ชีวิตที่ต้องสู้ สู้ ">,<"
Group Blog
 
 
พฤศจิกายน 2553
 
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
1 พฤศจิกายน 2553
 
All Blogs
 

เริ่มต้นกับการอยู่คนเดียวอีกครั้ง ภาค 1

อ่า.... ก่อนอื่นเลยต้องขอขอบคุณน้องหนิงที่พลักดันให้เราได้มีโอกาสไฮโซ เปิด bloggang กะเค้าบ้าง (อิอิอิ จริงๆ แล้ว เค้าเรียกว่าเลียนแบบอ่ะ แต่พูดให้มันดูดีเฉยๆ)

ตอนนี้รู้สึกอยากหาที่ระบายอารมณ์ เนื่องจากพูดกับตัวเองมาหลายเดือนล่ะ (คนเค้าเริ่มจะว่าเราบ้าแล้ว) อ่า...เริ่มอยากจะรู้ล่ะสิว่า บ้าเรื่องไร อิอิอิ...

จริงๆ แล้วมันเป็นเรื่องที่น่าเศร้าสำหรับเราอ่ะน่ะ แต่แค่ได้มานั่งพิมพ์นั่งเขียนให้คนอื่นร่วมเศร้าด้วย มันก็จะดีมิใช่น้อยเลยล่ะ คืออย่างนี้เราเพิ่งเป็นหม้าย แต่หม้ายประเภทสามีเสียน่ะ มิใช่สามีไปมีกิ๊ก เราเริ่มต้นเป็นหม้ายเมื่อวันที่ 4 สิงหา 2553 เวลาโดยประมาณก็ บ่ายกับอีกยี่สิบนาที คืออย่างนี้ต้องเท้าความก่อน เรากะสามีแต่งงานกันมาได้ประมาณแปดปีแล้ว แต่ยังไม่มีลูก เรารักกันดี แต่มิใช่ความรักประเภทจี๋จ้า ที่รัก หรือตัวเองอะไรเทือกนั้น เราเป็นประเภทไปไหนไปด้วยกัน กินอะไรกินด้วยกัน อดก็อดด้วยกัน เหนื่อยก็เหนื่อยเหมือนกันไม่มีกินแรงกันและกัน สรุปคือเราคบกันมาแบบเพื่อน และเราเข้ากันได้ดี และเหมือนกันเกือบทุกเรื่อง เห็นเราที่ไหน ก็เห็นเค้าที่นั่น เราเลยตกลงมาแต่งงานกัน ฉะนั้นความสัมพันธ์ของเราจึงเริ่มจากเพื่อนและความเข้าใจกันเป็นหลัก เค้าเป็นคนแข็งนอกอ่อนใน แต่เราเป็นคนอ่อนนอกแต่แข็งใน 555+ งงล่ะซิ

ตั่งแต่คบกันและตกลงกันเป็นแฟน ทุกวันตอนสี่ทุ่มพ่อเจ้าประคุณก็ต้องปั่นจักรยานหรือซิ่งแมงไปซื้อไมโลและโค้กมาให้กินก่อนนอนทุกวัน จนกระทั่งแปดปีผ่านไป พร้อมกับสะตอ (ชื่อหมาที่เลี้ยงมาด้วยกัน) เอามาเลี้ยงสมัยอินเลิฟกันใหม่ๆ ก็แปดขวบด้วย และนี่เป็นสิ่งเดียวที่เราภูมิใจที่สุดคือ "ครอบครัวของเรา" และเราจะมีคำเรียกแทน ครอบครัวของเราว่า Dark family เพราะเราตัวดำกันทั้งบ้าน และเค้าก็ยังแทนตัวเองว่า "พ่อ" กับเราทุกครั้งเพื่อแสดงถึงความรักและครอบครัว (อย่าเพิ่งเข้าใจผิดน่ะ เราอายุเท่ากัน) นี่ล่ะคือสิ่งที่เราภูมิใจ และชะล่าใจในเวลาเดียวกัน

