ข้อความ บทความ งานเขียน ที่ปรากฏอยู่ภายใน Blog แห่งนี้ ถือเป็น'ลิขสิทธิ์'ส่วนบุคคลของผู้เป็นเจ้าของบล็อค ห้ามมิให้ผู้ใด ทำซ้ำ คัดลอก ดัดแปลง หรือ นำไปเผยแพร่ต่อที่สาธารณะชน โดยเด็ดขาด ผู้ละเมิดจะถูกดำเนินคดีตาม'พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537'หรือกฎหมายมาตราอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

 
มีนาคม 2553
 
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
19 มีนาคม 2553
 

ความรัก [Love is...] : ตอนที่ 3 สมหวัง

ซองกระดาษเกือบสิบซองวางซ้อนกันอยู่บนโต๊ะทำงาน ของ “สมหวัง” พนักงานบริษัทเงินเดือนรายรับหมื่นต้นๆ แต่ดูท่ามูลค่าของรายจ่ายที่ระบุในใบทวงหนี้บัตรเครดิตหลายธนาคาร จ่ายขั้นต่ำรวมกันแล้วน่าจะเกินกว่ารายได้ที่ได้รับ

ลมหายใจที่ปล่อยยาว เป็นเรื่องธรรมดาของเขาผู้นี้ที่หายใจออกนานกว่าหายใจเข้า

สาเหตุสมหวังไม่อยากพูดถึง รู้แต่ว่าต้นเหตุเกิดจากความอยากรวย มีเงินอยู่ในธนาคารไม่ว่าดี ถอนออกมาลงทุน ในสิ่งที่ตนไม่ถนัด ไม่มีความรู้แท้จริง ที่สุดก็ล้มเหลว

ไม่พอบัตรเครดิตที่มีก็กดจนหมดเกลี้ยงเพื่อหามาโปะหนี้ส่วนต่างที่ติดลบ คิดจะหาทางล้างหนี้ แต่ยิ่งดิ้นก็ยิ่งพันคอ ติดลบมากกว่าเก่า คราวแรกยังแค่ในระบบ ไปๆ มาๆ นอกระบบก็ไม่เว้น เงินเดือนในแต่ละเดือนก็นำมาจ่ายได้แค่ดอกนอกระบบ

โทรศัพท์มือถือไม่ต้องพูดถึง เลิกใช้ไปนานแล้ว โทรศัพท์ที่ทำงานก็ไม่รับสายทวงหนี้ เพราะไม่มีจ่าย

ความเครียดเต็มพิกัด

สมหวังไร้พ่อแม่ ท่านจากเขาไปหลายปี ทิ้งมรดกไว้ไม่กี่แสน กับบ้านให้ซุกหัวนอนหนึ่งหลัง เงินก้อนนั้นหมดไปกับธุรกิจครั้งแรกแล้ว ลูกชายคนเดียวตอนนี้กำลังมืดมน คนไร้ญาติกำลังขาดที่พึ่ง

จะว่าไปแล้วยังไม่มืดมนเสียทีเดียว เพราะสมหวังมี “จันทร์แรม”
สายสัมพันธ์เส้นเดียวที่เขามี เขาคบกับแฟนสาวคนนี้ยาวนานพอสมควร จันทร์แรมเป็นลูกคนมีฐานะบ้านที่ต่างจังหวัดหลังใหญ่โต แต่เขาไม่เคยไปหรอก เพราะตั้งอุดมการณ์อันสูงส่งไว้ว่า

ถ้ายังไม่มีเงิน เขาจะไม่เสนอหน้าไปให้พ่อแม่ของจันทร์แรมเห็น วันที่จะเริ่มทำความรู้จักกัน วันนั้นเขาต้องเปลี่ยนสถานะเป็น “คนไม่มีหนี้” เสียก่อน

“มีปัญหาอะไรหรือเปล่า ทำไมหน้าเครียดเชียว” หญิงสาวผู้เพียบพร้อมเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง
(จะถามทำไมนักหนา ในเมื่อรู้ทั้งรู้ว่าผมเป็นหนี้ คนที่ไม่เคยเผชิญปัญหาอย่างคุณจะเข้าใจได้อย่างไร)
“…..”

