OXYGEN2's Blog
 
ตุลาคม 2554
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
21 ตุลาคม 2554

วางกระสอบทรายหน้าบ้านแล้วก็อย่าประมาท

ช่วงนี้เห็นหลายๆ บ้านวางกระสอบทรายหน้าบ้าน หรือว่าก่ออิฐฉาบปูนหน้าบ้านเพื่อกันน้ำท่วมก็นึกถึงในอดีตที่อยู่ที่จังหวัดจันทบุรี ผมเองอยู่จันทบุรีมาตั้งแต่เกิดเพิ่งจะย้ายมาอยู่กรุงเทพช่วงไม่กี่ปีมานี้ และพ่อแม่ก็ยังอยู่ที่จันทบุรีอยู่ ขอเล่าเหตุการณ์ย้อนอดีตนิดนึงครับ บ้านผมอยู่ตรงตลาดน้ำพุ ซึ่งถือว่าย่านเศรษฐกิจสำคัญของตัวเมือง และเป็นจุดที่เกือบต่ำที่สุดในเขตเทศบาลเมือง ย้อนกลับไปเมื่อสมัยราวปี พ.ศ.2542 น้ำท่วมจันทบุรีครั้งใหญ่ ซึ่งถือว่าท่วมมากที่สุดตั้งแต่เกิดมา



บังเอิญหาภาพในอินเตอร์เน็ตเจอพอดี ส่วนของภาพที่วงสีแดงหน้าบ้านของผมเอง (จากเว็บไซต์ chanforchan.com)


วันที่ 31 กรกฏาคม 2542 มีการประกาศจากเทศบาลเมืองให้เก็บของขึ้นที่สูง ความเคยชินของคนที่น้ำท่วมเกือบทุกปี ที่บ้านก็ประมาณการกันไว้ว่าน้ำน่าจะท่วม 40 - 50 ซม. จึงเก็บของเท่านั้น ที่บ้านเป็นร้านขายของในหมวดเครื่องครัว บ้านมีที่ริมถนนด้านหน้า 1 ห้องและในซอยหลังติดกันเป็นตัว L อีก 1 ฟ้อง จึงทำให้ของชั้นล่างเยอะมาก ซึ่งวันนั้นก็มีการก่อปูนสูงราวๆ 1 เมตรเพื่อป้องกันน้ำท่วม


วันที่ 1 สิงหาคม 2542 น้ำได้ท่วมขึ้นมาช่วงกลางคืน ณ วันนั้นมีข่าวแล้วว่าที่เขาคิชฌกูฏ น้ำท่วมเสียหายเยอะมาก ช่วงเช้าก็ได้วางกระสอบทรายกันน้ำเสริมขึ้นมา เพียงช่วงบ่ายน้ำก็ขึ้นสู่ระดับ 70 - 80 ซม. ทำให้กระสอบทรายที่ก่อไว้พัง และน้ำก็เข้าบ้าน ณ วันนั้นยังใจเย็นเพราะคิดว่าน้ำสูงไม่เกิน 1 เมตรเท่านั้น ช่วงเย็นน้ำสูงเกินระดับ 1 เมตรขึ้นไปอีก


วันที่ 2 สิงหาคม 2542 ตอนเช้าน้ำได้ท่วมสูงระดับ 2 เมตร ที่บ้านอยู่ติดซอยน้ำเริ่มเชี่ยวการออกไปข้างนอกต้องอาศัยเรือเพื่อออกไป ช่วงสายคุณพ่อกลับมาพร้อมน้ำเปล่าขวดละ 40 บาท (จากขวดละ 5 บาท) และข้าวกล่องที่ราคา 50 บาท (จากเดิม 20 บาท) ไม่ถึงเที่ยงวันเขตที่อยู่ถูกการไฟฟ้าตัดไฟเรียบร้อย การสื่อสารกับภายนอกก็มีเพียงแค่มือถือแค่ 1 เครื่องที่สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ จึงตัดสินใจออกจากบ้านมาในวันนั้น


