Group Blog
 
<<
กันยายน 2548
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
19 กันยายน 2548
 
All Blogs
 

The Company หนัง Drama ก็คือ หนังชีวิต


ระหว่างที่นั่งดูไปเรื่อยๆ เวลาก็ผ่านไปเรื่อยๆ ภาพที่ผมเห็นมีเพียงคณะบัลเลท์ คณะหนึ่งซ้อมแล้วก็แสดง ซ้อมแล้วก็ออกโชว์เป็นแบบนี้อยู่นานพอสมควร ในระยะแรกก็ว่า เฮ่ย!! มันเต้นกันได้น่าสนใจดีนะ มันดูแปลกใจดีเหมือนกัน ถือว่าเป็นงานศิลปะที่สวยงามแล้วผมก็เพิ่งจะเคยได้เห็นเต็มๆแบบนี้เป็นครั้งแรกก็จากหนังเรื่องนี้น่ะแหละ ไม่ว่าจะเป็นท่าทางการเต้นที่ต้องผ่านการฝึกมาอย่างหนักอาศัยทักษะความชำนาญอย่างมากแถมแต่ละทุกท่วงท่ายังต้องสื่อความหมายทางอารมณ์เพื่อสะท้อนออกมาให้ผู้ชมได้มีอารมณ์ร่วมได้อีกด้วย

มาว่ากันต่อเกี่ยวกับหนัง ระหว่างที่ผมดูไปเรื่อยๆผมก็มัวแต่คาดหวังถึงสิ่งที่หนังเกือบจะทุกเรื่องต้องมีนั้นก็คือ เหตุการณ์ที่ทำให้เนื้อเรื่องมันเคลื่อนตัวออกจากองค์แรกซะที องค์แรกที่ว่านั่นก็คือ บทนำของหนัง การแนะนำตัวละครนิสัยใจคอ การแสดงให้เห็นฉากของหนัง วิถีชีวิตโดยปกติของตัวละคร แต่จะว่าก็ว่าเถอะช่วงแรกของหนังโดยส่วนใหญ่มันก็ควรจะเป็นแบบที่ว่ามาแต่สำหรับเรื่องนี้แล้วมันก็ไม่ค่อยจะเป็นแบบนั้นซักเท่าไหร เหมือนกับว่าตัวละครที่ควรจะเป็นตัวดำเนินเนื้อเรื่องหลักๆอย่าง รอย (เนิฟ แคมเบลล์) ก็ดูเหมือนจะไม่โดดเด่นไปกว่าคนอื่นเท่าที่ผมคาดหวังว่าควรจะเป็น แล้วเนื้อเรื่องก็ผ่านไปอีกซักพัก ความรู้สึกผมมันก็ยังเหมือนเดิมคือมันไม่เห็นจะมีอะไรที่จะทำให้เกิดเป็นเรื่องราวซักที ตัวละครแต่ละตัวมันก็ทำหน้าที่ของมันเหมือนชีวิตประจำวันไปเรื่อยๆไม่เห็นจะมีอะไรเลย เป็นแบบนี้จนกระทั้งจบ ผมก็งงเหมือนกัน

คงเป็นเพราะไปคาดหวังแต่แรกว่ามันจะต้องเกิดอะไรขึ้นกับตัวละครเหล่านั้นอันจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงเคลื่อนตัวของเนื้อเรื่องแน่นอน แต่มันก็ไม่มีอะไรซักที ไอ้ที่ดูเหมือนว่าจะตื่นเต้นบ้างมีมันก็ไม่ซักที กลายเป็นว่าดูแล้วออกจะน่าเบื่อซะด้วยซ้ำถ้าตาไม่แข็งจริงอาจหลับได้ นอกจากจะมัวตื่นตาตื่นใจกับการแสดงบัลเลท์บวกกับเสียงดนตรีที่มีให้ได้ดูได้ฟังกันแบบจุใจก็เพลินกันไป ส่วนผมก็ตื่นตาตื่นใจแค่ช่วงแรกๆเท่านั้นแหละพอดูไปดูมาก็เริ่มเอียนซะงั้น

สรุปแล้วหนังเรื่องนี้ในความคิดของผมนะ ตัวเอกจริงๆของเรื่องนี้ผมว่าไม่ใช่ใครที่ไหนหรอกแต่เป็นไอ้เจ้าคณะบัลเลท์ที่คนในเรื่องเรียกกันว่า The Company น่ะแหล่ะแล้วหนังเรื่องนี้มันเหมือนกับว่าแค่ถ่ายทอดส่วนหนึ่งของชีวิตของ The Company ออกมาช่วงหนึ่งเท่านั้นโดยมีการแสดงให้เห็นถึงภายในระบบว่า มีการซ้อมยังไง คัดเลือกตัวก่อนแสดงยังไง วิถีชีวิตของผู้คนใน The Company นั้นเป็นอย่างไร หนังถ่ายทอดออกมาอย่างเป็นธรรมชาติซะจนเหมือนกับไม่ใช่หนังเลย เหมือนกับว่าเรากำลังดูความเป็นไปของระบบใน Company อยู่จริงๆเหมือนว่านี่แหละมันเป็นชีวิตจริงๆมันไม่เหมือนหนังที่ต้องมีพระเอกมีผู้ร้ายมีจุดไคลแมกซ์ สุดท้ายแล้วจนกระทั้งหนังจบ มันกลับเหมือนว่ายังไม่จบ ชีวิตที่เคลื่อนไหวอยู่ในนั้นก็ดูเหมือนว่าจะยังคงดำเนินชีวิตต่อไปตามทำนองของมัน เรื่อยๆ เรื่อยๆ

ก็นี่มันหนังชีวิตนี่เนอะ




 

Create Date : 19 กันยายน 2548
2 comments
Last Update : 19 กันยายน 2548 14:28:54 น.
Counter : 1086 Pageviews.

 

 

โดย: อะ/ป IP: 58.10.158.12 10 พฤษภาคม 2550 14:31:39 น.  

 

That's right. THE COMPANY--its name has already told us that this movie is about COMPANY.
It's all about ballet dancer's life. I felt it could really reflect both good and bad side of dancer's life while most of the people always thought that ballerina's life is so wonderful. But it's not.

That's why i like it!!! It's a fact!!! Maybe the other reason that made me like this film is i have ballet and contemporary dance background... that's why when they dance, for me, it was not only a dance. but i could also see their dance technics and expressions that 's really move.

 

โดย: tingallerina IP: 58.8.76.235 31 สิงหาคม 2550 22:50:44 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


kimprite
Location :
สมุทรปราการ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Everyone should have a reason to believe.So I still believe that LIGHTNING could STRIKES TWICE for me Yeah Yeah Yeah !!

LIGHTNING STRIKES TWICE
Saint Etienne
Friends' blogs
[Add kimprite's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.