สามก๊ก ตอน ศึกผาแดง กับความรู้ทางการบริหาร
สามก๊ก ตอน ศึกผาแดง

ความรู้ทางการบริหารที่ได้จากเรื่องสามก๊กนี้ เปรียบเสมือนองค์กรหนึ่ง ซึ่งแต่องค์กรก็มีผู้นำและแนวทางในการจัดการบริหารองค์การที่แตกต่างกันไป ทำให้เราเห็นข้อดี ข้อเสีย ขององค์กรต่างๆได้อย่างชัดเจนมากขึ้น

โจโฉผู้นำแห่งวุยก๊ก เน้นเรื่องการบริหารคน โดยเฉพาะการคัดเลือกคนที่มีความสามารถ จัดให้เหมาะกับงานที่มอบหมาย ถือที่ว่า “ไม่ว่าแมวขาว แมวดำ จับหนูได้ก็เป็นแมวที่ดีทั้งนั้น” เขาพิจารณาบุคลากรจากความสามารถ โดยมิได้มีอคติต่อภูมิหลัง ขอเพียงคนผู้นั้นมีความสามารถตามที่ต้องการ โจโฉย่อมเปิดโอกาสให้แสดงฝีมือเต็มที่อย่างแน่นอน บุคคลากรที่มีคุณภาพจึงเปรียบเสมือนทรัพยากรสำคัญขององค์กร จึงจัดเป็นปัจจัยที่สำคัญอย่างหนึ่งในการบริหารงาน เพราะบุคลากรเป็นผู้จัดหาและใช้ทรัพยากรบริหารอื่นๆ โดยมีภารกิจหลัก ได้แก่ การวางแผนทรัพยากรมนุษย์การกำหนดงานหรือออกแบบงาน การวิเคราะห์งาน การสรรหา การคัดเลือก การประเมินผลพนักงาน การฝึกอบรมและพัฒนา ค่าตอบแทน สุขภาพและความปลอดภัย ดังนั้น จึงเป็นหน้าที่ของผู้บริหารทุกระดับที่จะต้องรับผิดชอบต่อการจัดการทรัพยากรมนุษย์

โจโฉวัดคนที่ผลของงาน รู้ความสามารถของลูกน้องทุกคนเป็นอย่างดี เป็นเจ้านายที่มีจิตวิทยาในการจัดการลูกน้องสูง รู้ว่าลูกน้องต้องการอะไรมีการให้รางวัลเป็นสิ่งตอบแทนตามหลักความต้องการของมาสโลว์ พูดจาเปิดเผยตรงไปตรงมา แต่ วู่วาบใจร้อน อารมณ์แปรปรวนง่าย คนในองค์การจึงมีความหวาดระแวงในตัวผู้นำแบบเผด็จการ เพราะรวมอำนาจการตัดสินใจอยู่ที่โจโฉเพียงคนเดียว

ส่วนเล่าปี่ผู้นำแห่งจ๊กก๊ก ใช้การกระจายอำนาจ (Empowerment) เป็นหลักการบริหาร โดยเล่าปี่แสดงความสัมพันธ์กับผู้ใต้บังคับบัญชา โดยตั้งอยู่บนพื้นฐาน “ความไว้เนื้อเชื่อใจกัน” ราวกับเป็น “คนในครอบครัวเดียวกัน” เช่น เล่าปี่วางใจให้ขงเบ้งรับผิดชอบดูแลบริหารจัดการกองทัพทั้งหมด หลังจากเชิญมาร่วมงานแล้ว ในช่วงเวลานี้ขงเบ้งจึงมีฐานะเปรียบเสมือนกับ CEO ของเล่าปี่

เสน่ห์ประจำตัวของเล่าปี่คือ ยึดมั่นในคุณธรรมและความถูกต้อง นี่เองที่ช่วยดึงดูดและรั้งคนเก่งๆมากมายมารวมกลุ่ม แม้จะมีกองทัพน้อยแต่ทุกคนก็พร้อมที่จะทำงานให้ด้วยความเต็มใจ ซึ่งต่างจากของโจโฉแม้ว่าจะมีลูกน้องมากมายเพียงใดก็ไม่อาจทำให้ลูกน้องไว้เนื้อเชื่อใจในตัวผู้นำได้ ซึ่งเปรียบได้กับบุคคลากรในองค์กรที่แม้ว่าจะมีน้อยแต่ทุกคนล้วนมีความสามารถ หัวใจของความสำเร็จอยู่ที่ทีมงานที่ดีและการประสานงานที่ดี ลูกน้องที่อยู่ด้วยไม่มีความหวาดระแวงในตัวผู้นำ ให้อิสระในการทำงานแก่ลูกน้องโดยที่ตนเองเป็นเพียงผู้สังเกตการณ์และสนับสนุน เป็นผู้นำที่มีความเป็นนักสู้ คือ ล้มแล้วต้องลุกขึ้นมาให้ได้ คนแพ้ได้แต่ใจอย่ายอมแพ้ คุณธรรมความดีที่ทำนั้นเป็นสิ่งที่ชนะใจคนได้

