใหญ่โต”

เด็กหนุ่มโน้มตัวลงมา และยื่นหน้าเข้ามาใกล้ ตาหวานพราวระยับ

 

โดย: stillbreathing 6 สิงหาคม 2553 0:45:44 น.  

 

“มองหน้าผมสิ.......”

เขาบังคับให้ผมมองหน้าเขาด้วยการใช้สองมือประคองหน้าผมไว้ ผมจะหันหนีก็ไม่ได้ เพราะมือแข็งแรงของเขากดที่หน้าผมอยู่

“ผมหน้าตาหล่อเหลาแบบนี้ หุ่นก็ดี เสียงก็เพราะ เป็นพระเอกหนัง นักร้อง หรือ นายแบบก็ยังได้ มีหนทางหาเงินได้มากมายกว่าการเป็นโจรเรียกค่าไถ่ หรือมือปืนเสียอีก ได้เงินดี แถมซ้ำไม่ต้องเสี่ยงต่อคุกตารางด้วย...แล้วผมจะเป็นโจรผู้ร้ายไปเพื่ออะไร ลองใช้สมองของผู้ใหญ่ของคุณคิดดูสิ”

เด็กหนุ่มพูดทำนองประชดประชัน ผมมองหน้าเขาและเห็นคล้อยตาม เจ้าหมอนี่หน้าตาดีจริงๆ ยิ่งเห็นใกล้ๆก็ยิ่งรับรู้ได้ว่าหน้าตาของเขาหล่อเหลาเหมือนเทพสร้าง หล่อๆอย่างนี้ แค่เดินเข้าสู่วงการบันเทิงก็จับเงินแสนเงินล้านได้สบาย ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องไปเที่ยวจับตัวคนมาเรียกค่าไถ่ให้เสียประวัติตัวเอง

“แล้วผมก็ไม่ได้จับตัวคุณมาเพื่อต้องการเงิน หรือต้องการทรัพย์สินอะไรทั้งนั้น... เข้าใจไว้ด้วย”

เขาพูดอย่างหยิ่งๆ ก่อนจะคลายมือที่จับหน้าผมออก

“ถ้านายไม่ได้เป็นโจรลักพาตัวคนมาเรียกค่าไถ่...งั้นนายจับฉันมาเพื่ออะไร นายมีเรื่องโกรธแค้นฉันรึ หรือมีใครที่แค้นเคืองฉันอยู่ จ้างวานนายให้มาเก็บฉันใช่ไหม”

ซักถามอย่างอยากรู้ เพื่อประเมินสถานการณ์ตัวเองว่า มีโอกาสที่จะเอาตัวรอดหรือไม่ ถ้าหากมีใครจ้างวานเขามา ผมก็จะเสนอค่าจ้างที่มากกว่า และหากเรามีเรื่องเข้าใจผิดกันโดยที่ผมไม่รู้ ก็จะได้หาโอกาสเคลียร์กัน เขาจะได้เลิกเข้าใจผิดและปล่อยตัวผมไปเสียที

เด็กหนุ่มหัวร่องอหายกับคำถามของผม แม้จะรู้สึกขุ่นเคืองใจนิดๆแต่ผมก็ไม่กล้าแสดงความรู้สึกอะไรออกมา ด้วยกลัวตัวเองไม่ปลอดภัย และเหนือสิ่งอื่นใด ผมกลัวจะถูกเขาข่มขืนจริงๆ

“ไม่ใช่อีกนั่นแหละ ผมไม่ได้มาเอาชีวิตคุณเพราะใครจ้างวานมาหรอก ผมจับคุณมาด้วยเหตุผลส่วนตัวของผมเอง”

ตอบเหมือนเมื่อครู่นี้ เพียงแต่ไม่บอกรายละเอียด ยิ่งทำให้ผมรู้สึกคับข้องใจเป็นอย่างมาก

“เหตุผลอะไรของนาย”

ถามด้วยความงุนงง เหตุผลส่วนตัวที่เขาว่ามันคือเรื่องใดกันหนอ ไม่ใช่โจร ไม่ต้องการเงิน ไม่ได้ถูกใช้ไหว้วานมา ทำเองด้วยความสมัครใจ แล้วมันจะมีเรื่องอะไรที่ทำให้เขาต้องจับตัวผมมา หน้าตาของเขาผมก็เพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก ผมมั่นใจว่าผมไม่ได้ไปทำร้ายอะไรเขาแน่ๆ

“ทานข้าวก่อน แล้วผมจะบอก”

เด็กหนุ่มไม่ตอบ กลับเฉไฉไปเรื่องอื่น ยิ่งทำให้ผมหัวเสียมากยิ่งขึ้น

 

โดย: stillbreathing 14 สิงหาคม 2553 19:03:45 น.  

