พฤษภาคม 2552
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
1 พฤษภาคม 2552

หนังสือของดังตฤณ กับมุมมองอีกแบบนึง

วันนี้ขอเอาหนังสือของคุณดังตฤณที่ได้อ่านมาลองพูดคุยกันดีกว่า เริ่มจากเรื่องฮิต คือเสียดาย...คนตายไม่ได้อ่าน

เรื่องแรก เสียดาย...คนตายไม่ได้อ่าน
เรื่องนี้เริ่มจากชื่อเรื่องเป็นอันดับแรก ทำให้เกิดความรู้สึกว่า เฮ้ย มันจะขนาดนั้นเลยเหรอ ต้องเสียดายกันเลยหรือที่ไม่ได้อ่าน ดังนี้ ภาตะวันจึงขอหยิบมาอ่านดีกว่า ก่อนที่จะตายไปแล้วเสียดายไม่ได้อ่าน

แต่พออ่านๆไป ในเรื่องนี้จะมีการบอกเป็นบทๆ ไว้เกี่ยวกับเหตุผลของการเกิด หรือเหตุผลการการหน้าตาดี หน้าตาสวย ซึ่งบอกตรงๆ ว่า บางทีอ่านแล้วก็อึ้งๆ เนื่องจากมันไม่สามารถพิสูจน์ได้ด้วยวิทยาศาสตร์ คาดว่าผู้เขียนอาจจะอ่านหนังสือพระไตรปิฎกมาเยอะ จึงได้เอามาเรียบเรียงให้ทราบกัน


ก็ถือว่าเป็นการเปิดมุมมองใหม่ๆ แต่ไม่รู้ว่าเป็นจุดอ่อนหรือจุดแข็งของหนังสือเล่มนี้นะ ที่ทำให้เราอ่านแล้วรู้สึกว่า บางทีสิ่งที่พิสูจน์ไม่ได้ ด้วยระดับญาณสมาธิของเราไม่ได้ถึงขั้นนั้น เราไม่สามารถรู้ได้จริงๆว่าวิบากกรรมในชาติก่อนของตนเองคืออะไร นั่นทำให้เรารู้สึกโคมลอยมากกับข้อความในหนังสือ ไม่ใช่ไม่เชื่อนะ เพราะเราก็เป็นพุทธศาสนิกชนคนหนึ่ง

เพียงแต่ข้อความมันออกจะเป็นสิ่งที่ยากพิสูจน ซึ่งคนเขียนอาจจะรู้ เพราะด้วยบารมีการทำสมาธิ แต่กับคนอื่นล่ะ เราคิดว่าการรู้สิ่งที่ไม่สามารถแก้ไขได้ มันอาจจะทำให้จิตใจคนอ่านเกิดอาการหดหู่ เศร้าหมอง จนบางทีไม่อยากทำอะไรเพื่อตัวเอง เพียงเพราะคิดว่า ทำไปก็เท่านั้น เดี๋ยววิบากกรรมมันก็เล่นงานต่อ

เรื่องนี้อ่านแล้วรู้สึกเฉยๆ มาก ไม่ใช่แนวมั้ง แต่ก็นับเป็นอีกมุมมองนึงที่คนอ่านอย่างภาตะวันไม่ทราบมาก่อน จึงถือว่าเป็นหนังสือที่เปิดความรู้ใหม่ๆ มากกว่า แต่ถามว่าควรไปสนใจกับสิ่งที่ทำให้ชีวิตเกิดมาเป็นผู้หญิง หรือหน้าตาห่วยแตกไหม อันนี้ไม่ควรไปสนใจค่ะ แม้แต่การตั้งคำถามก็ไม่ควรตั้งด้วย เพราะนั่นเป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ เราควรมีสติ และทำปัจจุบันให้ดีที่สุดมากกว่า


เรื่องที่สอง รักแท้มีจริง
เรื่องนี้เป็นอีกเรื่องที่ได้อ่านค่ะ ค่อนข้างโอเคสำหรับคนที่กำลังมีความรัก มีหลายแง่มุมในการพิสูจน์ใจคนรักว่าเรากับเขาเป็นคู่แท้กันรึเปล่า ถึงแม้คนอ่านอย่างเราจะไม่เคยผ่านจุดรักแบบนั้น (ไม่รู้บุญหรือบาปนะ) แต่บางคำที่คมๆ ในเรื่องนี้ ทำให้เราอดอ่านซ้ำไม่ได้เช่น