ซุนกวนผู้นำแห่ง ง่อก๊ก เป็นคนที่ยอมรับฟังความคิดเห็นจากผู้อื่นมาวิเคราะห์ตักสินใจ แต่ขาดความเด็ดเดี่ยวในการตัดสินใจ เนื่องจากได้รับแรงกดดันจากผู้เป็นพ่อและพี่ที่เก่ง จึงมีจิวยี่คอยให้คำปรึกษาและแนะนำในการตัดสิน มีการประสานความสามารถของคนรุ่นต่างๆ ได้อย่างลงตัว วัดคนที่ความสามารถ ไม่ถือรุ่น ถืออายุ รู้จุดเด่นจุดด้อยของลูกน้อง ส่งเสริมการพัฒนาตนเอง ยอมรับคำตำหนิจากลูกน้อง มีการแบ่งบทบาท อำนาจหน้าที่ (Authority) อย่างชัดเจน เห็นได้จากซุนกวนไม่ค่อยนำทัพออกลุยเองเหมือนกับเล่าปี่และโจโฉ แต่ทำหน้าที่ผู้นำทางบริหาร และตัดสินใจในนโยบายสำคัญของแคว้นอย่างเต็มที่มากกว่า

ขงเบ้ง “โดดเด่นด้านบริหารปกครอง” เน้นความถูกต้อง ความเสมอภาค และการทำงานเป็นทีมตามนโยบายขององค์กร รักษาหน้าที่ๆที่ได้มองหมายอย่างเคร่งครัด สุขุมรอบครอบ จึงไม่ใช่คนกล้าได้กล้าเสียแบบโจ ขงเบ้งรวบอำนาจการตัดสินใจไว้เพียงผู้เดียว โดยกระจายอำนาจให้กับผู้อื่น จนตนเองต้องตรากตรำทำงานหนัก เพราะขาด “ความไว้เนื้อเชื่อใจ” ในความสามารถของลูกน้องมากกว่า และไม่ปล่อยวางงานบางอย่างที่ไม่สำคัญมากนักให้ผู้ใต้บังคับระดับรองลงมาดูแล เพื่อแบ่งเบาภาระให้กับตนเอง

จากสามก๊กในตอนนี้ ยังแสดงให้เห็นถึงหลักการ POSDCORB คือการมารวมตัวเฉพาะกิจเป็นพันธมิตรกันเพื่อต่อสู้กับโจโฉ โดยมีขงเบ้งเป็นคนประสานงาน และรายงายความคืบหน้าต่างๆให้ทราบ และแสดงให้เห็นถึง ความอดทน เล่าปี่ผ่านสร้างตัวจากศูนย์ ล้มลุกคลุกคลาน พ่ายแพ้ในการรบครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ก็ยัง “ลุก” ขึ้นมาได้ตลอด อีกทั้งยังเปี่ยมด้วยคุณธรรม ที่มัดใจลูกน้องได้อยู่หมัด

ส่วนขงเบ้งทุ่มเทอย่างสุดความสามารถ ซื่อสัตย์ต่อหน้าที่ บริหารปกครองด้วยความยุติธรรม มิได้คิดคดทุรยศต่อเล่าปี่ แม้ว่าเขาจะมีอำนาจบัญชาการภายในจ๊กก๊กแต่เพียงผู้เดียว ภายหลังเล่าปี่สิ้นชีวิตไปแล้วก็ตาม
เป็นคนที่ยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่นเพื่อนำมาวิเคราห์ตัดสินใจ มีการประสานความสามารถของคนรุ่นต่างๆ ได้อย่างลงตัว วัดคนที่ความสามารถ ไม่ถือรุ่นถืออายุ รู้จุดเด่นจุดด้อยของ ยอมรับคำตำหนิจากลูกน้อง เพื่อพัฒนาตนเอง แนวทางการบริหารงานของซุนกวนแตกต่างจากผู้นำเผด็จการแบบโจโฉและแบบเล่าปี่ที่มีขงเบ้งเป็น CEo บริหารงานให้ แนวทางของซุนกวน มีการแบ่งบทบาท อำนาจหน้าที่ (Authority) อย่างชัดเจน เห็นได้จากซุนกวนไม่ค่อยนำทัพออกลุยเองเหมือนกับเล่าปี่และโจโฉ แต่ทำหน้าที่ผู้นำทางบริหาร และตัดสินใจในนโยบายสำคัญของแคว้นอย่างเต็มที่มากกว่า


จากทั้งสามก๊กที่กล่าวมาข้างต้นนั้น จะเห็นถึงภาวะความเป็นผู้นำที่แตกต่างกัน ย่อมมีแนวทางในการบริหารงานที่ต่างกันออกไป การที่ได้ลูกน้องดีๆ ได้คนเก่งๆ เข้ามาร่วมงานด้วยแล้ว อย่าละเลยคุณค่าของพวกเขาเหล่านั้น ที่จะเป็นแรงและกำลังสำคัญที่จะทำให้องค์การประสบความสำเร็จ






Create Date : 06 กันยายน 2554
Last Update : 18 ธันวาคม 2554 19:04:49 น.
Counter : 2851 Pageviews.

3 comments
  
เอาไป A+ เลยจ้า อิอิ
โดย: Nanatakara วันที่: 6 กันยายน 2554 เวลา:18:36:01 น.
  
เรื่องอื่นไม่ทราบค่ะ แต่ทราบว่าเวอร์ชั่นนี้ขงเบ้งหล่อที่สุดตั้งแต่เคยสร้างมา
โดย: กุยแก IP: 110.169.163.16 วันที่: 6 กันยายน 2554 เวลา:22:47:28 น.
  
ชอบครับ
โดย: เต้ IP: 183.88.75.55 วันที่: 17 สิงหาคม 2555 เวลา:15:09:26 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Pinkwinter
Location :
จันทบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



กันยายน 2554

 
 
 
 
1
2
3
4
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30