|
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 |
8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 |
15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 |
22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 |
29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
วัฒนธรรมคนอย่างทักษิณ : อ่านเพื่อปฏิรูปตัวเองก่อนที่ใครจะมาปฏิรูปบ้านเมืองของเราอีก
ผมได้หนังสือเล่มนี้มาตั้งแต่เมื่องานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ (ถ้าจำไม่ผิดคงเป็นเดือนเมษาใช่มั้ย?) แต่ได้มาหยิบอ่านจริงๆ ก็ก่อนจะเกิดเหตุรัฐประหารสักเดือนเดียวนี่เอง
จนเมื่อเกิดเหตุวันที่ 19 กันยายน ผมจึงได้กลับมาเปิดอ่านอีกครั้ง หลายๆ บทเป็นคำตอบของหลายคำถาม เช่น ที่บางคนออกมาบอกว่า การรัฐประหารครั้งนี้เป็นความจำเป็นที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะกระบวนการประชาธิปไตยของเราไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้แล้ว
ข้อดีอย่างหนึ่งของระบบที่เป็นประชาธิปไตยคือ เมื่อเกิดความผิดพลาดอย่างหนึ่งอย่างใด ระบบสามารถแกไขตัวมันเองได้ แน่นอนว่าไม่ใช่ทันทีทันใดแต่ต้องใช้เวลา...
...แน่นอนว่าในกระบวนการแก้ไขตัวเองนั้นย่อมมีความเจ็บปวดของคนบางกลุ่ม และไม่ราบรื่น..... (หน้าที่ 87)
และคำตอบที่ว่าทำไม เมื่อเกิดรัฐประหารแล้ว คนส่วนใหญ่ในสังคม สังคมที่บอกว่าเป็นประชาธิปไตย ถึงออกมาขานรับและเห็นด้วย อาจารย์นิธิก็ตอบไว้แล้วว่า
ในสภาพของความตึงเครียดอย่างสูงนี้ บางสังคมไม่เข้มแข็งพอจะรับได้ ก็จะเรียกร้องผลักดันให้อำนาจนอกระบบประชาธิปไตยเข้ามาจัดการ อำนาจดังกล่าวเป็นอำนาจดิบของกำลังอาวุธ หรืออำนาจทางวัฒนธรรม หรืออำนาจของฝูงชน หรือทั้งสามร่วมมือกันก็ได้ (หน้าที่ 87- 88)
เมื่อปรากฏการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น เมื่อประชาชนขานรับการฉีกรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนซะเอง เราคงต้องมาถามตัวเองอีกครั้งแล้วล่ะ ว่าประชาธิปไตยที่ลุกๆ ล้มๆ เกือบ 75 ปี นี้มันล้มเหลวจากอะไร บางคนโทษรัฐธรรมนูญ เปิดช่องให้เกิดฝ่ายบริหารที่มีอำนาจมากเกินไป
แต่คำตอบของอาจารย์นิธิ อาจจะทำให้เราทุกคนในสังคมต้องหน้าชา
สังคมไทยอ่อนแอเกินกว่าจะกำกับควบคุมและผลักดันในเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญฉบับนี้ (หมายถึงฉบับปี 2540) บรรลุผล พูดกันตรงๆ ก็คือการละเมิดเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญโดยรัฐ และองค์กรอิสระทั้งหลายรวมทั้งการละเมิดกฎหมาย การแทรกแซงองค์กรอิสระ รวมทั้งการสูญสิ้นเสรีภาพของสื่อ เกิดขึ้นท่ามกลางความรู้เห็นเป็นใจของสังคมไทย นั่นคือไม่ยอมลุกขึ้นมาเคลื่อนไหวต่อต้าน ร้ายไปกว่านั้นยังส่งเสริมในบางกรณีด้วยซ้ำ เช่น การฆ่าตัดตอนในสงครามยาเสพติด
