คราวนี้เราก็ได้เวลาช็อปปิ้งสักที ฝากขงฝากของกับพ่อไว้ เรากับแม่ก็มาดูเสื้อผ้ากัน จนเลือกได้และไปจ่ายเงิน คือแบบ...
พนักงานหล่อมากอะ -.,- อยากซื้อพนักงานกลับด้วยเลยอะ 5555
คราวนี้ก็เดินกลับมาหาพ่อค่ะ
"ไปซื้อกันที่ไหนเนี่ย ทำไมมีเน็ตตลอดเลย"
พ่อถามอย่างแปลกใจ คือเราจะแชร์เน็ตให้พ่อเล่นได้
แต่ว่าถ้าเดินไกล สัญญาณมันจะมาไม่ถึงพ่อ
"ไปหลายชั้น แต่โทรศัพท์หนูใส่ไว้ในถุงไง"
และถุงนั้นก็อยู่ข้างๆพ่อนั่นแลฯ 5555
จากนั้นเราไปเที่ยว temple street เพื่อซื้อของฝาก
บริเวณนี้จะมีร้านอาหารทะเลเยอะแยะมากมาย และบรรดาของวางขาย
เป็นถนนคนเดินคล้ายๆกับ lady market นั่นแหละ
เราพอได้ของฝากกันแล้ว ตอนจะกลับก็แวะกินเต้าฮวย แบบว่าอร่อยมากกกกกก
อยากกลับไปกินอีกอะ
ขากลับก่อนจะถึงสถานีรถไฟฟ้าเราก็แวะกันที่ bonjour อีกครั้ง
หลังจากติดใจราคาที่ถูกกว่าที่อื่นและที่นี่ก็เป็นสาขาใหญ่พอสมควร
พ่อแม่และเราแยกกันเดินเพื่อหาซื้อของฝากติดไม้ติดมือเราก็เลยได้ขนมมาห่อนึง
อยากจะลองชิมดูไงเสียดายที่ไม่ได้ถ่ายรูปมา แต่รสชาติอร่อยมากอะ ชอบๆ
เอาไปกินตอนขึ้นเรือไปมาเก๊านี่ทำให้อาการเวียนหัวหายอย่างชะงักชะงัน
อ่ะๆกลับมาที่ซื้อของต่อแม่เราก็พยายามหาซื้อขนมจะเอาไปฝากหลาน
เลือกกันไปเลือกกันมาพ่อที่ไม่ได้อะไรเริ่มเดินมาตาม
แม่เลยหยิบขนมขึ้นมายื่นให้พ่อเพื่อเอาใส่ตะกร้า
อ่ะเอานี้ก็ได้
พ่อหยิบมาก่อนเช็คความเรียบร้อยอีกครั้งก่อนหัวเราะก๊าก
เพราะบนซองมันเขียนว่า'ขนมรสผลไม้'
คือ... เป็นภาษาไทย!!
เรียกว่าเลือกไม่ดูกันเลยทีเดียวนะครับกับคุณนาย55555
อ้าวไม่ได้อ่าน
เกือบแล้วมั้ยล่ะจะได้ซื้อขนมไทยจากฮ่องกงกลับซะละแม่5555
วันที่ 4
วันนี้ไปมาเก๊ากันค่า รองท้องสักเล็กน้อย ด้วยเบเกอรี่ที่ซื้อมาเมื่อวาน
อร่อยมากกกก เป็นร้านที่แฝงตัวอยู่ในสถานีรถไฟฟ้าค่ะ
ตะลุยอาหารเช้ามื้อแรกกัน เป็นโจ๊กที่เรียกว่าติดท็อปเท็นของฮ่องกง
เป็นเจ้าอร่อย(ของเขา)เลยล่ะ ซึ่งทางไปก็ไม่ยากเลยค่า แต่ว่าเราอยากจะนำบ้าง
เลยทำพ่อหงุดหงิดแต่หัววัน
แง พ่อชอบบอกว่าเราหาไม่เจอ
ทำไมต้องอารมณ์เสียด้วยนะ ถ้าลูกไม่ได้ฝึกทำบ่อยๆแล้วจะคล่องได้ไงละคะ
ช่างเถอะะะะะะ !!
ไงเราก็มาถึงกันแล้วววตึกตลาดสด
แปลกดีเหมือนกัน เพราะเมืองไทยเราจะเป็นชั้นเดียวแล้วยาวๆไป กว้างๆ
แต่ที่นี่จะมีหลายชั้นแล้วก็ขึ้นบันไดเลื่อนเล็กๆขนาดหนึ่งคนไปนั่นล่ะ
ภาพของในตลาดเล็กน้อย ไม่ได้เดินดูนะคะตั้งใจมากินโจ๊กอย่างเดียวเลย
และแล้วก็พบเป้าหมาย
เป็นร้านป้ายขาวอักษรแดงนะคะ
โจ๊กเขาจะใสๆนะคะตอนแรกก็คิดอยู่ว่าทำไงดีหนอ พ่อเราไม่กินโจ๊ก
แต่มาที่นี่ พ่อกินค่า อิอิ
พ่อบอกว่าอร่อยด้วยอ่ะ แต่สำหรับเรา...โจ๊กแถวบ้านอร่อยกว่าง่ะ
ที่นี่จะออกใสๆ เลยไม่ได้สัมผัสเนื้อข้าวเน้นๆ แต่ก็พอไปวัดไปวาได้ละกัน
คือเราสั่งมากันสองอย่าง คือหมูแบบเป็นก้อน แล้วก็เป็นหมูเด้งที่เป็นแผ่นหน่อย
เรากับพ่อชอบหมูเด้งค่ะ ส่วนแม่ชอบหมูก้อน
ก็แล้วแต่คนเนอะนั่งทายกันว่าใครชอบอะไรตลกดีอะ
เพราะพ่อบอกว่าแก้มน่าจะชอบเหมือนพ่อ 5555
กินเสร็จแล้วได้เวลาเดินทางงงง...
