|
| 1 | 2 | 3 |
4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 |
11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 |
18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 |
25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 |
|
|
|
|
|
|
|
นักภาวนาต้องดูหัวใจ..
เราเป็นนักปฏิบัติ ระงับดับความทุกข์ ความคิดความปรุงนั้นแหละเป็นสาเหตุให้เกิดความทุกข์ เพราะคิดมันจะไม่คิดทางอรรถทางธรรม มันจะคิดไปตามแถวแนวของกิเลส แล้วเป็นฟืนเป็นไฟขึ้นมาเผาหัวอกเจ้าของนั้นแหละ ทีนี้เวลาเรากำจัดมันตรงนี้ด้วยการประกอบความพากเพียร ระงับดับอารมณ์เหล่านี้ไม่ให้มันเกิดมาก สั่งสมอารมณ์ของธรรมขึ้นมาทับกันไว้ ๆ แล้วอารมณ์ของกิเลสก็จะค่อยเบาลง ๆ อารมณ์ของธรรมหนาแน่นขึ้น แล้วระงับทุกข์ที่กิเลสสั่งสมขึ้นด้วยความวุ่นวายนั้นให้สงบลงไป ๆ ใจก็เย็นเรื่อย ๆ นั่น ดูใจของเรา ไม่ได้อยู่ที่ไหนนะ เราระงับได้มากเท่าไรเรื่องความคิด ความปรุงของเรา จิตเรายิ่งเย็นไปโดยลำดับลำดา นั่นละท่านสอนนักภาวนา
นักภาวนาต้องดูหัวใจ จะไปดูที่อื่นใดไม่เหมาะเลย ต้องดูที่หัวใจ ความคิดนี่จะปรุงขึ้นที่ใจ ทีนี้ปรุงขึ้นนี้คืออะไรพาให้ปรุง นั่น กิเลสมันอยู่ภายในใจ มันผลักดันให้คิดให้ปรุงให้อยากคิดอยากปรุง นี้เป็นเรื่องของกิเลสทั้งนั้น มันอยากคิดมากปรุงมากนี้ตัวไหวไปเลยเรา อยู่ไม่ได้เป็นฟืนเป็นไฟ จึงต้องอาศัยเรื่องอรรถธรรมเข้ามาแทนที่ มันอยากคิดมากขนาดไหนเรื่องความเป็นฟืนเป็นไฟของกิเลส เอ้า เราคิดธรรมแทนเข้าไปให้มากอย่างนั้น ฟัดกันให้เต็มเหนี่ยว แล้วความคิดนั้นก็สงบลงไป ความคิดที่เป็นธรรมก็หนาแน่นขึ้นมาแล้วใจสงบ นั่น ความคิดสองอย่าง ความคิดเป็นธรรมอย่างหนึ่ง ความคิดเป็นกิเลสอย่างหนึ่ง เกิดขึ้นที่ใจของเราดวงเดียวกัน นี่ที่ท่านว่ากิเลส ๆ คือมันเป็นธรรมชาติอันหนึ่งเกิดภายในใจ แต่มันก็ทำหน้าที่ของมันอย่างนั้น ธรรมก็เกิดภายในใจ ทำหน้าที่ของธรรม ถ้าฝ่ายไหนมีกำลังมากฝ่ายนั้นก็ตักตวงเอาผลประโยชน์มาก เช่น กิเลสก็เอาความทุกข์ใส่หัวใจโลกมาก ธรรมก็เอาความสุขมากเข้าใส่หัวใจผู้บำเพ็ญ อันนี้ละสำคัญมากที่กล่าวอยู่เดี๋ยวนี้นะ ความคิดนี้มันมีอะไรผลักดันอยู่ภายใน นั่นละท่านเรียกว่ากิเลส ตัวผลักดันอยู่ภายในให้อยากคิด อยากปรุง อยากแต่ง นั่นละมันดันออกมา ปรุง ๆ ดันออกมาให้คิดให้ปรุง ทางนี้ก็คิดเพลินไปตามมัน มันก็ยิ่งออก เรื่อย ๆ จึงต้องเอาความคิดที่เป็นธรรมตบเข้าไป ตีเข้าไป ทับเข้าไป มันอยากคิดทางกิเลสมาก ทางนี้ก็เอาธรรมเข้าบังคับ คิดทางธรรมให้มาก อันนั้นก็สงบลง ถ้าเราไม่คิดอย่างนี้ไม่ได้เลยนะ ตายกี่กัปกี่กัลป์ก็อยู่อย่างนี้
พระธรรมเทศนาโดย พระธรรมวิสุทธิมงคล หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน วัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี เมื่อวันที่ ๑๓ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๔๖
... - กราบนมัสการพ่อแม่ครูบาอาจารย์ สาธุเจ้าค่ะ - ขอขอบคุณภาพประกอบจาก internet ค่ะ
Create Date : 01 สิงหาคม 2556 |
|
0 comments |
Last Update : 1 สิงหาคม 2556 11:37:57 น. |
Counter : 835 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|
|