Review HK MC ตอนที่ 3
วันที่2
ณ ย่านมงก๊ก
วันนี้มีการปรับเปลี่ยนอยู่พอสมควรกับการต้องเดินทางไปนองปิงทั้งที่ตอนแรกจะเก็บไว้ เป็นวันสุดท้ายแล้วจะได้เลยไปสนามบินทีเดียวเลยแต่ว่าพยากรณ์อากาศบอกว่าฝนตก นอกจากเมื่อวานและวันนี้แล้วมีแต่ภาพเมฆและฝนปรอยเป็นสัญลักษณ์ให้เห็น เพื่อความปลอดภัย ตั๋วก็ซื้อมาแล้วไม่อยากจะทำให้เสียเปล่า ก็เลือกไปวันนี้ซะเลย
ระหว่างทาง ได้รองเท้าเสียทีนะคะแม่ อิอิ
ก่อนจะไปนองปิง เราก็ไปทานอาหารกันก่อนที่ร้าน Sun hing ซึ่งอยู่แถว Kenedy town จะเป็นอารมณ์ชนบท นอกเมืองหน่อยๆของฮ่องกงบรรยากาศใช้ได้เลยทีเดียว เพราะอยู่ติดทะเล (แต่เราไม่ได้ไปดูทะเลกันหรอกนะ)
หน้าร้านSun hing จะพอเห็นได้ว่าด้านในนี่ แน่นขนัด ! ร้านแคบมากกกกกกก...ห้องคูหาเดียว เข้าไปนี่ อึดอัดเป็นบ้า แถมไม่มีที่จะนั่ง เอ้า...ไม่เป็นไรซื้อมากินข้างนอกแล้วกัน และด้วยความโก้เก๋เช่นเคยชั้นใช้ไอแพดสั่งอาหาร 5555 เลื่อนภาพให้ดูแล้วก็ทำนิ้วเลยจ้าเอาอะไรกี่อัน ก็ว่าไป ไม่ยากเลยเนอะ
จากที่เคยอ่านรีวิวแล้วร้านนี้มันน่ากินมากๆ ทั้งซาลาเปาไส้ไหลที่ชั้นเฝ้าคอยมานาน แล้วก็ติ่มซำล่ะ... มันจะเป็นแบบที่คิดหรือไม่นะ
ราคารวมมื้อนี้ประมาณ 108 ดอลล่าฮ่องกงกว่าๆฮะก็ประมาณ 500 บาท นั่งเก็บบรรยากาศชนบทของฮ่องกงไปด้วย อิอิ
อันนี้นั่งกินแถวม้านั่ง ตรงที่รอรถเมล์ ซึ่งอยู่ติดกับสถานีรถไฟฟ้าเลย พออิ่มท้องก็ได้เวลาไปต่อยังnong ping
เอิ่ม...ปัญหาอยู่ตรงนี้แหละไอ้คนจัดทริปใช้อะไรคิดวะ สุดสายไปสุดสาย คิดแล้วอยากจะเขกหัวตัวเองสักป้าบไม่น่าเลยเรา ขอโทษคุณพ่อคุณแม่ด้วยนะค้า ลำบากเลย
ใช้เวลาเดินทางราวๆ1 ชั่วโมงกว่าจะมาถึงทีนี่ได้ตอนนั้นก็ 11 โมงละ คิดในใจ วันอาทิตย์ด้วย คนเยอะแน่ๆ แล้วก็เป็นเช่นนั้นล่ะครับเดินเป็นเขาวงกตอารมณ์เดียวกับก่อนจะผ่านตม.เมื่อวานนี้เลย
ก่อนที่เราจะได้เข้ามาณ จุดนี้ งงมาก คือจะมีคนมากั้นให้เราเดินไปไม่ได้โดยที่ไม่ทราบสาเหตุ คือถ้าใครเผลอเข้ามาไลน์นี้ โดนกัก...
