Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2553
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
15 มิถุนายน 2553
 
All Blogs
 
แนวทางและข้อคิดดีๆ ในการเตรียมลูกเข้าโรงเรียนอนุบาล

อ่านเจอจากพันทิพย์มีคุณแม่ท่านหนึ่งเอามาโพสต์ไว้ ขออนุญาตเอามาเก็บไว้ในบล็อคตัวเองนะคะ :)



การเข้าเรียนในโรงเรียนอนุบาลนั้น ในสังคมปัจจุบันดูเป็นสิ่งจำเป็นและทุกครอบครัวจะส่งเด็กเข้าไปในโรงเรียนอนุบาลกันเกือบทั้งหมด แม้แต่ในชนบทหรือในครอบครัวที่มีฐานะทางเศรษฐกิจไม่ดีนักก็ยังต้องจัดหาโรงเรียนอนุบาลให้กับลูก หลายครอบครัวมีความคิดว่าเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องหาโรงเรียนอนุบาลดีๆ ให้กับลูก แม้จะมีค่าเล่าเรียนที่แพงมาก แม้จะอยู่ไกลจากบ้าน ก็พยายามที่จะจับจอง ช่วงชิง ใฝ่หาสถานที่นั้นให้ลูกไปเรียนให้ได้ด้วยคำพูดที่เล่าลือกันว่าสอนดี มีเชื่อเสียง วิชาความรู้ดี มีเปอร์เซ็นต์ที่จะไปสอบเข้าระดับชั้นประถมปีที่ 1 ของโรงเรียนดังๆ ได้มาก โดยไม่พินิจพิจารณาว่าโรงเรียนที่ว่าดีนั้น มีดีอะไร มีดีอย่างไร

โดยไมได้พิจารณาว่าองค์ประกอบอื่นที่จะพาลูกไปเรียนนั้นเหมาะสมหรือไม่ เช่น
   - ระยะทางของโรงเรียนกับบ้านไกลใกล้เพียงใดการเดินทางสะดวกหรือไม่
   - ค่าเล่าเรียนแพงมากน้อยอย่างไร
   - โดยไม่ได้พิจารณาว่าธรรมชาติของเด็กวัยอนุบาลนั้นเป็นอย่างไร ระบบร่างกาย ระบบกล้ามเนื้อ ระบบสมองและการเรียนรู้ ธรรมชาติของอารมณ์และสังคมของลูกตัวน้อยๆ เป็นอย่างไร

เมื่อไม่ได้พิจารณาปัจจัยต่างๆ ให้ถูกต้อง ให้ตรงกับความเป็นจริงและมีความเหมาะสมระหว่างเด็กวัยอนุบาลกับโรงเรียนอนุบาล การส่งลูกเข้าไปเรียนในโรงเรียนก็จะได้ผลไม่เต็มที่ หรือไมได้ หรืออาจเกิดผลเสียก็ได้ ในฐานะที่ทำงานเป็นจิตแพทย์เด็กก็พบปัญหาที่เกิดจากการเรียนของเด็กวัยอนุบาลนี้บ่อยๆ ผมว่าเราลองมาพิจารณาธรรมชาติของเด็กอนุบาลเป็นอันดับแรกว่าธรรมชาติเขาเป็นอย่างไร

ความจริงชื่อของเด็กวัยอนุบาลก็บอกความหมายในตัวอยู่แล้วว่าเป็นวัยที่ยังต้องคอยเลี้ยงดู คอยระวัง คอยรักษา ในภาษาอังกฤษเขียนว่าเป็นระยะ pre-school child คือเป็นระยะก่อนวัยเรียน ชื่อก็บอกในตัวว่าเป็นระยะก่อนวัยเรียน ไม่ใช่เป็นระยะที่จะเรียนอย่างเด็กวัยเรียนซึ่งเริ่มตั้งแต่ประถมศึกษาปีที่ 1 เป็นต้นไปจนถึงประถมศึกษาปีที่ 6 ธรรมชาติทางด้านจิตวิทยาพัฒนาการของเด็กวัยอนุบาลกำหนดช่วงอายุไว้คือ 3-5 ปี วัยนี้เป็นวัยที่มีพัฒนาการของกล้ามเนื้อดีขึ้นพอสมควร ชอบเล่นปีนป่าย ซนอยู่ไม่นิ่งเท่าใดนัก แม้ว่าจะวิ่งเล่นและซนมากก็ตาม แต่การประสานงานของกล้ามเนื้อเล็กยังไม่ค่อยดีนัก โดยเฉพาะกล้ามเนื้อมือยังไม่มีทักษะเต็มที่ดังนั้นการใช้มือประณีตจึงยังทำได้ ไม่ค่อยดีนัก การเขียนหนังสือ การระบายสี การปั้นดินน้ำมัน เด็กพอทำได้แต่ไม่ถนัดนัก