 

“จะบอกตอนไหนก็เหมือนกัน ช้าหรือเร็วนายก็ต้องบอกฉันไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมไม่บอกฉันมาเสียตอนนี้เลย จะได้หมดเรื่องหมดราวกันไปซะที”

“ก็นั่นน่ะสิ ยังไงคุณก็ต้องได้รู้ แล้วจะรีบร้อนทำไม ทำใจให้สบาย ทานข้าวทานปลาให้อิ่มท้อง ก่อนไม่ดีกว่าเหรอ จะได้ไม่เครียดเวลาผมเล่าให้ฟัง”

เขาย้อนกลับ พลางยิ้มทะเล้น

“ฉันไม่กิน ฉันอยากพูดคุยกับนายให้รู้เรื่องว่าจับฉันมาทำไม”

ผมปฏิเสธ เขายักไหล่แล้วพูดอย่างไม่ยินดียินร้าย

“ไม่ใช่เรื่องดีเลยนะที่จะยอมอดข้าว เดี๋ยวน้ำย่อยกัดกระเพาะคุณจนเป็นแผลหรอก เรื่องทุกอย่างมันจะดูยุ่งขึ้น เพราะคุณไม่ให้ความร่วมมือ แล้วคุณก็อาจจะถูกกักขังหน่วงเหนี่ยวให้อยู่ในบ้านนี้ต่อไป อยู่กับผม ไม่ต้องออกไปเห็นเดือนเห็นตะวันกันอีก”

“พอเถอะ ไม่ต้องพูดแล้ว อย่าทำอย่างที่นายพูดเป็นอันขาดนะ”

ร้องห้ามเสียงดัง เริ่มรู้สึกชังน้ำหน้าเด็กหนุ่มคนนี้มากขึ้น นอกจากจะปล่อยให้ผมถูกมัดแผ่หลาอยู่บนเตียง ปวดเมื่อยมือไปหมด เขายังพูดจาโยกโย้ถ่วงเวลาอยู่นั่นแหละ เมื่อไหร่ผมจะได้รู้เสียทีว่าตัวเองถูกจับมามัดติดกับเตียงเพราะอะไร

ครั้นจะดื้อดึงต่อไป ก็กลัวว่าเขาจะทำตามที่พูดจริงๆ จับผมขังเอาไว้ อยู่กับเขา เจ้าเด็กนี่อาจจะทำมิดีมิร้ายกับผมก็ได้

“ถ้าฉันกินข้าว นายก็จะบอกใช่ไหม ว่าจับฉันมาทำไม แล้วนายก็จะปล่อยฉันใช่ไหม”

ข่มความโกรธเคืองถามออกไปหลังจากนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง คงไม่มีทางไหนที่จะเอาตัวรอดได้นอกจากยินยอมโจรลักพาตัวไปก่อน แต่เพื่อไม่ให้เขาโยกโย้ได้อีก ผมจึงต้องการคำยืนยันว่าเขาจะปล่อยผม จำเป็นต้องยอมทำตามบางอย่างเพื่อความปลอดภัยของตัวเอง และเผื่อว่าผมจะมองเห็นลู่ทางที่จะหนีไปจากที่นี่ได้

ถ้าตัดความรู้สึกการไม่พอใจที่ถูกบังคับข่มขู่ออกไป การกินข้าวให้เขาเห็น เพื่อที่เขาจะได้สบายใจแล้วยอมเล่าทุกอย่างให้ฟังก็ไม่เหลือบ่ากว่าแรงอะไร ผมทำได้อยู่แล้ว

“ก็อาจจะเป็นอย่างนั้น ขึ้นอยู่กับการร่วมไม้ร่วมมือของคุณ ถ้าทำตัวดีๆ ก็ถูกปล่อยตัวเร็ว”