คนกรุงเทพกลัวรถติดเสียยิ่งกว่าการที่ชาวบ้านซึ่งประท้วงรัฐถูกละเมิดสิทธิตามรัฐธรรมนูญ (หน้าที่ 135)
ถ้าหน้ายังไม่ชาก็อ่านต่อ
สังคมเช่นนี้หรือที่จะเป็นสังคมแห่งการปฏิรูปการเมือง สังคมเช่นนี้ใส่ใจต่อความแตกต่างระหว่างรัฐเผด็จการและรัฐประชาธิปไตยจริงหรือ ถ้ารัฐทั้งสองอย่างสามารถอำนวยความไพบูลย์ทางเศรษฐกิจให้แก่กระเป๋าได้เท่าๆ กัน (หน้าที่ 137)
ดังนั้นหลังจากการรัฐประหาร มีนายกคนใหม่แล้ว อีก 1 ปีจะมีรัฐธรรมนูญใหม่มาให้เราใช้กัน ใครที่คิดว่าจะทำให้อะไรๆ ดีขึ้นล่ะก็ ถ้าอ่านหนังสือเล่มนี้จบคงต้องคิดใหม่อีกสัก 18 ตลบ
พื้นที่ทางการเมืองของประชาชนจะมีแคบหรือกว้างไม่ได้ขึ้นอยู่กับรัฐธรรมนูญเท่ากับเจตนารมณ์ของสังคมเองว่าจะต้องการพื้นที่ทางการเมืองแคบหรือกว้าง ตราบเท่าที่สังคมยังขาดสำนึกถึงอำนาจของตัว ในการกำหนดวิถีชีวิตและการพัฒนาด้วยตนเอง ไม่ว่าจะเขียนรัฐธรรมนูญให้ก้าวหน้าอย่างไร ก็ไม่ทำให้สังคมนั้นก้าวเข้าสู่การปฏิรูปการเมืองที่แท้จริงได้ (หน้าที่ 135)
แต่ถึงอย่างไรมาถึงวันนี้เราผ่านการรัฐประหารไปแล้ว ที่ใครๆ บอกว่าเป็น แบบคลาสสิก ผมเองไม่รู้หรอกว่าแบบไม่คลาสสิกนั้นเป็นยังไง เพราะตั้งแต่เกิดก็เจอครั้งนี้เป็นครั้งที่สอง ที่ไม่ค่อยต่างจากเมื่อครั้ง รสช. เลย คือ ประชาชนส่วนใหญ่ ต่างต้อนรับและสนับสนุนผู้ทำรัฐประหาร และไม่มีการเสียเลือดเสียเนื้อ
เราคงต้องถามต่อว่า แล้วสังคมเราจะทำอย่างไรต่อไป ทำยังไงไม่ให้เกิดวงจรอุบาทว์ซ้ำซาก ได้รัฐธรรมนูญใหม่ใช้ไปสักพัก แล้วก็มาฉีกกันใหม่ แล้วเราจะทำอย่างไรกับสังคมที่เปลี่ยนไป จากผลของการบริหารประเทศแบบทักษิณ
อาจารย์นิธิ ได้ชี้ให้เห็นว่าเราจะไม่มีวันแก้ไขอะไรให้ดีขึ้นได้ถ้าเรายังมองเห็นแค่ทักษิณเท่านั้นที่เป็นต้นเหตุของปัญหา ในความจริงแล้ว ทักษิณ เพียงคนเดียวไม่สามารถทำให้ประเทศให้เละเทะได้ขนาดนี้ แต่สังคมเรามีคนอย่างทักษิณอยู่ไม่น้อยเลยต่างหาก และถ้าจะพูดไปแล้ว ในตัวเราเองทุกคนก็มีลักษณะ อย่างทักษิณปะปนอยู่ไม่มากก็น้อย
ลักษณะสำคัญของคนอย่างทักษิณ ที่อาจารย์นิธิเน้นมีอยู่สองส่วนคือ อำนาจนิยม
อำนาจนิยมไม่ได้หมายความถึงระบอบเผด็จการเพียงอย่างเดียว... หมายถึงความเชื่อว่าการจัดการที่มีประสิทธิภาพมีอยู่อย่างเดียว คือการใช้อำนาจเด็ดขาด
อำนาจนั้นจำเป็นแน่ครับ แต่อำนาจเด็ดขาดของเถ้าแก่ไม่เปิดโอกาสให้มีการไตร่ตรองจากหลายฝ่าย และด้วยเหตุดังนั้น คนอย่างคุณทักษิณจึงไม่ยอมรับการตรวจสอบ ไม่ว่าจะตรวจสอบโดยองค์กรตามรัฐธรรมนูญ หรือองค์กรประชาชน
การมองแต่อำนาจเป็นหนทางแก้ปัญหาทุกอย่างไปหมด จึงไม่ไดจำกัดอยู่กับทักษิณ แต่ฝังรากลึกอยู่ในวัฒนธรรมของคนชั้นกลางไทย (หน้าที่ 15-16)
ดังนั้นจึงต้องแปลกใจที่คนส่วนใหญ่จึงขานรับ การฆาตกรรมประชาชนในสงครามยาเสพติด
อีกส่วนสำคัญในทรรศนะของอาจารย์นิธิคือ เสรีนิยมใหม่ คำใหม่ที่ผมเพิ่งจะรู้จัก
