กันยายน 2555

 
 
 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
14
15
16
17
18
20
21
22
23
24
25
26
28
29
30
 
 
เรื่อง เด็กหญิง ความฝัน และแรงบันดาลใจ ตอนที่ 1

(เรื่องราวนี้เป็นเรื่องที่นำมาจากบทสัมภาษณ์เด็กหญิงเบนโตะ ชื่อทั้งหมดเป็นนามสมมติ บางส่วนมีการแต่งเติมเนื้อหาเพื่อให้เกิดอรรถรสในการอ่าน หากมีการพาดพิงหรือกล่าวถึงผู้ใดให้เกิดความเสียหาย ผู้เขียนต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วย)

 

9 นาฬิกาของวันเสาร์ คงเป็นเวลาที่ใครหลายคน เลือกที่จะอยู่บนเตียง เพราะมันเป็นเช้าวันหยุดแรก หลังจากได้ผจญกับฝนและจราจรที่มันสาหัสมาทั้งอาทิตย์ ส่วนฉันเลือกที่จะเดินดุ่มเข้าไปในร้านอาหารแห่งหนึ่ง แถวรถไฟฟ้าใต้ดินบางซื่อ สถานที่ที่มีน้อยคนนักจะรู้จักร้านอาหารแห่งนี้ ร้าน “The Network”

 

ฉันไม่ได้มาที่นี่เพื่อมาทานอาหาร นี่มันเช้าวันเสาร์นะ ไม่ใช่วิถีชีวิตฉันแน่ ๆ ที่อุตส่าห์ดั้นด้นตื่นเช้าเพื่อมาทานอาหารเช้า อาหารเช้ากับฉันเดินเป็นเส้นขนานกันมานานแล้ว จะมาบรรจบกันเมื่อมีเสียงดังปลุกจากในอวัยวะที่ใช้ย่อยอาหารของร่างกายเรา หรือเรียกว่ากระเพาะนั่นเอง เมื่อไหร่ก็ตามที่กระเพาะส่งเสียงร้อง เมื่อนั้น ฉันและอาหารเช้าจะรู้ว่า ถึงเวลาแล้วที่เราต้องพบกัน

 

ร้านอาหารที่นี่ จัดให้ชั้นล่างเป็นพื้นที่ทานอาหาร ส่วนชั้นบนเป็นห้องอบรมสัมมนา ชั้นสองคือจุดหมายปลายทางของฉันในเช้านี้ ฉันมาที่นี่ เพื่อจะมาเรียนรู้เทคนิคการทำสิ่งที่ฉันอยากทำมานาน ทว่าฉันไม่เคยเรียนรู้และลงมือกับมันจริงจัง เมื่อชะตาฟ้าลิขิต ชีวิตต้องผกผันให้ฉันมีเวลาว่างมากเกินกว่าคนทำงานปกติมี ถ้าเรียกภาษาที่มันสวยหรู คนเขาก็บอกว่า ฉันทำงานฟรีแลนซ์ หรือภาษาชาวบ้านเรา ๆ เนี่ยเรียกว่า พวกตกงานนั่นเอง

 

“เดินขึ้นไปชั้นสอง ห้องหมายเลขห้านะคะ” เจ้าหน้าที่ต้อนรับบอกฉัน เมื่อฉันถามหาห้องที่จะมาอบรม

 

                “อบรมนักเขียนขั้นพื้นฐาน”

 

ใช่แล้ว งานเขียนเป็นสิ่งที่ฉันอยากทำมานาน และวันนี้ ฉันก็จะได้เรียนรู้และเริ่มสร้างความฝันให้เป็นจริงเสียที

 

ห้องสี่เหลี่ยมเกือบจัตุรัส ให้ความรู้สึกถึงการเรียน ห้องเรียนคงถูกนิยามว่าต้องเป็นห้องสี่เหลี่ยมเท่านั้นหรือ ทุกครั้งที่ฉันไปเรียนหรือไปสอน ก็หนีไม่พ้นห้องแบบนี้ ทำไมไม่มีใครคิดห้องเรียนเหมือนในสวนสาธารณะนะ โดยมีสระน้ำอยู่ตรงกลาง (ห้องในอาคาร มีโอ่งน้ำตรงกลางก็พอไหว คุณคิดว่าอย่างไร) มีต้นไม้ให้เห็นร่มครึ้ม มีม้านั่งอยู่รอบสระทุกคนนั่งเรียนรอบสระน้ำ คงจะมีความสุข ความคิดบรรเจิดได้ เอ คนอื่น ๆ จะคิดเหมือนฉันไหมนะ หรือฉันจินตนาการเวิ่นเว้อไปเอง

 