ทั้งที่เราก็มีบัตร reserveไว้เพื่อที่จะมาเอาvoucher จริงแต่มันมากักตรูทำไมมมม เอ๊ะหรือว่ามีทางไปทางอื่นอีก คือใครที่ไม่ได้เข้ามาตรงไลน์ก็เดินไปได้เลยจ้าเดินฉิวววว ผ่านหน้าเดี๊ยนไปเลย ทั้งที่ก็เอาบัตรโชว์ล่ะนะมันจะกักเพื่อ???
พ่อแม่และเราก็ยืนงงๆกันอยู่สักพักพ่อกับเราก็เห็นครอบครัวสุขสันต์ที่ต่อคิวอยู่ด้านหน้า พ่อแม่และเด็กน้อยราวๆ 3-4ขวบกำลังพูดเจื้อยแจ้วพอประมาณ พ่อบอกว่า หวังว่าเราจะไม่ได้ขึ้นกระเช้ากะเด็กนะ อาจจะกลัวเด็กโวยวายมั้ง 555
สุดท้ายพี่เค้าเจ้าหน้าที่ก็ยอมปล่อยให้แถวของเราเดินไปได้พอเราหลุดออกมา... มันก็ให้เราเดินไปทางที่คนอื่นๆฉิวๆไปก่อนหน้านี่แหละ WTF!!! เราหันหลังมามองพี่เจ้าหน้าที่อีกทีเอาละๆเริ่มละ กักคนไว้อีกระลอกแล้ว เออ มันทำเพื่ออะไรของมันถ้าไงใครรู้ช่วยแจ้งแถลงไขกันสักหน่อยนะฮะ เวลาก็ผ่านไปอย่างเอื่อยเฉื่อยกว่าจะหลุดพ้นคิวยาวๆนี้ ก็กินเวลาไปประมาณ 10-20 นาทีได้ก่อนจะได้รับวอยเชอร์ตัวจริงมาขึ้นกระเช้ากันแล้ว แต่ว่ามีต่อแถวขึ้นกระเช้าอีกระลอกแป่ว!!!
มีเรื่องหลุดๆเล็กน้อยเพราะว่าต้องใช้วอยเชอร์ไปแตะที่กั้น คล้ายๆกับที่กั้นก่อนจะเข้าสถานีรถไฟฟ้าบ้านเรานี่แหละ ซึ่งตอนนี้คนที่ผ่านที่กั้นเข้ามาแล้วค่อนข้างเบียด คือถ้าเราผ่านไอ้ที่กั้นนี้แล้วก็ต้องหลบฉากออกจากที่กั้นไปหน่อยเพราะมันจะมีเซ็นเซอร์ ทำให้คนใหม่จะเข้ามาอีกไม่ได้ แต่เราก็เห็นว่าเออ...พอจะมีที่ไป(คือจริงๆจะต่อคิวนอกที่กั้นก็ได้แหละ) เราก็เลยแตะวอยเชอร์เข้าไปด้านในรวมทั้งพ่อแม่เราทีนี้มันก็เต็มแล้วไง คือไม่มีที่จะหลบออกห่างที่กั้นละ แต่มีคนพยายามจะเข้ามาด้านในด้วยความหวังดีของแม่เรา... เข้าไม่ได้แล้วค่ะ ขำแปร๊บบบบ 555555 แม่น้อ...หลุดออกมาได้คงสงสัยยังคิดว่าอยู่เมืองไทย พอเราต่อแถวไปใกล้จะถึงก็เริ่มเล็งๆกันแล้วว่าใครน้า จะเป็นผู้ร่วมกระเช้าไปกับชั้น ด้านหน้าเป็นคนจีนฮะด้านหลังเป็นฝรั่งซึ่งเป็นเพื่อนกันมีคนผิวสีอยู่คนนึง จู่ๆแม่ก็ทักว่ามีคนมองเราบ่อยมากเป็นแขกผู้ชายโตแล้วแหละไม่รู้ว่ามองทำไม แม่บอกว่าคงเพราะเสื้อเราเอวลอยหรือเปล่าแต่เราก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร เอาล่ะถึงเวลาขึ้นกระเช้ากันแล้ว เย้ เอ่อเดี๋ยวๆคลาดสายตาไปแป๊บเดียว ฝรั่งหายว่ะ!!ไม่รู้ใครเอาไปจิ้มพริกเกลือแล้วเนี่ยเหลือแต่มังคุด เอ้ย...ครอบครัวสุขสันต์ โผล่มาได้ไงแว๊
