แต่งเมื่อช่วงดึกเมื่อคืน (เขียนไม่ได้เรื่อง ไม่รู้เรื่องหรอกมั้ง)
เกี่ยวกับเหตุการณ์สามวันที่เกิดขึ้นที่นี่
พอแต่งออกมาแล้ว รู้สึกว่า มันสื่อยังไง
คงคิดว่า มีช่วงเวลาเรื่องของบุคคลที่ปกติและคนพิลึกโผล่มาที่โต๊ะและเก้าอี้แห่งนี้
============
วันแรก เดือน xxxx พ.ศ. xxxx
เหตุการณ์ที่ 1
ผู้ชายคนนี้มีชื่อเล่นว่ากิง
ที่นี่ ที่แห่งนี้ในสวนสาธารณะ ตรงจุดนี้ที่กิงยืนมองมันมีอะไร
มองดูห่างๆ แล้วเห็นโต๊ะไม้ตัวหนึ่งกับเก้าอี้ไม้สองตัวตั้งวางอยู่ตรงข้ามกันระหว่างโต๊ะ จริงๆ กิงไม่ได้รู้จักไม้มะเดื่อมาก่อนถ้าแค่อาศัยการมองดูอย่างเดียว ใช่ แค่มองแล้วกิงเดาไม่ถูก พอยืนดูห่างๆ ไม่อาจเดาพันธุ์ของไม้ กิงได้เห็นป้ายบอกอะไรขนาดย่อมที่ตั้งตรงบริเวณหญ้ากับดินที่ใกล้เคียงเขียนว่าที่นั่งพักผ่อนทำจากไม้มะเดื่อ
ซึ่งกิงก็ได้ค้นหาข้อมูลในแทปเลต มีมะเดื่อไทย มะเดื่อฝรั่ง มะเดื่อจีน มะเดื่อญี่ปุ่น ฯลฯ ไม้มะเดื่อคือไม้ป่าพันธุ์เก่าแก่ที่มีความศักดิ์สิทธิ์มาแต่โบราณ มีทั้งข้อมูลที่กล่าวว่ามีความสัมพันธ์กับประเพณีของไทยและของต่างประเทศ อยู่ในประวัติศาสตร์มามากกว่าสองพันปี ผลของมะเดื่อคุณค่าโภชนาการสูงมาก
กิงได้เห็นรูปภาพผลมะเดื่อในเครื่องแทปเลต มันจะเกาะกลุ่มหลายๆ ลูกที่ต้นมะเดื่อ เห็นผลของพืชชนิดนี้มีทั้งสีเขียวและสีแดง จึงทำให้รู้ว่าเมื่อมองในสวนสาธารณะแห่งนี้มีแต่โต๊ะและเก้าอี้ที่ใช้ไม้ชนิดนี้ แต่ต้นไม้ยินต้นที่ให้ร่มเงาเย็นสบายรอบๆ นั้นยังไม่ใช่ต้นมะเดื่อเลย
รู้สึกว่าสวนสาธารณะมีต้นไม้นานาพันธุ์อย่างนี้จะช่วยให้ทั่วร่างกายของเขาสดชื่น
กิงมาที่นี่ในเวลาแปดโมงเช้ากว่าๆ วันนี้เขาเป็นคนแรกที่มานั่งพักผ่อน ในบริเวณใกล้ๆ อาจจะมีโต๊ะและที่นั่งอีกสองสามที่ที่ไม่ได้บอกว่าเป็นไม้มะเดื่อหรือเปล่า แต่ดูแล้วก็สงสัยว่าที่โต๊ะไม้ตรงนี้น่าจะร่มเย็นที่สุดและใหญ่ กว้าง สบายที่สุด มีนกกระจอกและนกพิราบบินว่อน บางตัวพักการบินมาเกาะบนเสาไฟตั้งใกล้สนามหญ้าและโคมไฟสาธารณะ
เหตุการณ์ที่ 2
ขณะที่กิงนั่งอยู่ที่โต๊ะและเก้าอี้มะเดื่อ เขาเหม่อลอยด้วยใบหน้าแอบยิ้มที่มุมปากและกวาดสายตา เขารู้สึกว่าอยู่ตรงนี้แล้วมีความสุข สบายใจ
ใกล้ๆ บริเวณนั้นปรากฏว่ามีผู้ชายคนหนึ่งสะภายเป้ขนาดกลางก้าวเท้ามีความเร็วมากมาใช้ลูกถีบของขาขวาใส่กิง "หลบไป! หลบไป! "