เรามีความสุขทุกวัน แต่แล้วในวันหนึ่ง เราสองคนออกไปข้างนอกเพื่อไปทำธุระด้วยกันนั้น เราไม่มีโอกาสได้รู้เลยว่า วันนั้นเค้าจะไม่กลับมาบ้านกับเราอีกแล้ว วันที่เค้าได้จากเราไปนั้นเป็นวันพุธ เราไปธุระโดยลางานไปด้วยกัน เอาอีมดแดง (รถ off-road สุดรักของเค้า)ไป พอดีว่าไฟท้ายเสีย แต่เราได้เอารถเข้าไปจอดในซองจอดรถหน้าบริษัทที่เราไปทำธุระแล้วนั้น เค้าก็ลงไปนั่งยองๆ ซ่อมไฟรถที่ท้ายรถ อยู่ในซองจอดรถ แล้วเราก็เข้าไปทำธุระข้างใน ยังไม่ทันถึง 5 นาทีที่ได้จากกัน เราได้ยินเสียง ตู้ม เลยหันไปดู เห็นรถเราล้อยกสูงขึ้นข้างหนึ่ง อีกข้างมีสามีเรานั่งอยู่ เราเลยวิ่งออกไปดูว่ารถเราเป็นอะไรไหม เพราะเห็นสามีนั่งดูใต้ท้องรถอยู่ แต่พออ้อมไปถึงตัวเค้า ปรากฎว่าเค้าไม่ใช่คนแล้ว เค้าไม่ได้นั่งดูรถ แต่เค้าคอหักห้อยอยู่กับรถ เรา เรา ณ.เวลานั้นสมองขาวโพลง และคิดแต่ว่าไม่จริง มันเป็นเพียงความฝัน ฝัน และฝัน ร้องเหมือนคนบ้า แต่ไม่มีน้ำตา เราวิ่งวนรอบรถ วิ่งมาหาเค้า งัดเค้าลงมานอนกับพื้น และยกเค้ามากอดในอ้อมกอด เค้ายังตัวอุ่นๆ อยู่ แต่เสียตรงที่ว่าเค้าไม่มีลมหายใจแล้ว เราไม่เคยเห็นคนตาย แต่ไม่เคยคิดว่าจะมาเห็นกับคนที่เรารักในสภาพนี้ มันทำให้เราช๊อค เราโทรหาพ่อ เราโทรหาแม่ เราโทรหาญาติเค้าที่ใต้ ให้มาช่วยเรา เราวิ่งวนอยู่อย่างนั้นเหมือนหมาวนรถ ไม่มีใครเข้ามาช่วยเราเลย เลือดเค้าเต็มตัวเรา แต่เค้าไม่มีบาดแผลเลยน่ะ มีแต่ที่คอและตาที่ออกมาอยู่ข้างนอก สภาพเค้าทำให้เราใจสลาย เรารู้แล้วว่าใจสลายเป็นอย่างไง เราเริ่มร้องไห้ ร้อง ร้องแบบไม่อายใคร ร้องแบบไม่เป็นภาษาคน ร้องแบบไม่เสียดายน้ำตา ร้อง ร้อง และร้อง วินาทีนั้นถ้าเราย้อนกลับได้ เราอยากเป็นเค้าเสียเอง เพราะเราทนไม่ได้กับการที่เค้าจากไป และทนไม่ได้กับการต้องอยู่คนเดียว ทนไม่ได้กับการต้องมาเผาศพคนที่เรารัก ทั้งๆ ที่เรามีสัญญากันมากมาย เราเกี่ยวก้อยสัญญากันทุกครั้ง ครั้งสุดท้ายคือเราสัญญาว่าจะไปเที่ยวคลองมะเดื่อ ไปกางเตนท์นอนในป่ากันในวันแม่ แต่แล้วไหนล่ะสัญญา ไหนล่ะคนที่จะพาเราไป ไหนล่ะ... เราเพิ่งกินกาแฟสดด้วยกันอยู่แท้ๆ เรายังไม่ได้กินข้าวกันเลยตั้งแต่เช้า ทำไม...

เราได้มารู้หลังจากนั้นอีกสองชั่วโมงต่อมาว่า คนที่ชนสามีเราเสียชีวิตคาที่นั้นเป็นคุณลุงอายุก็ประมาณ 64 ปีแล้ว แกเอารถคนอื่นมาขับและรถแบตเตอรี่เสื่อม ต้องเข็นเพื่อกระตุก พอรถติดก็กระโดดขึ้นรถเหยียบคันเร่งพุ่งเข้าชนรถเราและเสยเอาสามีเราเข้าไปติดใต้แหนบรถข้างหน้า ที่ได้รู้เพราะต้องไปโรงพักและเค้าสอบสวน คนที่ชนพอแกชนเสร็จ แกรอดูผลงานแกว่าได้ทำอะไรลงไปแล้ว แกก็ได้สติหนีเลย แต่วาสนายังเข้าข้างที่พี่ยามที่นั้นไปตามจับมาให้ได้ เลยได้รู้ว่าใครมันที่มาเอาชีวิตอีกครึ่งของเราไป

ทุกวันนี้ แม้ผ่านมาได้ เกือบจะร้อยวันแล้ว แต่เราก็ยังไม่สามารถทำใจให้ยอมรับได้ เรายังร้องไห้ทุกวัน เรายังนอนไม่หลับทุกวัน เราไม่เคยนอนคนเดียวมาแปดปีแล้ว แต่ทุกวันนี้เราต้องทำอะไรด้วยตัวเอง เรายังเฝ้าคิดถึงเค้า คนที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีของเรา อ่า... ยิ่งพิมพ์ ยิ่งเศร้า วันนี้ขอตัวก่อนดีก่า พิมพ์ต่อคงไม่ได้แล้ว

เด๋วจะกลับมาเล่าถึง trip off road กันบ้างดีก่า คราวหน้าน้า

นี่ล่ะ การได้เริ่มกลับมาอยู่คนเดียวอีกครั้งงงง




 

Create Date : 01 พฤศจิกายน 2553
4 comments
Last Update : 2 พฤศจิกายน 2553 20:37:24 น.
Counter : 401 Pageviews.

 

สู้ๆ ค่ะ เป็นกำลังใจนะคะ

 

โดย: pennoom 3 พฤศจิกายน 2553 18:01:36 น.  

 

เวลาจะช่วยให้ดีขึ้นนะคะ

 

โดย: iamnerisa 3 พฤศจิกายน 2553 22:00:50 น.  

 

เป็นกำลังใจให้นะคะ อ่านแล้วเศร้าจัง เข้มแข็งมากๆ

 

โดย: sugarhoney 7 พฤศจิกายน 2553 23:42:25 น.  

 

อ่านเนื้อหาอื่นก่อนมาอ่านบทแรกนี้ ขอบอกว่าอ่านบทนี้แล้วน้ำตาซึมเลย คุณเป็นคนเข้มแข็งมากๆ ขอให้สู้ต่อไปนะครับ เอาใจช่วย ^^

 

โดย: โจโฉ IP: 125.25.11.128 27 กุมภาพันธ์ 2555 21:22:57 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


นางร้ายน่ารัก
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Life is short, then enjoy with it and always keep smile in our heart na.....fighto!
Friends' blogs
[Add นางร้ายน่ารัก's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.