เราต่อรถไฟฟ้ามาลงจิมซาจุ่ยด้วยความมุมานะ
เดินๆๆๆ
คราวนี้ดิฉันแม่นค่ะ พานำมาได้แล้ว จนกระทั่งมาถึงที่หมาย
ก็ขึ้นไปที่ชั้นบนเลยจะเห็นเคาน์เตอร์อยู่ ตอนแรกงงนิดหน่อย
คือพอดีเดินเข้ามาเห็นจุดที่ให้แสดงบัตรก่อนจะเดินเข้าไปข้างใน
แต่พอมาถามคนอื่นก็เลย มาซื้อเคาน์เตอร์ได้ถูก
การมาในครั้งนี้เราเลือก turbojet ค่ะ เพราะเคยอ่านมาว่ามันนิ่มกว่า
พ่อกับเราเป็นพวกขี้เมา (เมาเครื่อง เมาเรือนะ อิอิ) ก็เลยคิดว่าน่าจะโอเคอ่ะ
พอตอนซื้อตั๋วรอบถัดไปเริ่มฉุกคิดกลัวไปเรือไม่ทัน เพราะมันต้องผ่านตม.อีก
เนื่องจากเป็นการเดินทางออกนอกประเทศพนักงานก็ถามค่ะเพราะเห็นว่าเราชะงัก
ถามว่าเรามีปัญหาไรมั้ยเราก็ถามกลับว่าต้องรีบหรือเปล่าพนักงานบอกไม่ (ฮึ่มมมม!!!)
พ่ออิชั้นสำทับเลยค่ะอีกยี่สิบนาที เหลือเฟือ
สุดท้ายโอ้โห วิ่งกันป่าช้าแตก
กลัวตกเรือ ตั๋วก็ไม่ใช่ถูกๆนะจ้ะ รวมกันแล้วสามคนประมาณสองพันบาทไทย
ผมนี่เครียดเลยครับ!
แต่สุดท้ายมาทันนะถ้ายังไงใครไปก็จงเผื่อเวลาไว้มากกว่านี้หน่อย
ถ้าให้ชัวร์สักสี่สิบห้านาทีก่อนออกเป็นอย่างต่ำเลยอ่ะเพราะครั้งนี้ที่มาทันกันได้
เพราะใส่เกียร์หมาล่าไก่กันหมดเลยครับ
ขึ้นเรือได้ ก็นั่งตามที่ที่เขากำหนด(เขาเลือกให้ ที่ติดกัน)
ทีนี้ก็เริ่มพะวงค่ะ ไม่ได้เอายาแก้เมามาด้วยภาวนาว่าเราและพ่อต้องรอดดดด!!
พูดถึงเรือนิดนึง นั่งสบายมากกว้างพอๆกับเครื่องที่บินมาเลย
และแน่นอนว่ากว้างกว่าสายการบินโลว์คอสประเทศไทยเราแน่นอน
(รู้ค่าว่าเทียบกันไม่ได้ เครื่องบินกับเรือนี่เนอะ) แต่ทำไมมันมึนหัวกว่านะ
ผ่านไปสักหนึ่งชม. เราก็มาถึงฝนตกปรอยๆ ตลอดเลย ใจบ่ดี
วันนี้ต้องไปดูอะไรๆกลางแจ้งเสียด้วย
ลงจากเรือมา ก็ไปเข้าห้องน้ำทำธุระกันหน่อย
พ่อชี้ที่ตู้ขายซิมมันราคาเท่าไหร่จำไม่ได้ ประมาณ 50-100 MOP นี่แหละ
และเรายืนยันว่าจะไม่ซื้อก็มาแค่วันเดียว ไม่กี่ชั่วโมงเอง
พ่อก็พูดวนๆอยู่นั่นล่ะ -_- บอกว่าไม่งายยยยย
เมื่อเราออกมาข้างนอก ก็มึนตึ้บเพราะไม่รู้จะข้ามฝั่งไปด้านตรงข้าม
ซึ่งเป็นฝั่งที่มีรถเมล์รับส่งของคาสิโนได้ไง ก็ไปถามคนแถวนั้นค่ะ
เลยรู้ว่าต้องเดินลอดไปด้านล่างไปโผล่อีกที่
อืม ดีนะจริงๆเราชอบแบบนี้มากกว่าสะพานลอยบ้านเรา มันไม่รกหูรกตา
แต่ถ้าพูดถึงความเปลี่ยวถ้าเดินตอนกลางคืนดูท่าจะอันตรายกว่า
แล้วเราก็เดินลอดใต้ถนนมาเหมือนกับที่เดินไปวัดกังหันเลย
โปรดติดตามตอนต่อไป