|
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 |
8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 |
15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 |
22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 |
29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
3 วิธี แปลเอกสารขอวีซ่าไปต่างประเทศ
สำหรับการเดินทางไปยังต่างประเทศ จำเป็นต้องเตรียมแปลเอกสารขอวีซ่า เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการขออนุญาตเข้าประเทศจุดหมายปลายทาง เอกสารขอวีซ่าและหนังสือเดินทางจำเป็นอย่างยิ่ง สำหรับการเดินทางไปยังต่างประเทศ เพราะจะใช้บอกถึงระยะเวลาที่เราสามารถอาศัยอยู่ภายในประเทศนั้นได้ในช่วงระยะเวลาจำกัด ซึ่งแต่ละประเทศจะมีเงื่อนไขการใช้วีซ่าที่แตกต่างกัน บางครั้งจำกัดจำนวนครั้งการใช้งานวีซ่า ดังนั้นวีซ่าจะมีหลายประเภท ขึ้นอยู่กับบความต้องการที่เราจะเดินทางไปยังประเทศนั้น เพื่อทำอะไร ท่องเที่ยว เรียนต่อ หรือทำงาน วีซ่าถือว่าเป็นหลักฐานเอกสารสำคัญในการขออนุญาตเข้าประเทศนั้นๆ สำหรับชาวต่างชาติที่มีความประสงค์จะเดินทางเข้าไปยังประเทศจุดหมายปลายทาง แต่สำหรับบางประเทศไม่จำเป็นต้องขอวีซ่า ก็สามารถเดินทางผ่านเข้าประเทศนั้นได้เลย ช่วยประหยัดเวลา และสะดวกสบาย เหมาะสำหรับสำหรับนักท่องเที่ยว แต่มีเงื่อนไข สำหรับประเทศที่ไม่ต้องขอวีซ่า จะจำกัดจำนวนวันที่เราสามารถอยู่ในประเทศนั้นๆ ยกตัวอย่างเช่น กัมพูชา เมียนมา ญี่ปุ่น สิงคโปร์ ไต้หวัน มัลดีฟส์ฮ่องกง เกาหลี และบราซิล
หนังสือเดินทางหรือพาสปอร์ต (Passport) ก็คือ บัตรประชาชนของนักท่องเที่ยวที่จำเป็นต้องใช้ยืนยันตัวตนก่อนเข้าประเทศนั้นๆ หนังสือเดินทางจะประกอบกันอยู่หลายหน้า ภายในเล่มจะมีข้อมูลแสดงรายละเอียดต่าง ๆ ของเรา อาทิ เช่น ชื่อ นามสกุล อายุ สัญชาติ ศาสนา อาชีพ พร้อมกับการลงลายมือชื่อของเรา ซึ่งกรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ จะเป็นผู้ที่ให้บริการออกหนังสือเดินทางให้กับเรา เท่านั้น ดังนั้นหนังสือเดินทางของเราจำเป็นที่จะต้องกรอกข้อมูลเป็นภาษาอังกฤษเท่านั้น เพราะจะต้องนำไปใช้ยังหลายประเทศทั่วโลก ข้อมูลรายละเอียดส่วนตัวของเราทั้งหมด จะต้องแปลจากภาษาไทยเป็นภาษาอังกฤษ ซึ่งเป็นภาษาสากลใช้กันทั่วโลก หลังจากที่ข้อมูลของเราเป็นภาษาอังกฤษอย่างถูกต้องแล้ว จะต้องผ่านการรับรองความถูกต้อง จากกรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศเท่านั้น ซึ่งก่อนจะผ่านขั้นตอนนี้ เราจะต้องมีการลงนามรับรองคำแปลถูกต้องจากผู้แปลภาษาที่เชี่ยวชาญ
3 วิธี แปลเอกสาร ให้ถูกต้องและรวดเร็ว 1.ใช้บริการแปลภาษาออนไลน์ Google Translate ซึ่งการแปลภาษาไทยเป็นภาษาอังกฤษด้วยตัวเอง อาจจะเหมาะสำหรับคนที่มีเวลาว่างค่อนข้างเยอะพอสมควร เพราะจะต้องมีพื้นฐานหลักไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ หรือ Grammar (แกรมม่า) วิธีนี้จะช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย แต่ต้องใช้ระยะเวลา และไม่แนะนำสำหรับผู้เริ่มต้นแปลเอกสาร เพราะอาจเกิดความผิดพลาด ส่งผลทำให้เอกสารแปลผิด จึงไม่คุ้มค่ากับเวลาที่เราสูญเสียไป จึงแนะนำให้ไปดูวิธีที่ 3 2. หาแบบฟอร์มแปลเอกสาร แปลจากภาษาไทยเป็นภาษาอังกฤษ เนื่องจากหนังสือเดินทางใช้เฉพาะภาษาอังกฤษในการกรอกข้อมูล ซึ่งภาษาอังกฤษเป็นภาษาระดับสากล ดังนั้นแบบฟอร์มรูปแบบการใช้คำศัพท์จึงมีความเหมือนกัน อาจจะต่างกันตรงข้อมูลและรายละเอียดส่วนตัวของเราเท่านั้น วิธีนี้เหมาะสำหรับผู้มีพื้นฐานภาษาอังกฤษในระดับค่อนข้างดี 3.ใช้บริการร้านรับแปลเอกสารที่มีผู้เชี่ยวชาญด้านภาษาอังกฤษ ซึ่งแน่นอนว่า คำถามแรกคือ แล้วเราจะเลือกใช้บริการจากร้านไหนดี ?? หากใช้บริการเป็นครั้งแรก ก็แนะนำว่า ควรเลือกร้านที่มีความน่าเชื่อถือ เพื่อให้เราเกิดความรู้สึกมั่นใจว่า จะได้รับงานแปลที่มีคุณภาพและตรงเวลา ซึ่งเราสามารถนำราคางานแปลเอกสารของแต่ละร้านที่เราหาได้ มาทำการเปรียบเทียบราคาในเบื้องต้นก่อน เพื่อดูว่าความเหมาะสมและความคุ้มค่า และการติดต่อกับผู้ให้บริการแปลเอกสารจะต้องสะดวกและรวดเร็ว ซึ่งในปัจจุบันนี้จะพบว่า มีบริษัทและร้านรับแปลเอกสาร เพิ่มจำนวนขึ้น เนื่องจากผู้ใช้บริการส่วนใหญ่ ต้องการเดินทางไปยังต่างประเทศเพื่อ ท่องเที่ยว เจรจาทำธุรกิจ รวมถึงการศึกษาต่อในต่างประเทศ ด้วยความก้าวหน้าของเทคโนโลยีและการสื่อสารที่มีความรวดเร็ว ทำให้การแปลภาษาเป็นเรื่องง่าย
Create Date : 24 มีนาคม 2563 |
|
0 comments |
Last Update : 24 มีนาคม 2563 15:02:27 น. |
Counter : 923 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|
|