นายกิงกระเด็นตกจากที่แล้วเจ็บตัว เขาไม่รู้ว่าทำไมจึงมีคนไม่รู้จักมาทำตัวแปลกๆ ไล่เขาไปอย่างไม่เกรงใจ ที่นั่งตรงอื่นก็มีดันไม่นั่งนะ
และกิงก็ลุกขึ้นเดินกะเผลกจากไป
ผู้ชายที่ไล่กิงไปแล้วได้มองไปรอบๆ ก่อนจะตัดสินใจนั่งที่เก้าอี้ วางเป้ใกล้ๆ ตัวแล้วเปิดเพื่อล้วงเอาบางสิ่งบางอย่างออกมา
มันคือชุดกระดานหมากรุกสากล เขาเปิดกระดานแผ่ เรียงหมากรุกฝั่งสีขาวและสีดำให้เรียบร้อย
เขามองกระดานที่มีหมากรุกตั้งเริ่มต้นแล้วยิ้มภูมิใจกับมันโดยที่ไม่ได้ลองเล่น และเขาก็เดินหมากฝั่งนี้แล้วก็ย้ายไปนั่งอีกฝั่งเพื่อเดินหมากของอีกฝั่งแล้วก็กลับมานั่งฝั่งที่เริ่ม
เล่นไปสักพักเขารู้สึกเบื่อ เก็บตัวหมากและกระดานลงในเป้ แล้วเขาก็หยิบหมอนอิงสามเหลี่ยมขนาดเล็กพอดีศีรษะมาวางบนโต๊ะ เขาหลับไปสองหรือสามชั่วโมง
เหตุการณ์ที่ 3
เมื่อผู้ชายที่มาไล่นายกิงออกไปแล้วตอนนี้เขาหลับสบาย อยู่ๆ ก็มีผู้ชายหนวดเฟิ้มผมกระเซิงกับผู้หญิงสวยงามที่เหมือนเธอจะใส่ชุดทำงานด้านตำแหน่งลูกน้องในธุรกิจหนึ่ง
"ที่รัก มีคนนอนอยู่ ช่วยหน่อยสิ" ทั้งสองกระซิบให้กัน
ผู้ชายหนวดเฟิ้มและผมกระเซิงมายืนอยู่ด้านหนึ่งของชายที่นอนฟุบโต๊ะ และผู้หญิงสวยๆ ของเขาก็อยู่ตรงข้าม
ร่วมกันตดใส่ ป้าด! นี่แทบไม่น่าเชื่อว่าเป็นการกระทำของผู้หญิงด้วย
สักสามวินาที ชายที่นอนอยู่ก็ลุกพรวดเอามืออุดรูจมูกและแขนอีกข้างคว้าเป้สะพายหนีแล้วลืมเก็บหมอนอิงของตัวเองไปด้วย
ชายหญิงคู่นั่นแอบหัวเราะด้วยความขำ แต่สักพักสิ่งที่เขาทั้งสองทำไว้ (ผายลม) เล่นงานจมูกของทั่งคู่ให้ทนไม่ไหวเช่นกัน ทั้งสองเลยวิ่งไปคนละทิศคนละทาง
ที่ตรงนั้นกลายเป็นพื้นที่เต็มไปด้วยกลิ่นไข่เน่าจนเวลาผ่านไปนานหลายชั่วโมง
เจ้าของที่สาธารณะซึ่งเป็นคนมีอายุวัยคุณลุง เดินเข้ามาปลูกต้นไม้เพิ่มเติม และมาดูบริเวณโต๊ะและเก้าอี้ที่ทำจากไม้มะเดื่อเห็นหมอนอิงขนาดพอเหมาะกับศีรษะแล้วฉงน และพลันนึกได้ว่าโต๊ะไม้มีฝุ่นจับ ตนต้องหาวิธีทำความสะอาด
มะเดื่อที่ประเทศไทยคุ้นเคยกันมากที่สุดก็คือมะเดื่ออุทุมพรและมะเดื่อชุมพร
วันที่สอง เดือน xxxx พ.ศ. xxxx
เหตุการณ์ที่ 1
มีกองถ่ายละคร ถ่ายนายแบบและนางแบบมาที่บริเวณโต๊ะและเก้าอี้
กล้องของทีมงานทำงานของมันเพื่อเก็บไฟล์ภาพและคลิป ฉากที่เขาจะทำเป็นอันดับแรก เป็นการเก็บภาพนายแบบ นางแบบ