ในด้านอารมณ์และสังคม เด็กวัยอนุบาลโดยธรรมชาติเป็นเด็กที่ร่าเริงเป็นตัวของตัวเองมากขึ้น อยากรู้อยากเห็น อยากแสดงออก ชอบอวด ให้คนอื่นรู้ว่าตนมีความสามารถ ชอบเล่น ซึ่งการเล่นของเด็กถือว่าเป็นกิจกรรมและเป็นปัจจัยที่สำคัญในการพัฒนาด้าน จิตใจ สติปัญญา สังคม และความมั่นใจในตนเอง ตำราบางเล่มเน้นมากกว่าการเล่นคือการเรียนของเด็กวัยอนุบาล ไม่ใช่เน้นการเรียนในชั้นเรียน แต่เน้นการเรียนรู้ควบคู่กับกิจกรรมการเล่น ในวัยนี้ด้วยการที่มีความเป็นตัวของตัวเองมากขึ้น เด็กจึงมีพฤติกรรมที่ดื้อดึง และปฏิเสธบ่อยครั้ง ซึ่งจริงๆ แล้วไม่ได้หมายความว่าเขาเป็นเด็กดื้อ เพียงแต่เป็นธรรมชาติของเด็กวัยอนุบาลเท่านั้น ถ้าเราเข้าใจเขา ผ่อนปรนบ้าง สอนให้เข้าใจด้วยท่าทีที่หนักแน่น ส่วนใหญ่แล้วเด็กก็จะปฏิบัติตามเราได้เป็นอย่างดี อารมณ์ที่สำคัญอย่างหนึ่งของเด็กวัยนี้คือ อารมณ์วิตกกังวลต่อการแยกจากพ่อแม่ ซึ่งจริงๆ แล้วเป็นอารมณ์ตามธรรมชาติและเป็นปกติของเด็กวัยนี้ แต่บังเอิญที่วัยนี้เป็นวัยที่ต้องเริ่มเข้าโรงเรียน อนุบาล เมื่อเด็กต้องแยกจากบ้านไปโรงเรียน เด็กจึงมีปฏิกิริยาต่อการไปโรงเรียนมากหน่อยโดยเฉพาะในช่วงต้นๆ ของการไปโรงเรียน

สำหรับด้านสติปัญญา เด็กวัยอนุบาลเรียนรู้คำศัพท์ต่างๆ ได้อย่างมากและรวดเร็ว เข้าใจเครื่องหมายและสัญลักษณ์ต่างๆ ได้ แต่อย่างไรก็ตามยังเป็นวัยที่ไม่พร้อมที่ที่จะเรียนหนังสืออย่างในเด็กวัยประถมศึกษา ในเมื่อเด็กระยะก่อนวัยเรียนเป็นวัยที่จำเป็นจะต้องเข้าเรียนในโรงเรียน อนุบาล ผู้ปกครองและครูในโรงเรียนและครูอนุบาลจึงจำเป็นที่จะต้องเข้าใจธรรมชาติตาม พัฒนาการของเด็กวัยนี้เพื่อจะได้จัดแจงจัดเตรียม สิ่งต่างๆ ให้เหมาะสมกับธรรมชาติของเด็ก ซึ่งถ้าเราเตรียมและจัดสิ่งต่างๆ ให้เหมาะสมแล้ว ก็จะเป็นการส่งเสริมพัฒนาการเด็กได้อย่างดียิ่ง ปัญหาทางอารมณ์และพฤติกรรมก็จะไม่เกิดขึ้น

แนวทางในการเตรียมเด็กเพื่อเข้าเรียนในโรงเรียนอนุบาลพอจะรวบรวมเป็นประเด็น ต่างๆ ได้ดังนี้คือ