เออว่าแต่ว่า เราแซงเค้ามาตอนไหนก็ไม่รู้แฮะ ไม่เป็นไรสุขสันต์ด้วยกันนี่แหละ ^-^
วิวบนกระเช้าค่าาา
มีเด็กจีนถ่ายภาพให้เราด้วยแล้วพอเค้ารู้ว่าเราเป็นคนไทยก็พูดว่า สวัสดี อิอิ น่ารักดีอ่ะอยากคุยจีนด้วยนะแต่คืนเหล่าซือไปหมดแล้ว (กระซิก) ตอนแรกก็ไม่อะไรหรอกนะแต่ว่านั่งไปนั่งมาก็เริ่มสั่นๆเหมือนกัน ยังดีที่เรานั่งทิศที่ในฝั่งที่วิ่งไปก็เลยทำให้ไม่ค่อยมึนหัวกว่าการนั่งหันหลัง ทำไมไม่จองแบบกระเช้าใสอะ หนูกลัวพ่อจะกลัวอ่ะดิเห็นบอกกลัวความสูง ทั้งที่ตอนนี้หนูเริ่มกลัวใจตัวเองและหวาดเสียวเล็กๆ นั่งนานพอสมควรเกือบสามสิบนาทีได้เราก็มาถึงสักที
เฮ้อออ...ขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ยังดูแลลูกช้างอยู่นะเจ้าคะ มาถึงก็กางแดดเลยค่ะร้อนมากๆๆๆๆๆ(แต่ถ้าไม่มาวันนี้เจอฝน กระเช้าก็อาจจะปิดได้) ไอ้นั่นมันมองเราอีกละพ่อบอก เราหันไปมองชายผู้นั้นแต่ก็ไม่เห็นอะไรนะ เดี๋ยวพ่อมองลูกสาวมันคืนมั่งดีไหม 55555 เข้ามาแล้วก็เดินเลียบๆเคียงๆร้านของฝากบ้างอะไรบ้าง พ่อบ่นแต่จะเอาแว่นกันแดดเพราะท่านลืมเอามา ถ้าแพงกว่า 30 เหรียญพ่อไม่เอาอ่ะ เมื่อวานพ่อเห็นที่ตลาด หึหึหึ งั้นก็ไม่ต้องซื้อกันละทีนี้เพราะมีแต่ราคาร้อยสองร้อยเหรียญค่ะ ก็เป็นธรรมดาสำหรับราคาสถานที่ท่องเที่ยวอะเนอะ
เดินมาถึงหน้าพระใหญ่แล้วมาขอพรอยู่ที่ลานด้านหน้าเลย จะมีจุดศูนย์กลางอยู่ พ่ออยากขึ้นนะแต่เข่าจะไม่ไหว พ่อว่า หนูก็อยากแต่มันร้อนมากอะ อ่ะงั้นเดี๋ยวพ่อไปสักหน่อยละกัน คนจริงฮะพ่อเรา
สักพักผ่านไปพ่อเดินกลับมาหา กลับมาแล้ว... ไงพ่อ ได้ 2 ขั้น
แป่ว!!!
เข้าใจๆ ว่าเข่าไม่ไหวหนูเนี่ยเข่าไหวแต่ร้อนว่ะยอมเลย ส่วนแม่ไม่ต้องพูดถึง เจ้าหล่อนเจ็บเท้าค่ะน่าสงสารไม่มีใครเห็นใจ ที่นี่มีเซเว่นด้วยนะแต่งแบบโบราณๆหน่อยเหมาะกับฮ่องกงดีค่ะ แวะซื้อน้ำกินให้ฉ่ำปอดขอย้ำอีกครั้งร้อนจริงๆนะจอร์จจจจ!!
