Group Blog All Blog |
พ่อของฉัน วันนี้เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ อีกวันที่ฉันได้มีโอกาสเปิดคอมพิวเตอร์นั่งดูรูปภาพในอดีตเก่าๆ และรูปภาพเหล่านี้แหละ คือเรื่องราวที่ฉันจะเล่าเกี่ยวกับชายอายุ 77 ปีคนนี้ ท่านคือ พ่อของฉัน ฉันเป็นเด็กต่างจังหวัด ได้มีโอกาสเข้ามาเรียนในกรุงเทพ เพราะพี่สาวฉันเขาอยากให้ฉันมาอยู่เป็นเพื่อนเขา เพื่อจะได้มีเหตุผลในการออกจากบ้านอาแปะ อาอึ้ม ที่ท่านให้อาศัยบ้านอยู่ พี่สาวฉันอยากออกมาอยู่หอพักข้างโรงเรียนเพื่อความสะดวก แต่ท่านไม่ยอมเนื่องจากเป็นผู้หญิงท่านยังเป็นห่วงอยู่ ถ้าต้องออกมาอยู่คนเดียว พี่สาวฉันจึงได้ดึงฉันมาเรียนต่อที่นี่ด้วย บ้านเรามีลูกสาวสองคนคือพี่สาวฉันและฉัน ในจำนวนลูกทั้งหมด 5 คน ฉันเป็นลูกคนสุดท้อง ของบ้าน พ่อแม่ค่อนข้างตามใจแต่ก็มีเหตุผล ครอบครัวเราฐานะปานกลาง แต่พ่อก็ไม่เคยทำให้เรารู้สึกขาด แต่เราก็ถูกสอนไม่ให้ต้องการอะไรที่เกินตัว เพราะพ่อแม่จะสอนให้ลูกๆ ช่วยงานบ้านและทำมาค้าขายกันทุกคน บ้านเราอยู่ในตลาดอำเภอเมืองใกล้คิวรถบขส.ซึ่ง พอฉ้นเกิดมาฉันก็รู้จักการค้าช่วยแม่ขายของตั้งแต่เด็ก จำได้ว่าสมัยก่อนเราขายเกือบทุกอย่างที่เขาถามซื้อ พ่อเป็นช่างซ่อมนาฬิกา แม่เคยเป็นช่างเย็บผ้าแต่ก็ไม่ได้เย็บแล้วช่วยพ่อค้าขายและเป็นแม่บ้านดูแลลูก ที่บ้านเราขายตั้งแต่สิ่งเล็กๆ เช่น เบ็ดตกปลา นาฬิกา วิทยุ ไถ สากกะเบือยันเรือรบก็ว่าได้ ขอให้มีคนมาถามบ่อย พ่อเอามาขายหมด คนซื้อก็ไม่ต้องเดินไกลถือว่าบ้านเราทำเลดีมาก เท่าที่ฉันจำได้พ่อและแม่ทำงานหนักหาเงินสามารถส่งลูกๆ ทั้ง ห้าคนเรียนได้ทุกคน ทุกคนต่างก็สอบได้ไปเรียนต่างถิ่นกันหมด เหลือฉันลูกคนสุดท้องแม่จึงไม่อยากให้ไปไหนไกล แต่สุดท้ายแม่ก็ต้องยอม เพราะทนคำขอร้องของฉันและพี่สาวไม่ได้ และพ่อก็อนุญาต พ่อเทียวมาเยี่ยมเราที่หอพักอยู่เรื่อยๆ แต่แม่ไม่ค่อยชอบไปไหน นานๆ แม่จะยอมออกจากบ้านสักที พอเราเรียนจบเริ่มทำงานหาเงินพี่สาวฉันเธอเป็นคนเก็บเงินค่อนข้างเก่ง และมีวิธีวางแผนการเงินมาตลอดหลังจากซื้อคอนโดแล้วเหตุผล คือเราจะได้เอาเงินที่จ่ายค่าเช่าเขาทุกเดือนเปลี่ยนเป็นเงินผ่อนคอนโดแล้วได้เป็นกรรมสิทธิ์ของเรา แล้วเธอก็ขอให้พ่อช่วยออกเงินดาวน์ให้ก่อนบางส่วน แต่พอซื้อคอนโดแล้วขนาด 32 ตารางเมตร แถวมหาวิทยาลัยที่เราเรียนนั่นแหละ แม่ลงมาเยี่ยมเราครั้งนึงท่านเคยอยู่บ้านมีบริเวณจึงอึดอัดอยู่ได้ไม่นาน พวกเรามีความคิดว่าตอนนี้ส่วนใหญ่สมาชิกในบ้านก็มาอยู่ที่กรุงเทพกันหลายคนแล้วพร้อมพี่ชายของฉันอีกคน อีกหน่อยมีลูกหลานก็ต้องส่งมาเรียนที่เมืองหลวงอีก จึงคิดซื้อบ้านกัน โดยพี่สาวฉันเป็นหัวเรือใหญ่เช่นเคย และในที่สุดเราก็มีบ้านหลังแรกที่พี่สาวฉันเป็นคนเลือกที่จะอยู่ใกล้ที่ทำงาน ฉันจึงได้ย้ายจากการอยู่คอนโดในเมืองมาอยู่กะพี่สาวที่ชานเมืองนี้ และต้องมีรถ เพราะที่นี่เป็นหมู่บ้านที่ไม่มีรถเข้าออกรับส่งไม่มีวินมอเตอร์ไซด์เหมือนในเมืองที่ฉันเคยอยู่สิ่งแรกคือต้องหัดขับรถ ฉันเคยมีพื้นฐานมาบ้างในการขับรถ และภาพนี้เป็นครั้งแรกแห่งความภูมิใจที่พ่อฉันลงมาเที่ยวบ้านใหม่ ซึ่งฉันขับรถพาพ่อและหลานสาวไปเล่นน้ำที่ห้างดังแห่งหนึ่งแถวงามวงศ์วาน พ่อและหลานอยากเล่นน้ำแต่สระน้ำในหมู่บ้านปิดปรับปรุงพอดีฉันคิดว่ายังไงก็ตั้งใจแล้วอยากพาพ่อไปเล่นน้ำเพราะในระยะเวลาหลายสิบปีที่ฉันมาอยู่กรุงเทพพ่อไม่เคยได้ไปเที่ยว หรือใช้ชีวิตแบบที่พ่ออยากจะทำบ้างเลย ทุกอย่างเพื่อครอบครัวทั้งหมด แต่ฉันเพิ่งหัดขับรถไปทำงานไปได้แค่ที่ทำงานไปกลับที่บ้านยังไม่ค่อยรู้เส้นทางแต่ฉันจำได้แค่ว่าขับตรงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ความตั้งใจคืออยากพาพ่อไปเล่นน้ำอยากให้พ่อสนุกบ้าง ได้รีแลคบ้าง ภาพนี้เป็นความภูมิใจที่ฉันทำให้พ่อได้อีกภาพนึง มันอาจจะไม่ใหญ่โตมากแต่ฉันรู้ว่าพ่อสนุกและมีความสุขมากได้กลับไปย้อนว่ายน้ำใหม่ๆ อีกครั้งพ่อว่ายเหมือนลอยคอ ลอยตัวได้พ่อเรียกว่า"ท่าลูกหมาตกน้ำ" พ่อบอก พ่อเคยสอนฉันกับพี่สาวว่ายน้ำ เผื่อเวลาไปเที่ยวทางน้ำจะได้เอาตัวรอดได้แต่สุดท้ายเราก็ยังว่ายไม่เป็น มันเป็นภาพความทรงจำที่ฉันจำได้ว่าครั้งแรกที่ฉันเห็นพ่อฉันสนุกมากให้ถ่ายรูปเล่นไรก็เล่นคล้องห่วงยางรอบเอวเดินเข้าสวนน้ำ เหมือนเด็กๆ ฉันก็ได้แต่ยิ้มยืนลุ้นพ่อกะหลานเล่นน้ำอย่างสนุก นี่แหละพ่อของฉัน **ปล. ตอนที่ฉันกำลังเขียนเรื่องนี้อยู่มือถือก็ดังขึ้น "สวัสดีค่ะพ่อ หนูกำลังคิดถึงพ่ออยู่พอดีเลยค่ะ" นึกถึงพ่อตัวเองแล้วคิดถึงเหมือนกันค่ะ
โดย: สมาชิกหมายเลข 3445381 วันที่: 16 กรกฎาคม 2561 เวลา:3:59:04 น.
|
สมาชิกหมายเลข 4664294
Rss Feed ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?] Link |