1. ช่วงที่เป็นเด็กเล็กๆ ก่อนเข้าโรงเรียนผู้ปกครองไม่ควรใช้คำว่า โรงเรียน หรือคำว่า ครู เป็นคำพูดที่ใช้ในการขู่เด็ก เพราะจะทำให้เด็กมีทัศนคติและความจำว่าโรงเรียนและครูเป็นสิ่งที่น่ากลัว

2. ควรเลือกโรงเรียนที่อยู่ใกล้บ้าน และเป็นโรงเรียนมีกระบวนการจัดการเรียนรู้ในลักษณะเตรียมความพร้อมร่วมไปกับการ เรียนรู้ ไม่ใช่เน้นเรื่องการเรียนรู้ในชั้นเรียนเป็นหลัก

3. ควรพาเด็กไปเยี่ยมชม ไปเที่ยวโรงเรียนที่เราเลือกให้ลูก เพื่อให้เด็กคุ้นเคยกับสถานที่สัก 2-3 ครั้ง ถ้าให้พบกับครูด้วยก็ยิ่งจะดี เพราะจะทำให้เมื่อถึงวันที่ต้องไปเรียนเด็กจะปรับตัวได้ง่ายขึ้น

4. เมื่อถึงวันไปโรงเรียน ผู้ปกครองควรอยู่เป็นเพื่อนลูกเพียงช่วงสั้นๆ และถือโอกาสฝากครูให้เด็กแลเห็นด้วยว่าพ่อแม่ได้ฝากลูกไว้กับครูแล้วพ่อแม่ แยกจากลูกไปด้วยท่าทางที่สงบสบายๆ เหมือนเป็นกิจวัตรตามปกติ อย่าแสดงท่าทางหรือพูดในลักษณะเป็นห่วงหรือกังวลใจ

5. ในช่วงรับกลับจากโรงเรียนไปบ้านควรรับให้ตรงเวลา ในกรณีที่ไปรับล่าช้ามากควรให้ญาติคนอื่นไปรับแทน ไม่ควรปล่อยให้ลูกอยู่โรงเรียนกับครูจนนานเกินไป เพราะจะทำให้เด็กกังวล และไม่วางใจต่อพ่อแม่ซึ่งจะเป็นเหตุหนึ่งที่ทำให้เด็กวิตกกังวลต่อการไป โรงเรียนอนุบาลแล้วเกิดปัญหาไม่อยากไปเรียน

6. พ่อแม่ควรใช้เวลาช่วยดูแลเอาใจใส่กิจกรรมบางอย่างที่โรงเรียนให้ทำส่งครู เป็นการช่วยแบบแนะนำไม่ใช่ช่วยทำเสียทุกอย่าง

7. วัยนี้ยังไม่ควรเน้นเรื่องเนื้อหาการเรียนเป็นประเด็นหลัก แต่ควรเน้นกิจกรรมการเล่นหรือกิจกรรมอื่นๆ เช่น ศิลปะ ดนตรี เป็นต้น เพื่อให้เกิดความแจ่มใส เบิกบาน เชื่อมั่นตนเอง เข้ากับคนอื่นๆ ได้ดี และมีการแสดงออกของพฤติกรรมอย่างเหมาะสม
ประเด็นเหล่านี้จะช่วยให้เด็กปรับตัวต่อการไปโรงเรียนอนุบาลได้เป็นอย่างดี และจะเป็นฐาน เป็นความรู้สึกที่ดีๆ ต่อการไปโรงเรียนที่จะติดเป็นทัศนคติของเด็กไปจนโต





Create Date : 15 มิถุนายน 2553
Last Update : 15 มิถุนายน 2553 9:59:00 น. 1 comments
Counter : 701 Pageviews.

 
ขอบคุณมากครับสำหรับคำแนะนำดีๆ


โดย: เอก สาย4 IP: 49.49.135.56 วันที่: 23 เมษายน 2554 เวลา:11:30:17 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Volk-TE37
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Blog น้องใหม่ รวบรวมเรื่องราวต่างๆ ที่พ่อกับแม่สนใจ พร้อมๆ กับไดอารี่บันทึกของน้องพราวลูกสาวสุดเลิฟ ที่อยู่ในวัยกะลังน่าฟัด Smiley
Friends' blogs
[Add Volk-TE37's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.