หากรักคนมีเจ้าของ ให้มองที่เท้าของเขา (มองให้รู้ว่าเรากำลังใฝ่ต่ำอยู่ไง โอ้โห คิดได้นะ ชอบจัง)

บางครั้งอ่านแล้วเกิดความน่าสะพรึงกลัวเล็กๆ เพราะไม่รู้ว่าคู่ที่อยู่กับเรา หรือคู่ในอนาคตที่เราจะเจอ มันเป็นผลมาจากวิบากกรรมรึเปล่า หรือแม้แต่เรื่องการชวนคนรักเข้าทำบุญ แล้วเกิดเหตุการณ์ที่ไม่สอดคล้องกัน ตรงนี้ก็เป็นสิ่งนึงที่จะพิสูจน์ได้ว่า เรากับเขาเป็นคู่กันจริงๆ หรือไม่


แต่ก็อย่างที่บอกไว้ เรื่องนี้อ่านให้อินจัดๆ ควรเป็นที่เคยมีประสบการณ์ความรักมา น่าจะเหมาะกับคนอ่านมากกว่า เราจึงขอบายไป


เรื่องที่สาม กรรมพยากรณ์ ตอนชนะกรรม
เรื่องนี้เป็นนิยายอิงธรรมะ เกี่ยวกับผู้หญิงคนนึงที่ชื่อลานดาว เธอเกิดมาเป็นคนสวย หน้าตาดี ฐานะดี แต่ทำไมในชีวิตของเธอจึงไม่เคยเจอผู้ชายที่ทำให้เธอรู้สึกชอบพอได้ เธอจึงได้ไปหาหมอดู ซึ่งพ่อหมอใช้วิธีการดูดวงแบบสัมผัสกรรม ผลของการทำนายจะเป็นเช่นไร และชีวิตของเธอจะเป็นไปตามคำทำนายร้ายๆ นั้นหรือไม่ ตรงนี้ต้องลองอ่านดูค่ะ

เรื่องนี้อ่านแล้วรู้สึกว่าสนุก แม้จะมีบางตอนที่เกิดอาการเบื่อ คงเป็นเรื่องของการทำสมาธิ รวมถึงเกี่ยวกับการอธิบายเรื่องศีลต่างๆ ส่วนในแง่รายละเอียดอื่นๆ อ่านแล้วอึ้งๆ เนื่องจากกำลังมึนที่แต่ละคนในเรื่องล้วนมีสมาธิแก่กล้า สามารถสัมผัสถึงสมาธิหรือญาณได้ภายในเวลาปีเศษ ทำให้หลังๆ รู้สึกหวือหวามากไปหน่อย หากส่วนอื่นๆ ในเรื่องนี้ เรากลับชอบวิธีการมองปัญหาและการดึงสติมาแก้ไขมากกว่า บางคำมีข้อคิดในการช่วยให้เราตัดสินใจได้ว่า ถ้าเราเจอสถานการณ์แบบนี้ เราจะทำอย่างไร ทำเหมือนกับตัวละครในเรื่องรึเปล่า

มีอยู่ตอนนึงที่เราชอบคือ การซื้อของทำบุญถวายพระ เคยมีข้อถกเถียงในใจเรามานานแล้วว่า เวลาที่จะทำบุญซื้อปัจจัย เราจะเลือกอย่างไร หากเป็นเมื่อก่อน เราจะพยายามซื้อให้ครบ เลือกของที่ดี ที่เราชอบกิน หรือที่เราใช้อยู่นี่แหละ และอย่างอื่นๆ ที่ยังไม่เคยใช้ แต่คิดว่าพระสงฆ์น่าจะควรฉัน เช่นน้ำปาณะต่างๆ เราจะดูว่าวงเงินในกระเป๋าเรามีพอซื้อได้เท่าไหร่ บางทีอาจจะหยิบสิ่งที่ราคาถูกกว่า เพื่อให้ได้ปริมาณของตามที่ต้องการ

แต่ในเรื่องนี้กลับทำให้เราได้คิดอะไรบางอย่างนะ การทำบุญแบบที่เราทำ มันใช่เป็นการเลือกสิ่งที่ดีที่สุดจริงหรือเปล่า เอาไปคุยกับเพื่อนยิ่งแล้วใหญ่ เพื่อนบอกว่าเราควรดูกำลังทรัพย์ในกระเป๋าด้วย การทำบุญไม่ใช่ทำให้เกินกำลัง ซึ่งมันก็จริง แต่มันพูดมาแนว เลือกไปเหอะ เอาให้ได้ตามจำนวนเงินที่ตั้งไว้ละกัน ซึ่งตอนนี้เรากลับคิดว่าสิ่งนี้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่