เด็กหนุ่มยักไหล่ แล้วทำหน้ายียวน แม้จะเป็นคำตอบแบ่งรับแบ่งสู้ แต่ผมก็เห็นว่ามันเป็นโอกาสที่จะเป็นอิสระ ผมควรจะคว้ามันเอาไว้ ดังนั้น ผมจึงฝืนใจยินยอมทานข้าวเช้าที่เขาเตรียมมาให้โดยไม่พยายามแสดงความหงุดหงิดออกมา

“แก้มัดฉันก่อนสิ ทำอย่างนี้ฉันจะกินได้อย่างไรล่ะ”

ต่อรองอีก เพื่อหาทางหนีทีไล่ ถึงตัวผมจะเล็กกว่าเขา แต่ถ้าหากใช้ช่วงเวลาที่หมอนี่เผลอไม่ทันระวังตัว ผมอาจจะสู้ชนะได้

เขาส่ายหน้า ยิ้มกรุ้มกริ่ม ท่าทางไม่เชื่อใจผม

 

โดย: stillbreathing 14 สิงหาคม 2553 19:04:33 น.  

 

“ผมไม่โง่หรอกนะ ถ้าผมปล่อยมือคุณเป็นอิสระ คุณก็จะก่อเรื่องขึ้นมา ด้วยการพยายามหนี ผมไม่ไว้ใจคุณ อุตส่าห์เสี่ยงตายไปจับคุณมา ขืนปล่อยให้หนีง่ายๆก็เหนื่อยฟรีน่ะสิ”

ช้อนถูกยื่นมาใกล้ๆปากของผมอีกครั้งหลังเด็กหนุ่มพูดจบ

“เพราะฉะนั้น ผมจะเป็นฝ่ายป้อนให้คุณกินเอง”

เขาสรุปเอาดื้อๆ แววตาของเขาที่มองมา มันมีประกายบางอย่างที่ทำให้ผมรู้สึกขนลุก

“ฉันไม่ใช่เด็กนะ ให้ฉันกินเองดีกว่า จะได้ไม่เสียเวลา”

ผมปฏิเสธพลางเบี่ยงหน้าหนี รู้สึกไม่พอใจกับข้อเสนอของเขา ทำไมถึงทำกับผมเหมือนเป็นเด็กเล็กๆด้วย ผมช่วยเหลือตัวเองได้ ไม่ต้องให้เด็กหนุ่มแปลกหน้าท่าทางหื่นกามมาป้อนข้าวป้อนน้ำหรอก

“เอาน่า ทำตัวเป็นเด็กดี น่ารักสักวัน ผมจะได้ใจอ่อนยังไงล่ะ”

เขายิ้มยั่ว ตาพราวระยับยามจ้องมองมา ผมรู้สึกโกรธอย่างบอกไม่ถูก ไม่พอใจที่ถูกบังคับ แต่เมื่อคิดถึงเรื่องที่จะหนีออกไปจากที่นี่ให้ได้ ผมจึงต้องพยายามเก็บอาการหงุดหงิดที่ต้องตกเป็นเบี้ยล่างของเขาเอาไว้ ฝืนใจตัวเองยอมให้เขาป้อนข้าวโดยดี

ทว่าผมกินไปได้แค่คำสองคำ ก็รู้สึกไม่อยากกินต่อ จึงเม้มปากแน่นไม่รับข้าวที่เขาป้อนอีก เด็กหนุ่มทำหน้าไม่พอใจ เหลือบมองช้อนที่เขาตักอาหารรออยู่ แล้วทำตาดุใส่ ผมเลยต้องฝืนกินข้าวที่เขาป้อนให้จนหมด เพราะกลัวว่าหากขัดใจเขามากๆ ผมจะไม่ได้รับอิสรภาพ และอาจจะกลายเป็นผีเฝ้าห้องที่นี่

เด็กหนุ่มรินน้ำให้ผมดื่ม เมื่อผมทานโจ๊กจนเกลี้ยงถ้วย เขามีสีหน้าพอใจที่ผมทำตัวว่านอนสอนง่าย เมื่อผมดื่มน้ำเสร็จ ผมก็ทวงสัญญาจากเขาทันที ไม่ปล่อยโอกาสให้หลุดลอยไป