                โต๊ะนักเรียนยาว คลุมด้วยผ้าคลุมสีน้ำเงิน เป็นสิ่งที่เห็นได้จากห้องประชุม สัมมนาตามโรงแรม ทำไมต้องมีผ้าคลุม ไม่มีได้ไหม กลัวคนเรียนอายุเลยวัยเรียนอย่างพวกฉันขีดเขียนโต๊ะด้วยดินสอ หรือลิควิดเปเปอร์วาดรูปคุณครูที่กำลังสอนหน้าห้องหรือกลัวใช้คัตเตอร์กรีดโต๊ะสลักชื่อเราหรือเพื่อน ๆ ในห้องอย่างสมัยที่เราเป็นเด็กนักเรียนที่มักสร้างศิลปะในห้องเรียนกระมัง หรือว่าด้วยเหตุผลอื่น คงต้องหาโอกาสสักครั้ง ถามหาความเป็นมาให้ได้

 

มองกราดเข้าไปในห้องเรียน มีชายคนหนึ่ง รูปร่างท้วม แก้มยุ้ย ตาตี่ ท่าทางใจดี คุยเก่ง กำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะหน้าห้อง คงจะเป็นอาจารย์ประวีณ ผู้ที่จะมาถ่ายทอดวิชาความรู้ให้แน่แท้ ฉันว่า ลักษณะก็พอได้อยู่นะ

 

แต่ตอนนี้ ฉันคงต้องหาที่นั่งแล้วหล่ะ ก็มันใกล้ได้เวลาแล้วนี่นา

 

เนื่องจากห้องมีขนาดเล็ก จำนวนโต๊ะที่จัดวางไว้ จึงมีเพียง 3 แถวเท่านั้น

 

จากนั้น สายตาฉันก็วาดไปที่ที่นั่งแถวแรก มีจับจองไว้บ้างแล้ว เหลืออยู่เพียงที่นั่งเดียว ฉันตัดสินใจโดยไม่ต้องคิดนาน ว่ามันไม่ใช่ที่นั่งของฉันแน่ ๆ ก็มันเป็นที่นั่งตรงข้ามกับอาจารย์ผู้สอนเลยนี่ ฉันไม่ใช่เด็กแถวหน้ามาแต่ไหนแต่ไร เก็บแถวหน้าให้กับชมรมแบรนด์ซุปเปอร์แคมป์ที่ตะโกนผ่านจอโทรทัศน์ให้ได้ยินบ่อยว่า ”อยากเป็นหมอ” กันเถอะนะ อย่างฉันมันต้องเด็กแถวหลังเท่านั้น

 

คิดได้ดังนั้นแล้ว ฉันจึงได้เบนสายตาไปยังแถวที่คนอย่างฉันเหมาะสมกับมัน แถวหลังนั่นเอง มีเพียงชายหนุ่มหน้าตาอินเทรนด์ สาว ๆ สยามอาจคลั่งไคล้ สาว ๆ พารากอนร้องกรี๊ด สาว ๆ เซนทรัลคงวิ่งไปขอถ่ายรูปคู่อัพลงอินสตราแกรม (เดี๋ยวเชย) แต่สาวบางโพอย่างฉันคงได้แต่ยิ้มให้ห่าง ๆ อย่างห่วง ๆ เพราะคนที่ไม่ใช่แฟน คงทำแทนไม่ได้

 

ทว่า วันนี้เป็นการเรียนรู้เรื่องการต่อยอดความฝันในการเป็นนักเขียนของฉัน ฉันควรที่จะใส่ความตั้งใจไปหน่อยไหม ฉันสะกิดถามตัวเองเล็กน้อย แล้วก็ต้องเบือนหน้าอย่างแช่มช้า ตาละห้อยจากหนุ่มน้อยหน้าตี๋คนนั้น ไปยังที่นั่งแถวกลาง

 

ในเวลานั้น ที่นั่งแถวกลาง เหลืออยู่สองที่ ที่นึงอยู่ติดประตู โดยปกติ เวลาที่ฉันไปสัมมนา ฉันจะเลือกนั่งที่นั่งใกล้ประตู เพราะมันเป็นประตูฉุกเฉินของฉัน ไม่ใช่กรณีเร่งรีบหรืออย่างไร แต่มันคือทางออกฉุกเฉินเวลาที่ฉันต้องการเข้าห้องน้ำ วาระซ่อนเร้นอีกนัยหนึ่งก็คือฉันเบื่อการสอนนั่นเอง

 

ส่วนที่นั่งอีกที่นึง เป็นที่นั่งที่อยู่ตรงกลางพอดี ข้างที่นั่งนั้น มีเด็กหญิงผมบ๊อบ หน้าม้า กำลังก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือที่คงได้รับแจกจากผู้สอน

 

“นั่งใกล้เด็กก็เผื่อจะเด็กไปด้วย” ความคิดชั่วขณะที่ผุดขึ้นมา ความอยากหน้าเด็ก หน้าใส ละอ่อน จึงทำให้ฉันลากเท้าและร่างกายอวบอ้วนของตัวเอง แล้วหย่อนก้นลง ณ ที่นั่งตรงกลางข้างเด็กตัวน้อยคนนั้นในทันใด

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 




Create Date : 12 กันยายน 2555
Last Update : 26 กันยายน 2555 9:37:37 น.
Counter : 536 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

aunty_reedsi
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



คนโสด ไม่ขี้เหงา แต่เดี่ยวดาย
New Comments