ผมยังจำภาพในวันนั้นได้ การเดินทางลำบากมาก การไปอยู่อาศัยที่บ้านญาติที่ห่างออกไปเพียง 4 กม.ต้องใช้เวลาเดินทางถึงเย็น ตอนเที่ยงได้ติดต่อเรือรับจ้างให้เข้ามารับ ซึ่งการเข้าออกจากบ้านต้องออกทางชั้น 2 โดยสารเรือไปแค่ไม่กี่ร้อยเมตร ค่าโดยสารหลักพันบาท จากนั้นเจอคนรู้จักก็ใจดีนำรถกระบะมารับและอาสาไปส่งบ้านญาติให้ แต่ก็ไปได้แค่เพียงศาลากลางจังหวัดเท่านั้น เนื่องจากน้ำขึ้นสูง พอถึงศาลากลางจังหวัดมีผู้ประกอบการรถสิบล้อใจดี บริการขนส่งประชาชนฟรี จึงสามารถต่อรถมายังหน้าโรบินสันจันทบุรีได้ และเมื่อลงหน้าโรบินสันแล้ว คุณพ่อก็เดินไปโกดังซึ่งอยู่ห่างออกไปราวๆ 1 กม. เพื่อไปเอารถ SUV มาใช้ขับลุยน้ำไปยังบ้านญาติ


ช่วงนั้นน้ำท่วมหลายวัน แม้จะอยู่บ้านญาติก็ยังมีความลำบากอยู่ การซื้อของกิน-ของใช้เป็นไปด้วยความยากลำบาก ไปที่ไหนก็น้ำท่วมหมด เหมือนอยู่กลางเกาะ การประปางดจ่ายน้ำ แต่ยังดีที่มีน้ำสำรองไว้ พอน้ำเริ่มลงก็เข้าไปสำรวจในบ้าน ณ วันนั้นสินค้าที่ขายตามประเมิน เสียหายไปหลักล้านบาท สินค้าที่เสียน้ำมาเลหลังขายถูกๆ เป็นเวลา 4 - 5 วัน ซึ่งขายในราคาขาดทุน ช่วงนั้นจำได้ขายได้ถึงกว่าวันละแสนบาท


น้ำท่วมกรุงเทพ?


สถานการณ์ในกรุงเทพตอนนี้ น้ำจะท่วมหรือไม่ยังไม่ทราบ แต่ขอให้ทุกคนตั้งอยู่ในความไม่ประมาท หากท่านก่อผนังปูนหรือวางกระสอบทรายแล้ว ก็ต้องเช็คจุดอื่นๆ ในบ้านด้วย โดยที่ต้องทำคืออุดท่อระบายน้ำในห้องน้ำ รวมถึงชักโครกด้วย เนื่องจากน้ำจะดันเข้าตรงส่วนนั้น การวางกระสอบทราย ควรจะวางเป็นฐานแผ่รูปสามเหลี่ยม แต่หากไม่มีที่ต้องซ้อนกันอย่างน้อยสองชั้น และภายในบ้านต้องมีปั๊มเล็กๆ สำหรับดูดน้ำพร้อมคนเฝ้าด้วย สำหรับการก่อปูนถ้าน้ำขึ้นมาในระดับสูงนั้นก็อาจจะทำให้ผนังต้องรับแรงดันน้ำมากและพังลงมา ผนังปูนที่ก่อขึ้นมาเพื่อกันน้ำความสูง 1 เมตรอาจจะทนน้ำได้แค่ความสูง 50 - 60 ซม.เท่านั้น และด้านหลังและด้านหน้าต้องมีกระสอบทรายอยู่ด้วย ถ้าเกินกว่านั้นอาจจะไม่ไหว และหากกั้นน้ำได้แล้ว น้ำก็อาจจะดันขึ้นมาจากใต้ดินหรือตามร่องตามดต่างๆ ที่ผนังบ้านก็เป็นได้ ทางที่ดีเก็บของรอไว้พร้อมกั้นกระสอบทราย อย่าประมาทวางกระสอบทรายเพียงอย่างเดียว