“เอ้าทานเสร็จแล้ว ก็บอกมาซะทีสิ ถ้าจะให้ดีก็ควรจะแก้มัดให้ฉันหน่อย นอนฟังนายเล่าอย่างนี้มันไม่สะดวกเลย”

ต่อรองขอคืนอิสรภาพ แต่เขาทำเป็นไม่ได้ยินสิ่งที่ผมพูด กลับมองสำรวจไปทั่วเรือนร่างของผม ยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏขึ้นที่ริมฝีปาก ก่อนเขาจะพูดบางประโยคที่ทำให้ผมอยากชกหน้าเขา ขึ้นมาทันที โทษฐานที่ถ่วงเวลาไปเรื่อยๆ

“คุณยังไม่ได้อาบน้ำเลยตั้งแต่เมื่อวาน เดี๋ยวผมจะไปเอาผ้ามาชุบน้ำเช็ดตัวให้นะครับ คุณจะได้รู้สึกสบายตัวนะ”

“นี่อย่ามาเฉไฉเปลี่ยนเรื่องสิ นายสัญญากับฉันแล้วว่า ถ้าฉันยอมทานอาหารที่นายป้อน แล้วนายจะบอกทุกอย่าง ตอนนี้ฉันทำตามนายต้องการ นายก็บอกเหตุผลในการจับตัวฉันมาได้แล้ว”

ผมโวยวายเสียงแข็งใส่เขา ชักนึกโมโหขึ้นมาตะหงิดๆ ไม่รู้ว่าเจ้าหมอนี่จะถ่วงเวลาให้ยืดเยื้อไปทำไม มันน่าสนุกนักเหรอกับการทรมานคนเล่น เขาคงไม่ได้รู้สึกอะไร เพราะไม่ได้ถูกจับมัดนอนแผ่หราเหมือนผม ไม่ต้องทนเมื่อยขบจากการถูกตรึงแขนตรึงขา ขยับตัวไปไหนก็ลำบาก หากเขาเกิดอยากทำอะไรผมขึ้นมา ผมไม่มีทางที่จะช่วยเหลือตัวเองได้เลย

 

โดย: stillbreathing 14 สิงหาคม 2553 19:05:13 น.  

 

“ใจเย็นๆน่า ผมก็รักษาคำพูดเป็นเหมือนกันนะ แต่ผมอยากให้คุณอยู่ในสภาวะจิตใจที่ผ่องใสเบิกบานมากกว่านี้ เวลาที่คุณฟังสิ่งที่ผมพูด คุณจะได้ไม่หงุดหงิดมากอย่างที่เป็นอยู่”

เด็กหนุ่มพูดยิ้มๆ ท่าทางไม่รู้สึกรู้สากับอารมณ์โกรธของผมที่ก่อตัวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

“นี่ไอ้หนู... คนที่ถูกจับมาโดยที่ไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ อย่างฉันนี่ จะมาเที่ยวทำเป็นอารมณ์ดี เหมือนทุกอย่างเป็นเรื่องปกติไม่ได้หรอก ถ้านายปล่อยมัดฉัน ฉันก็อาจจะอารมณ์ดีขึ้นมาได้บ้าง นายปล่อยฉันสักทีสิ......”

เสียงเขียวใส่เขา หงุดหงิดความท่ามากของโจรหนุ่ม ถ้าไม่ได้หวังร้ายกับผม แล้วมาจับผมทำไม ตอนแรกบอกว่าจะอธิบายเหตุผล ให้ผมยอมทำตามสั่ง พอทำแล้ว ก็มาเฉไฉเปลี่ยนเรื่องไปเสียอีก มันน่าเตะสักพลั่กให้หายโมโห ไม่สิ แบบนี้มันสมควรถูกกระทืบ

นึกในใจอย่างโมโห เป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกอยากทำร้ายคน

“นั่นเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้แน่นอนครับ”

เขาส่ายหน้าแล้วยิ้มกวนๆ

“แต่ถ้าคุณยอมเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้หายมอมแมมกว่านี้ ผมก็อาจจะปล่อยให้คุณได้เคลื่อนไหวร่างกายบ้าง..........”