คนชั้นกลางส่วนใหญ่เชื่อว่าควรให้โอกาสอย่างไม่อั้นแก่นักลงทุน เพราะผลกำไรของนักลงทุนจะทำให้บ้านเมืองเจริญ และคนอื่นๆ ก็จะได้ผลดีตามไปด้วย โอกาสที่ต้องเปิดให้นักลงทุนหมายถึงโอกาสที่นักลงทุนไปแย่งเอาทรัพยากรของชาวบ้านมาใช้ประโยชน์ โดยไม่จ่าย จ่ายไม่คุ้ม หรือเอาไปแฝงไว้ในงบประมาณแผ่นดิน ทั้งหมดนี้รัฐไม่ควรแทรงแซงเพื่อปกป้องประชาชน ถ้ารัฐจะแทรกก็คือแทรกเข้าไปตีหัวชาวบ้านที่ออกมาปกป้องทรัพยากรของชุมชน (หน้าที่ 17)
อีกข้อหนึ่งที่เป็นลักษณะที่ผมว่าโดดเด่นอีกข้อของ คนอย่างทักษิณ ในทรรศนะของผมก็คือ ความบ้าเงินบูชาเงิน ที่รัฐบาลนี้ปลูกฝังให้กับคนในสังคม
ปัญหาทุกอย่างแก้ไขได้ด้วยเงิน แก้ไขด้วยทุน รัฐบาลนี้จึงส่งเสริมทุกทางให้ประชาชนมีเงินถือในมือ พักหนี้ให้มีเงิน แปลงทรัพย์สินเป็นทุน แจกเงินตามโครงการกองทุนหมู่บ้าน ออกทัวร์นกขมิ้นพร้อมจะอนุมัติเงิน ให้โครงการต่างๆ ที่เสนอมา หวยแจ๊กพอต ก็ตั้งกันขึ้นมาให้ความหวังกับชาวบ้านที่จะมีเงินกับเขาสักที
และทุกครั้งที่มีโอกาส ท่านอดีตนายกไม่เคยพลาดที่จะแจกเงินสดๆ ให้กับประชาชน ไม่ว่าจะเป็นคนขายโอเลี้ยง ขายข้าวต้ม เด็กประถม ชาวนา วัฒนธรรมนี้แพร่ไปถึงทุกภาคส่วน ไม่เว้นกระทั่งพระเมื่อครั้งหนึ่งมีคนตั้งคำถามว่า จะทำอย่างไรเมื่อไม่มีพระภิกษุจำวัดใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ มีคำตอบหนึ่งว่า จะมีเงินเพิ่มพิเศษให้กับพระ ...
อาจารย์นิธิสรุปง่ายๆ เกี่ยวกับเรื่องเงินไว้ว่า
ผมจึงขอสรุปอย่างที่เคยสรุปไปแล้วว่า คนไทยปัจจุบัน "หน้าเงิน" เพราะเราต่างตกอยู่ใต้การครอบงำของวัฒนธรรมเศรษฐีใหม่ ฉะนั้นสังคมไทยจึงเป็นสังคมที่ไม่น่าอยู่สำหรับคนส่วนใหญ่ซึ่งไม่ใช่เศรษฐีใหม่ไปทุกที จนกว่าเราจะสำนึกในเรื่องนี้ และช่วยกันสร้างกระแสทางวัฒนธรรมเพื่อต่อต้านวัฒนธรรมเศรษฐีใหม่อย่างได้ผล
คุณทักษิณเป็นอดีตนายกไปแล้ว แต่คนอย่างทักษิณยังมีอยู่อีกมากมาย สังคมไทยจะเป็นอย่างไรต่อไป ไม่ได้อยู่ที่ใครคนใดคนหนึ่ง แต่อยู่ที่ทุกคน ไม่มีใครเป็นจำเลยให้กล่าวโทษอีกแล้ว หันมามองตัวเราเองสักทีเราเองเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้สังคมเป็นเช่นวันนี้ อย่างน้อยก็ขอขอบคุณคณะปฏิรูป ต่อไปนี้จะได้เลิกโทษทักษิณกันสักที แล้วหันมาปฏิรูปตัวเองกันสักที
ขอให้ทุกคนรู้ไว้ สังคมดีๆ ไม่มีขาย อยากได้ต้องช่วยกันทำ .......................................................................... ข้อมูลหนังสือ วัฒนธรรมคนอย่างทักษิณ ผู้เขียน นิธิ เอียวศรีวงศ์ สำนักพิมพ์ มติชน พิมพ์ครั้งแรก เมษายน 2549 ราคาปก 160 บาท
Create Date : 09 ตุลาคม 2549 |
|
0 comments |
Last Update : 10 ตุลาคม 2549 17:57:59 น. |
Counter : 939 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|
|