“ถ้าเป็นเรื่องเงินอย่าคิดมากเลย เดี๋ยวช่วยกันหา” ตาที่ชำเลืองเห็นกระดาษทวงหนี้ ทำให้เดาทุกอย่างได้ไม่ยาก
(เราเกิดในครอบครัวที่แตกต่างกัน ผมเป็นเด็กกำพร้า เรื่องความอยู่รอดเป็นเรื่องใหญ่สำหรับผม แต่สำหรับคุณมันคงไม่ใช่)
“…..” สมหวังส่ายหน้าไม่ต้องการรับความปรารถนาดี

“ทำไมเดี๋ยวนี้เปลี่ยนไป ไม่ร่าเริงเหมือนก่อน”
(หนี้มันมากขึ้นนะคุณ จะให้ร่าเริงเหมือนเดิมได้ยังไง)
“…..” ชายหนุ่มถอนหายใจอย่างเอือมระอา

“ทุกคนต่างก็มีปัญหา ต้องสู้ อย่ายอมแพ้ แค่เป็นหนี้ยังไม่ได้ตายสักหน่อย”
(ทฤษฎีแบบนี้ใครก็พูดได้)
“…..”

“พอมีปัญหา ก็จมอยู่กับความทุกข์โดยไม่สนใจคนรอบข้างเลยนะ เรื่องหนี้สิน แรมไม่เคยสนใจว่าจะกี่แสนกี่ล้าน ช่วยกันหาช่วยกันใช้เดี๋ยวก็หมด”
(นั่นไง! ในที่สุดก็เผยความรู้สึกจริงๆ ออกมาแล้ว ตกลงคุณสนใจอะไรกันแน่ จะช่วยใช้หนี้หรือว่าอยากให้ผมสนใจคุณ รู้สึกว่าปากไม่ค่อยตรงกับใจเลยนะ)
(หากเป็นหนี้ไม่กี่หมื่น จริงที่ไม่นานก็ใช้หมด แต่ถ้าเป็นแสนเทียบกับเงินเดือนหมื่นต้นๆ หลายชาติก็ใช้ไม่หมด)

“ถ้ามันเกินกำลังมาก เดี๋ยวแรมยืมพ่อกับแม่ให้ เอาไหมล่ะ” ถึงแม้จะรู้ปัญหา แต่จันทร์แรมก็ไม่ทราบตัวเลขที่แท้จริง รู้แต่เพียงว่าจำนวนมากเท่านั้น
(ขนาดแก้ปัญหาแค่นี้ ยังต้องปรึกษาพ่อแม่ อยู่ด้วยกันไปจะแก้ปัญหาอะไรได้ คุณเป็นคนที่ไม่มีความเชื่อมั่นอะไรเลย ผิดกับผมที่แก้ปัญหาตามลำพังมาตลอดชีวิต)
“…..”

จุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์เกิดจากความใกล้ชิดในที่ทำงาน พนักงานหนุ่มไฟแรงผู้มุ่งมั่นในทุกๆ เรื่อง กับสาวน้อยผู้เป็นที่รักของคนรอบข้าง สมกันอย่างกับกิ่งทองใบหยก ทั้งคู่ประทับใจซึ่งกันและกัน เพราะความคิดที่คล้ายกัน ทำให้บรรยากาศแรกเริ่มก็เป็นไปด้วยความหวานชื่น มีแต่เสียงหัวเราะและรอยยิ้ม แต่จะมีประโยชน์อันใด ถ้าการคบกันเป็นเพียงแค่การร่วมสุข แต่การร่วมทุกข์บกพร่อง

“พูดอะไรสักอย่างสิ เงียบไปก็ไม่เกิดประโยชน์หรอกนะ” หญิงสาวเริ่มมีอารมณ์เมื่อเห็นแฟนหนุ่มซึมกะทือ
“เราเลิกกันเถอะ”
(แก้ปัญหาได้อย่างหนึ่งแล้ว)

บรรยากาศในวันสิ้นเดือนอันแสนครึกครื้นในร้านสุรา ที่บรรดามนุษย์เงินเดือนทั้งหลายได้ปลดปล่อยกันอย่างเต็มที่ มีแต่เพียงสมหวังที่นั่งซึมกะทือ กระดกเหล้าด้วยอารมณ์ตรงข้ามกับสิ่งแวดล้อมรอบกาย

“ไอ้หวังกูไม่เข้าใจมิงจริงๆ กูเห็นมิงอมทุกข์มาเป็นเดือนแล้ว มิงเป็นอะไรนักหนา”
(การที่กูมีพฤติกรรมไม่เหมือนเดิม อยากอยู่เงียบๆ มันทำให้คนอื่นเดือดร้อนมากนักหรือ)
“…..” สมหวังยังนั่งเงียบ มือคลึงแก้วเหล้าไปมาอย่างครุ่นคิด

“ถ้ามิงยังเสียใจที่เลิกกับจันทร์แรม กูว่าเดี๋ยวมิงก็หาใหม่ได้ กูเห็นโต๊ะนั้นเขามองมิงอยู่”
(นี่ไงล่ะ นิสัยมนุษย์ ชอบผูกเรื่อง คิดหาเหตุผลที่ตนไม่มีทางรู้ สุดท้ายก็นำเสนอทางออกที่พอปัดปัญหาให้พ้นๆ ไป)
“…..”