ไอ้เด็กเจ้าเล่ห์ พูดทิ้งท้ายไว้แค่นั้น แล้วก็นั่งจ้องหน้าผมเงียบๆ ผมเบือนหน้าหนีเขา เม้มริมฝีปากแน่น ไม่อยากจะเจรจาต่อรองกับหมอนี่สักเท่าไหร่ โจรก็ยังเป็นโจรอยู่วันยังค่ำ ได้คืบจะเอาศอก เรียกร้องเอาแต่ได้
ผมไม่เชื่อว่าเขาจะทำตามสัญญา ไม่อาจจะไว้ใจผู้ร้ายเพราะกลัวถูกหักหลัง แต่ในสถานการณ์แบบนี้ ผมทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าการฝืนใจตน ยอมทำตามในสิ่งที่เจ้านี่สั่ง ไม่ชอบก็ต้องทน เพื่อรักษาชีวิตตนเองไว้ให้อยู่รอดจนถึงวันที่สามารถหลุดพ้นจากที่นี่ แล้วไปแจ้งความจับเขาเพื่อเป็นการเอาคืน

“ก็ได้ ดีเหมือนกัน ฉันก็เหนียวตัวอยู่พอดี แต่นายต้องรับปากนะ ว่าพอเช็ดเนื้อตัวเสร็จนายจะปล่อยฉัน แล้วก็บอกฉันทั้งหมดถึงเหตุผลที่นายจับตัวฉันมา”

ทวงถามคำมั่นเสียงแข็ง ตาจ้องเขาเขม็ง แสดงให้เขารู้ว่าสัญญาต้องเป็นสัญญา ถ้าเขาโกหก คงได้มีเรื่องกันแน่

อันที่จริงก็แกล้งทำเข้มไปอย่างนั้น แต่ใจนี่สิเต้นไม่เป็นส่ำด้วยความหวาดวิตก หากไอ้หมอนี่ ไม่มีความดีในใจหลงเหลืออยู่บ้าง การพูดกระด้างเช่นนี้กับเขาก็วอนหาเรื่องเจ็บตัวได้เช่นกัน

“ด้วยเกียรติของลูกผู้ชายเลยครับ”

 

โดย: stillbreathing 14 สิงหาคม 2553 19:05:53 น.  

 



เขาทำท่าตะเบ๊ะและยิ้มประจบประแจงอีกครั้ง ใบหน้าที่สดใสทำให้ผมเริ่มคลายความกังวลใจ

ไอ้เด็กเจ้าเล่ห์มองผมตาแป๋วขณะรอผมตอบตกลง ผมแอบนึกในใจ ถ้ายื่นมือออกไป หมอนี่จะเอา ขาหน้า เอ๊ย มือของเขาวางบนมือของผมไหมหนอ แล้วเขาจะแลบลิ้น แผล็บๆ แล้วก็แกว่งหางไปมาหรือเปล่า ท่าทางหมอนี่ เหมือนหมาตัวโตๆ ที่ขี้อ้อนยังไงไม่รู้ ยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกแปลกๆ ท่าทางเขาไม่มีพิษมีภัยกับใคร แต่ทำไมทำกริยาโหดๆใส่ผมจัง

“ผมเช็ดตัวให้นะ ผมรับรองว่า จะเช็ดตัวให้สะอาดสะอ้าน ปราศจากคราบไคลสกปรกเลย”

เขาทำเสียงอ้อนขณะขอทำความสะอาดให้ผม คำพูดคำจาและแววตาโลมเลียของเด็กหนุ่มเล่นเอาผมถึงกับสะดุ้ง ถอยหนีอัตโนมัติแต่ก็ไปได้ไม่ไกลจากเสาเตียงสี่มุม

อยู่ดีๆก็รู้สึกกลัวเจ้าเด็กบ้ากามคนนี้ขึ้นมา ทำไมต้องมาทำให้ผมด้วย เขาจะปล้ำผมหรือยังไง ถูกมัดอยู่แบบนี้ ป้องกันตัวเองไม่ได้แน่ๆ จะหนีไปจากสถานการณ์นี้อย่างไรดี

“ไม่ต้อง นายปล่อยฉันสิ ฉันเช็ดตัวเองได้ แก้มัดฉันก็พอ ”