เรื่องของเครื่องใช้ไฟฟ้าจากประสบการณ์ที่เคยมี ที่ย้ายลำบากที่สุดคงจะเป็นตู้เย็น ซึ่งบางบ้านใช้ใบใหญ่มาก หากเคลื่อนย้ายไม่ได้ ให้นำของออกจากตู้เย็นทั้งหมดกลับหัวตู้เย็นและเปิดประตูตู้เย็นเอาไว้ ตัว compressor ของตู้เย็นอยู่ด้านล่างก็อาจจะไม่โดนน้ำท่วม ตอนนำกลับมาใช้ก็เพียงล้างน้ำเท่านั้น หากหาของรองตู้เย็นแล้วน้ำขึ้นมาสูงเพียงฐานตู้ก็จะทำให้ตู้เย็นลอยน้ำแล้ว


สำหรับรถยนต์นั้นผมประสบการณ์จากเพื่อนพ่อเล่าให้ฟังว่า ตอนนั้นน้ำมาสูงมาก จากที่บ้านไม่เคยน้ำท่วมเลยก็เลยไม่ได้เตรียมตัว เพื่อนพ่อทำโดยการใช้แม่แรง 4 ตัวเป็นฐาน ยกรถขึ้นสูงราวๆ 1 เมตร พอน้ำมารถยนต์อยู่สูงก็ไม่โดนน้ำท่วม ตอนนั้นน้ำท่วมเรื่อยๆ ก็เลยหาน้ำมันมาเติมแล้วสตาร์ทเครื่องทิ้งไว้ กันน้ำเข้าท่อไอเสีย ความคิดนี้ใช้ได้ผลหากระดับน้ำไม่สูงเกินขอบล่างของประตู แต่พอตกกลางคืนน้ำขึ้นมาเกินขอบล่างของประตู ทำให้รถเป็นสภาพเหมือนกล่องพลาสติกอยู่บนน้ำ (เนื่องจากในรถมีอากาศ) รถยนต์ที่ถูกยกขึ้นมาก็ไม่มีความมั่นคงและหล่นลงไปในน้ำ ความเสียหายตอนนั้นมีมากกว่าเดิมเพราะเครื่องยนต์ถูกติดเอาไว้และน้ำเข้า หากน้ำท่วมและเคลื่อนย้ายรถไม่ทันจริงๆ แนะนำให้ถอด ECU ของรถ (มีราคาแพงที่สุดในรถ) ซึ่งสามารถดูได้จากคู่มือว่าอยู่ตรงตำแหน่งใด และถอดแบตเตอรี่ออก ป้องกันระบบไฟฟ้าซ๊อต จากนั้นก็ป้องกันน้ำเข้ารถตามแบบฉบับของเราเอง หากน้ำเข้ารถความเสียหายก็จะน้อยลง


หากดูทีท่าของน้ำแล้วว่าจะมาสูง ให้รีบเก็บของเท่าที่จะทำได้ จากนั้นตัดไฟในบ้านแล้วออกมาเลยครับ การออกมาในตอนที่เราเดินทางมาเองได้ จะทำได้ง่ายกว่า หากรอน้ำขึ้นสูงแล้วอาจจะต้องรอความช่วยเหลือ ซึ่งบางครั้งการช่วยเหลืออาจจะทำได้ไม่ทั่วถึงนัก


ที่บอกเล่าคือประสบการณ์ของผมเองที่เคยเจอมา สุดท้ายนี้ขออวยพรให้คนกรุงเทพไม่ต้องเจอกับประสบการณ์น้ำท่วม และขอเป็นกำลังใจให้กับคนที่โดนน้ำท่วมไปแล้วทุกท่านครับ


ที่มา: OXYGEN2.ME




Create Date : 21 ตุลาคม 2554
Last Update : 21 ตุลาคม 2554 0:24:40 น. 0 comments
Counter : 1025 Pageviews.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

OXYGEN2
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




[Add OXYGEN2's blog to your web]