ต่อแต่นี้ไป หากจะทำบุญสักครั้ง เราคงเลือกแต่ของที่เราคิดว่าดีที่สุด และถึงแม้จะตังค์หมด ก็ทำไปเท่าที่เรามีกำลังทำ น่าจะดีกว่าไปเลือกของที่เราไม่เคยกิน ไม่เคยรู้ว่าดีรึเปล่า แต่สักแต่ว่ามันถูก และได้ปริมาณมากๆ นะ T____T



เรื่องที่สี่ กรรมพยากรณ์ ตอนเลือกเกิดใหม่
เรื่องนี้เป็นนิยายอิงธรรมะ เกี่ยวกับเด็กหนุ่มที่เป็นอัจฉริยะทางคอมพิวเตอร์...จองฤกษ์ กับความรู้ความสามารถของเขาที่อาจจะสร้างความน่าสะพรึงกลัวให้โลก ด้วยเขาเป็นโปรแกรมเมอร์ที่เก่งมาก สามารถแฮกค์ระบบต่างๆ ได้ แต่การกระทำของเขานั่นจะทำให้เขาได้รับผลกรรมอย่างไร มีใครที่เดือดร้อนเพราะการกระทำที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ของเขามากน้อยแค่ไหน ตรงนี้คือสิ่งที่รอคนอ่านตามไปพิสูจน์กันต่อไปค่ะ

เราชอบตอนนี้มากกว่าตอนชนะกรรมค่ะ อาจจะเป็นเพราะเราชอบเรื่องราวของเพื่อนจองฤกษ์ที่ชื่อพฤหัส แต่สำหรับเรื่องประเด็นการแฮกค์ เราคิดว่ายังมีจุดอ่อนอยู่หลายส่วน พอดีเราก็เป็นคนหนึ่งที่อยู่ในแวดวงนี้ จึงอ่านแล้วรู้สึกเว่อร์นิดหน่อย


แต่สำหรับประเด็นของคู่เวรคู่กรรมในเรื่องนี้สิ น่าสนใจค่ะ เป็นเรื่องที่อ่านจบแล้ว หากลองไปอ่านรักแท้มีจริง จะพบว่ามีหลายส่วนสัมผัสกันอยู่ อ่านแล้วทำให้เรากลับไปอ่านเรื่องรักแท้มีจริงได้ชัดเจนขึ้น โดยสรุปสำหรับนิยายทั้งสองเรื่อง ก็ขอสรุปตามความรู้สึกอย่างนี้นะคะ


คำตอบตัวเดียวในหนังสือที่คิดออกคือ สติเป็นตัวกุศลใหญ่มาก สามารถหยุดวิบากกรรมต่างๆ ให้มาถึงเราได้อย่างลำบากขึ้น และเป็นตัวนึงที่จะทำให้คนเรามีวิบากกรรมที่ดีต่อไปในอนาคต ในเรื่องมักจะพูดถึงการเปลี่ยนแปลงจากการตัดสินใจ แต่ไม่ค่อยมีคำว่าสติเท่าไหร่ ในเรื่องเพียงแต่บอกว่า ต้องตั้งในกุศลดี และแรงพอที่จะหยุดวิบากกรรมได้ แต่จริงๆ เราคิดว่ามันคือสติสัมปชัญญะมากกว่า หากเรามีสติครองตัวได้ รู้เนื้อรู้ตัว ไม่ตกอยู่ในตัวคิด หรืออารมณ์ เราก็จะไม่มีวันก่อกรรมชั่วในปัจจุบันเพื่อเร่งวิบากกรรมในอดีตให้กลับมาเร็วขึ้น


ข้อคิดเห็นนี้ เป็นเพียงความคิดส่วนบุคคลนะคะ





Create Date : 01 พฤษภาคม 2552
Last Update : 1 พฤษภาคม 2552 12:35:55 น. 0 comments
Counter : 204 Pageviews.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ภาตะวัน
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ภาตะวัน แปลว่า ผู้ยิ่งใหญ่ดุจดวงอาทิตย์
[Add ภาตะวัน's blog to your web]