แข็งใจพูดห้วนๆใส่ พูดไปแล้วก็กลัวเจ้าผู้ร้ายโรคจิตจะนึกหมั่นไส้แล้วทำร้ายผมขึ้นมา ทว่าแม้จะกลัวเพียงไร แต่ท่าทีที่แสดงออกก็ต้องดูเข้มแข็ง ไม่ให้เขาจับไต๋ได้ ลองทำใจดีสู้เสือ เผื่อมันจะกลัว

“เรื่องอะไร พอคุณเป็นอิสระ เดี๋ยวคุณหนีผมไป ผมจัดการให้คุณเองดีกว่า”

ไอ้หมอนี่ฉลาดเป็นกรด ไม่ยอมให้ในสิ่งที่ผมร้องขอ เขายิ้มทะเล้นใส่ผม ก่อนที่จะลุกเดินไปยังห้องน้ำซึ่งอยู่ด้านในสุด ผมเพิ่งสังเกตห้องนี้อย่างละเอียด จากการตกแต่ง ผมว่าผมต้องอยู่ที่บ้านพักที่เป็นแฟลต หรืออพาร์ตเม้นท์ที่ไหนสักแห่ง มันเป็นห้องขนาดไม่กว้างมากนัก มีแค่เตียงนอน ตู้เสื้อผ้า และชั้นวางทีวีติดผนัง มีห้องน้ำในตัว การตกแต่งห้องมีสีสันฉูดฉาดเป็นไปอย่างไร้รสนิยม ความโกรธที่ถูกจับตัวมา ทำให้ผมมองเขาในแง่ลบ และนึกดูถูกเขาในใจ ทั้งที่ผมไม่เคยทำกับใครอย่างนี้มาก่อนเลย โจรลักพาตัวได้รับเกียรติเป็นคนแรก

 

โดย: stillbreathing 14 สิงหาคม 2553 19:10:29 น.  

 

เจ้าเด็กนั่นกลับมาอีกครั้งพร้อมผ้าขนหนูผืนเล็กสีขาวที่ชุบน้ำจนเปียกชื้นและบิดน้ำออกแล้ว เขานั่งลงบนเตียง ยื่นมือมาที่เสื้อเชิ้ตที่ผมใส่อยู่ ผมมองตามมือของเขา และก่อนที่ไอ้เด็กโรคจิตจะปลดกระดุมเม็ดแรกออกจากเสื้อที่ผมใส่อยู่ ผมก็รีบร้องห้ามด้วยเสียงอันดังเกือบกลายเป็นตวาด

“เฮ้ย...จะทำอะไรเนี่ย หยุดเดี๋ยวนี้นะ”

“ก็ทำความสะอาดให้ไงครับ”

เขาตอบกลับเสียงละห้อย มองผมตาปรอย ผมสูดลมหายใจเข้าปอด พยายามคุมสติตัวเองไม่ให้ความโกรธเข้าครอบงำจนเผลอด่าว่ารุนแรง พูดกับเขาเสียงอ่อนลงกว่าเดิม

“นี่นาย ไม่ต้องถึงขนาดเช็ดตัวให้ฉันหรอกนะ ปล่อยฉันเถอะ ให้ฉันเช็ดตัวเอง แล้วค่อยมัดกลับก็ได้ ฉันสัญญาว่าจะไม่หนี”

ลองขอร้องดูอีกครั้ง เพื่อเด็กหนุ่มจะใจอ่อน ผมไม่ต้องการเปลือยกายต่อหน้าเขา ไม่อยากให้เขาเช็ดตัวให้ ถ้าเป็นผู้หญิงยังพอทำใจ แต่นี่เป็นผู้ชายด้วยกัน มันรู้สึกอิหลักอิเหลื่ออย่างบอกไม่ถูก

“เฉยเถอะน่า แล้วทุกอย่างจะดีเอง ยิ่งพูดมาก ก็จะยิ่งยุ่งยากนะครับ อย่าทำให้เสียเรื่องสิ ทำตัวดีๆอย่างที่ผมบอก พอทุกอย่างเรียบร้อย คุณก็จะได้รับการปล่อยตัว”

เขาตอบกลับมาเสียงดุๆ ขณะก้มหน้าก้มตาปลดกระดุมเสื้อผม

“แต่นี่มันเกินไปหน่อยแล้วนะ”