โดยอะไรมันดลใจให้ผู้กำกับการถ่ายคิดจะให้นายแบบและนางแบบยืนบนเก้าอี้รูปหนึ่ง พวกกล้องดิจิตอลมาเก็บภาพหลายๆ ภาพไว้สำหรับคัดภาพที่ดีเอาไว้
และอีกรูปนั้นให้คนเป็นแบบเอาคางวางไว้กับโต๊ะไม้มะเดื่อ เป็นภาพที่....ไม่รู้จะอธิบายยังไงดี ทีมงานก็ไปปรึกษาผู้กำกับว่าทำไมเป็นอย่างนี้ แต่ผู้กำกับก็ยังคงยึดมั่นในวิสัยที่จะทำการพาณิชย์
ฉากต่อมาเป็นการทำคลิป ผู้กำกับสั่งให้งานออกมาแล้วคือ กล้องตั้งนิ่งอยู่กับภาพโต๊ะและเก้าอี้ ให้มีพวกทีมงานเดินผ่านไปผ่านมาในจอ แค่นั้นเอง
ทีมงานรู้สึกว่าคลิปที่เก็บได้มันสื่ออะไรนอกจากบรรยากาศสวนสาธารณะที่มีคนโผล่มาแล้วก็ไป
เหตุการณ์ที่ 2
หลังจากที่ทีมงานกองถ่ายใช้เวลาที่นั่นได้สองหรือสามชั่วโมงจึงกลับไปกันหมด มีสาววัยมัธยมปลายสวมแว่นในชุดเสื้อผ้าฝ้าย มานั่งลงพร้อมเครื่องคอมพวเตอร์โน๊ตบุ๊ค เธอมานั่งทำอะไร
เธอมาเขียนรายงานวิชาการ ขณะที่เธอพรมนิ้วกับแป้นไปหลายประโยค เธอจะทำการเซฟงานไว้ในเครื่อง พอเซฟแล้วหน้าจอก็ปรากฏรูปภาพใบหน้าผู้ชายน่าหมั่นไส้เต็มจอ แล้วงานหรือโปรแกรมหรือระบบต่างๆ ของโน๊ตบุ๊คก็หายไปหมดเลย
จู่ๆ มือถือของเธอก็ดัง มีคนโทรมา
พอหล่อนคุยโทรศัพท์เสร็จก็ย้ายที่และไม่ลืมที่จะถือโน๊ตบุ๊ค
เหตุการณ์ที่ 3
มีแมวตัวดำกระโดดขึ้นมาบนโต๊ะ แล้วนอนมองทิวทัศน์
นายกิงจากเมื่อวาน เขามาที่แห่งนี้อีกครั้ง พบเห็นว่าลุงเจ้าของสาธารณะมาจับแมวไปวางตรงอื่น
"ลุงครับ สำหรับโต๊ะไม้มะเดื่อนี่เป็นอะไรที่เป็นไม้จากต้นจริงๆ หรอครับ"
"อือ เป็นโต๊ะไม้จริง มันจึงมีรูปร่างแบบต่างๆ แล้วมันมีความแตกต่างไปจากไม้เหลี่ยมๆ ด้วย เฟอร์นิเจอร์ไม้เหลี่ยมๆ ก็ต้องประกอบไปกับอุปกรณ์ต่างๆ มาสร้างมาเชื่อมต่อ ไม่ว่าจะมีเรื่อย จะมีน็อตสกรู จะมีกระดาษทรายขัดละเอียดโดยสายตาไม่เห็นรอยขัดจากด้านหยาบของกระดาษทราย โต๊ะเฟอร์นิเจอร์มักจะใช้ผ้าถูโดยไม่ควรใช้ขณะเปียกน้ำจนชุ่ม ต้องบิดหมาดและรอมันแห้ง.......พ่อหนุ่มพอจะสนใจมาคุยกับลุงเรื่องนี้กันมั้ย...."
"ครับผม" นายกิงตอบรับว่าอยากคุยอยากเรียนรู้ แล้วทั้งสองคนก็เดินไปด้วยกัน
วันที่สาม เดือน xxxx พ.ศ. xxxx
นายกิงกำลังมองดูโต๊ะและเก้าอี้ตัวเดิม และเห็นคุณลุงทำการปลูกต้นไม้เพิ่มเติม คือ เพิ่มต้นมะเดื่อในสวน
นายกิงใช้แทปเลทถ่ายรูปโต๊ะตัวนี้เก็บไว้
จบ
=================================