“บ๊ะ! ไอ้นี่มันเงียบอย่างเดียวเลยเว้ย”
“…..” ไม่มีคำตอบจากชายหนุ่มที่บัดนี้ใบหน้าอันหล่อเหลาเสื่อมโทรมไปตามสภาพความเครียดจนไม่เหลือร่องรอย

“กูถามมิงจริงๆ เถอะ จันทร์แรมเขาก็ลาออกไปนานแล้ว มิงยังทำใจไม่ได้อีกเหรอ”
(คนเราไม่จำเป็นต้องรู้ทุกเรื่องก็ได้ โดยเฉพาะเรื่องที่คนอื่นกำลังเป็นทุกข์ ต่อให้ตอบอะไรออกไป มันก็ไม่มีอะไรดีขึ้น)
“…..”

“กูไม่เข้าใจ ถ้ามิงเสียใจอยู่อย่างนี้ ก็แสดงว่ามิงรักเขา แต่ทำไมไม่ให้เขาช่วยมิงวะ”
(มิงไม่เข้าใจหรอก มิงไม่เข้าใจ โลกนี้ไม่มีใครเข้าใจกู)
“…..”

“เฮ้ย! มิงพูดอะไรสักคำได้ไหมวะ กูเริ่มรำคาญแล้วนะ”
“ขอเพลงให้กูหน่อย” สมหวังยื่นกระดาษใบเล็กให้เพื่อน ข้างในมีชื่อเพลงที่เขาอยากฟังมากที่สุดในขณะนี้

ออกจากชีวิตฉันไปได้ไหม อย่าอยู่อย่าเสียเวลากับฉันได้ไหม
ไม่ใช่ไม่รักหรือไม่ต้องการ แค่หวังให้เธอ…ไปเจอสิ่งที่ดีดี
สิ่งที่สวยงาม…เจอคนที่เขาดีดี

ระหว่างทางที่เขากลับบ้าน สมหวังคิดถึงเรื่องราวในอดีตที่ผ่านมา สิ่งดีๆ ที่เขาเคยมีร่วมกับคนรัก ความรู้สึกมีอารมณ์ร่วมไปกับเนื้อหาของเพลงยังคงอยู่ น้ำในตาออกมาเอ่อตั้งแต่เมื่อไร เขายังรักจันทร์แรมอยู่ไม่ใช่หรือ? ตอนนี้เขาสับสนไปหมด สิ่งที่ทำลงไปถูกต้องหรือไม่?

ผิด เพราะวัดได้จากอาการเสียใจจนกระทั่งทุกวันนี้ ถูก เพราะไม่มีคำถามกวนใจ ที่ได้แต่ถามแต่ไม่มีทางออก

“พ่อหนุ่มจ้ะ ช่วยซื้อหน่อยเถอะจ้ะ” เสียงหญิงชราดังแว่วมาจากด้านข้าง เขาค่อยๆ หันไปตามต้นเสียง
(เงินกินข้าวแทบไม่เหลือ จะให้ผมซื้อได้อย่างไร)
“…..”

“ใบนี้ใบสุดท้ายแล้ว ยายอยากพาตากลับบ้าน วันนี้ลมแรงเชียว สงสัยตาจะหนาว สั่นระริกเชียว” หญิงขายล็อตเตอรี่ตระกองกอดคู่ชีวิตของเธอที่ขดตัวอยู่ในอ้อมอก ราวกับว่าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เธอก็จะไม่มีวันพลัดพรากไปจากคนรักของเธอ
“…..”

“พ่อหนุ่มพูดไม่ได้หรือจ้ะ”
“คุณตาเป็นอะไรครับ”
“ตาเป็นอัมพาต พรุ่งนี้ก็จะครบหนึ่งปีแล้ว ตอนแรกตาเป็นคนเลี้ยงยาย แต่ตอนนี้ยายมาขายล็อตเตอรี่เลี้ยงตา ตอบแทนความรักที่ตามีให้ยาย แต่ยังไม่ได้เสี้ยวเลยจ้ะ”

ชายหนุ่มยื่นเงินให้แทนคำตอบ ถึงตอนนี้น้ำตาที่เอ่อท้นเมื่อสักครู่ก็ร่วงรินเต็มสองข้างแก้ม น้ำตาแห่งความปลาบปลื้ม หรือความเสียใจกันแน่
เขาไม่อาจทราบได้

เข้าสู่กลางเดือนอันยุ่งเหยิง ทุกคนในที่ทำงานต่างมือเป็นระวิง บ้างก็รับโทรศัพท์เป็นพัลวัน บ้างก็วิ่งถ่ายเอกสารเพื่อเตรียมข้อมูลเข้าประชุม แต่ไม่ว่าจะยุ่งวุ่นวายสักเท่าใด สมหวังก็ไม่ตื่นเต้นไปตามสภาวะรอบข้างแม้แต่น้อย

“เฮ้ย! ไอ้หวัง มิงนั่งซังกะตายแบบนี้ งานมิงเสร็จหรือยังวะ”
“…..” สมหวังพยักหน้าแทนคำตอบ

“ให้มันจริงเถอะ กูไม่อยากเห็นหัวหน้ามายืนด่ามิง”
“…..”