เมื่อเขาทำเป็นไม่สนใจ ยังคงตั้งหน้าตั้งตาจะลวนลามผมต่อ ผมเลยยิ่งโมโห ขึ้นเสียงใส่เขาทั้งที่ตั้งใจไว้แล้วว่าจะพยายามใจเย็นให้มากที่สุด

ไอ้เด็กบ้าช้อนตาขึ้นมอง ใบหน้าของเขาบึ้งตึง เหมือนว่าเขาเองก็เริ่มรำคาญผมแล้ว

“เมื่อไหร่จะเลิกสติแตกเสียทีนะคุณ แทนที่จะโวยวายให้มันเสียเรื่อง ก็สู้นอนนิ่งๆให้ผมจัดการเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้เสร็จสิ้นไปซะไม่ดีกว่าหรือยังไง....”

น้ำเสียงห้วนสั้น ใบหน้าบึ้งตึงทำให้ผมรู้สึกกลัว

“ทำเสร็จแล้วผมก็จะได้ปล่อยคุณ พร้อมบอกในสิ่งที่คุณอยากรู้ ยิ่งคุณเล่นตัวกระบิดกระบวนมากเท่าไหร่ การที่คุณจะเป็นอิสระ มันก็จะกลายเป็นเรื่องยากยิ่งขึ้น ผมอาจจะไม่พอใจ แล้วมัดคุณไว้แบบนี้ตลอดเวลาเลยก็ได้”

หน้าเหี้ยมๆ กับเสียงดุๆของเขา ทำให้ผมหวาดวิตก ความกลัวว่าจะถูกทำร้ายทำให้ผมปิดปากเงียบ ไม่กล้าขัดใจเขา หากหมอนี่โมโห แล้วปาดคอผมตายคาเตียง ผมจะทำยังไง

ผมยังไม่อยากเป็นข่าวหน้าหนึ่ง จากการถูกฆาตกรรมอย่างสยดสยอง รู้สึกรักชีวิตขึ้นมาทันที ยังมีอะไรที่ผมยังไม่ได้ทำตั้งเยอะแยะ ถ้าจะต้องเอามาทิ้งไว้ที่นี่คงน่าเสียดาย นึกในใจว่า เอาวะ เป็นไงเป็นกัน ทนอับอายนิดหนึ่ง เดี๋ยวทุกอย่างมันก็จะผ่านพ้นไปด้วยดี ผมจะได้กลับบ้าน จากนั้นผมก็จะไปแจ้งความ พาตำรวจมาลากคอเด็กนี่เข้าคุก ล้างอายให้กับตัวเอง


“ผู้ชายด้วยกัน ไม่ต้องเขินอายนะครับ ของที่คุณมี ผมก็มีเหมือนกัน”

เจ้าโจรลักพาตัวพูดพลางยิ้มกรุ้มกริ่ม มือก็สาละวนอยู่กับการแกะกระดุมเสื้อผมจนในที่สุดเสื้อก็แยกออกจากกัน เขาแหวกเสื้อออกจากนั้นก็เอาผ้าชุดน้ำค่อยๆเช็ดเนื้อตัวของผม เริ่มจากใบหน้า ลำคอ แล้วเลื่อนต่ำลงมาที่แผ่นอก หน้าท้องเหนือกางเกงที่ผมใส่ไปทำงาน แขนทั้งสองข้าง และมือที่ถูกพันธนาการไว้กับหัวเตียง

ตัวของเขาโน้มเข้ามาใกล้ชิด ใบหน้าของเขาห่างจากผมไม่กี่คืบ ใกล้จนกระทั่งไออุ่นจากลมหายใจของเขาเป่ารดหน้าและตามตัวของผม

 

โดย: stillbreathing 14 สิงหาคม 2553 19:14:18 น.  

 

จะคอยติดตามผลงานนะคะ

 

โดย: praewa IP: 172.21.235.168, 203.144.130.176 13 กันยายน 2553 8:33:30 น.  

 

ตามมาชื่นชมผลงานและให้กำลังใจครับผม ^^

 

โดย: LuckkY IP: 124.121.245.219 25 มีนาคม 2555 20:13:49 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


stillbreathing
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Cursor by nuthinbutnet.net
Friends' blogs
[Add stillbreathing's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.