“โอ๊ย! กูไม่อยากคุยกับมิงแล้ว ถามอะไรก็ไม่พูด ถามอะไรก็ไม่ตอบ”
“…..”

“กูอยากรู้จริงๆ ถ้าเขาเดินจูงมิงไปประหาร มิงยังจะเงียบแบบนี้ไหม”

“อาทิตย์หน้ากูมีนัดขึ้นศาล” สมหวังตอบโดยไม่สบตาเพื่อน
ในที่สุด บัตรเครดิตทั้งหลายต่างก็ยื่นฟ้อง นายสมหวัง โทษฐานที่เป็นหนี้แล้วไม่ยอมชำระตามกำหนดเป็นเวลาหลายเดือน คำตอบนี้ทำให้เพื่อนผู้คึกคักชะงักปากในทันใด

“เอาน่า! ปัญหาทุกปัญหามีทางออก สี่โมงแล้วนี่หว่า หวยออกแล้ว เดี๋ยวกูไปหาโพยตรวจหวยก่อนนะ ถ้าวันนี้ถูกหวยกูเลี้ยงเหล้ามิงเอง” หลังจากคะนองปากไปหน่อย เพื่อนตัวดีรีบหาช่องตีกรรเชียงหนีถูไถไปได้

สิบนาทีผ่านไป กัลยาณมิตรทำปากบุ้ยใบ้มาพร้อมกับกระดาษหนึ่งแผ่นในมือ

“ไอ้หวัง มิงดูสิ กูซื้อ 72 มันดันออก 27 เซ็งฉิบเป๋ง”

สมหวังก้มมองตัวเลขสลากกินแบ่งที่ออกประจำงวดวันที่ 16 พลางนึกขึ้นได้ว่าเขามีล็อตเตอรี่อยู่หนึ่งใบเช่นกัน เขาค่อยๆ เปิดกระเป๋าสตางค์แล้วคลี่ล็อตเตอรี่ขึ้นมาเทียบกับผลการออกสลาก

“อ้าว! มิงก็ซื้อเหมือนกันเหรอ ตรวจสิเผื่อถูก จะได้เลี้ยงเหล้ากูแทน”
(นั่นไง เห็นแก่เหล้าจริงๆด้วย)
“…..”

“โอ๊ย! น่าเสียดายจังเลย ถ้ามิงซื้อหวย ถูกสามตัวท้ายแล้วนะเนี่ย”
“…..” สมหวังนั่งนิ่งหน้าเครียดกว่าเดิมหลายเท่า

“แค่ตรวจล็อตเตอรี่ ทำไมมิงตั้งใจอะไรขนาดนั้นวะ”
“กูถูกรางวัลที่หนึ่ง สองล้านว่ะ”
สมหวังนั่งตัวสั่นอย่างไม่เชื่อตัวเอง ตอนนี้ภาพต่างๆ ที่เก็บกักไว้เริ่มผุดออกมาทีละภาพ ทีละภาพ แต่ภาพที่เห็นชัดที่สุด และฉายในมโนสำนึกของเขานานที่สุด นั่นคือ
“จันทร์แรม”

“กูมีเงินแล้ว กูมีเงินไปใช้หนี้เขาแล้ว กูได้อิสรภาพของกูคืนแล้ว”
“…..”

“มิงดูนี่สิ กูไม่ได้ตาฝาดใช่ไหม”
“…..”

“เดี๋ยวพอกูไปขึ้นเงิน กูจะเอาไปใช้หนี้ แล้วกูจะกลับไปหาจันทร์แรม”
“…..”

“เฮ้ย! มิงเงียบทำไมวะ ไม่ดีใจกับกูเหรอ พูดอะไรกับกูหน่อย”
ไม่มีคำตอบจากเพื่อนผู้แสนดี นอกจากซองสีชมพูที่ถูกหยิบออกมาจากลิ้นชัก

ข้างในมีข้อความว่า

งานมงคลสมรส ระหว่าง จันทร์แรม กับ…




 

Create Date : 19 มีนาคม 2553
0 comments
Last Update : 19 มีนาคม 2553 15:42:15 น.
Counter : 743 Pageviews.

 
Name
* blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Opinion
*ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet

เปริมี่1
 
Location :
นครราชสีมา Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




: Users Online
[Add เปริมี่1's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com