ต่อจากนั้นก็เดินมาหาของฝากของคุณพ่อพออะไรเรียบร้อยเราก็เดินทางกลับกัน ก่อนกลับก็เดินผ่านร้านขายของฝาก(ที่บังคับผ่าน) ใจเราก็อยากได้ของอะไรติดไม้ติดมือไปสักหน่อยนะว่าเคยได้มาที่นี่ เพราะยังติดใจตอนที่ไปอเมริกา ไปเที่ยวน้ำตกไนแองการ่าก็ซื้อของที่ระลึกกลับมาเหมือนกันมันรู้สึกดีอะ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้อะไร T_T และก็ต้องรีบใช้บัตร MTR unlimited นี้แล้วด้วย ไม่งั้นจะครบวันแล้วใช้บัตรไม่ได้
ออกมาจากร้านค้าเดินมานิดเดียวก็เป็นที่ต่อคิวขึ้นกระเช้ากลับ กระเช้าใสแทบไม่มีใครต่อเลยค่ะมาก็ขึ้นได้เลย ส่วนกระเช้าธรรมดาก็มีคนต่อคิวอยู่บ้างแต่ก็ไม่มาก ตอนนั่งกระเช้ากลับก็ไม่มีอะไรแต่ลมเย็นดีเพิ่งรู้ว่าให้ลมเข้ามาได้ด้วย มันทำให้หวาดเสียวกว่าเดิมนะ
เอาล่ะ เราก็กลับมายังจุด MTR tungchung กันอีกครั้งวันนี้ตั้งใจจะไปกินข้าวหมูแดงกัน!! เย้ นั่งๆยืนๆเพื่อกลับมาฝั่งฮ่องกงอีก เกือบชั่วโมง... แต่สิ่งที่ชั้นเจอ... คือร้านปิด!!! มันแปลว่าอารายยยยยยใครช่วยบอกที
แถวนั้นก็มีคนเดินมามองๆเหมือนกันน่าจะเป็นนักท่องเที่ยวที่หวังมากินหมูแดง ที่เรียกว่า the must แห่งนึงเลยนะเนี่ย(แต่ก็ต้องผิดหวังไม่ต่างกัน) ทำไงดีไอ้เราก็ไม่ได้เตรียมร้านเผื่อด้วยเลยเพราะไม่คิดว่าจะปิด ยิ่งวันหยุดตอนบ่ายโมงแบบนี้ยิ่งไม่ควรปิดเข้าไปใหญ่
แต่ก่อนมาก็คิดนะไม่ว่าร้านอะไรถ้ามันปิดจริงๆก็หาแถวนั้นกินนั่นแหละ เราก็เลยเดินย้อนๆๆๆกลับมาทางที่เดินผ่าน เพื่อดูว่าพอมีร้านไหน จะช่วยปลอบประโลมจิตใจสามคนพ่อแม่ลูกผู้ชอกช้ำและหิวโหยได้บ้าง และเราก็เจอ...
อาจจะเป็นร้านนี้ !!!ราคาคงไม่โหดร้ายเกินไป หวังว่าใจ (บริการ)เขาคงดี
เดินร้องเพลงเข้าร้านมาเลยค่าา เสียดายที่ไม่ได้ถ่ายหน้าร้านมา เพราะมารู้ตัวอีกทีก็ตอนเจอหน้าพนักงานหมางเมินใส่!! (โดนแบบนี้อีกแล้ว) แต่ทำไงได้เข้ามาร้านเค้าละไงก็เลยต้องทำใจเท่านั้น T_T เลือกเมนูกันไปมโนบ้างอะไรบ้างเพราะไม่มีรูปถึงจะมีเมนูภาษาอังกฤษ แต่บางอย่างก็ไม่รู้ว่าจะออกมาหน้าตายังไงแล้วนี่ก็เป็นสิ่งที่สั่งๆมากินกันค่ะ
หมดไป 136 ดอลล่าร์ฮ่องกง ราวๆ 600 บาทไทย เมื่อกี้แวะร้านขนมปังเอาไว้กินตอนเช้าแล้วอีก 40 ดอลล่าร์
ร้านต่อไปที่เราแวะและตั้งใจแวะมากกกกกคือร้านขนมนำเข้าค่ะ Prizemart ชื่อนี้ป้ายสีแดงมีหลายสาขา แต่สาขานี้น่ามามากที่สุด เพราะว่าอยู่ใกล้สถานีรถไฟฟ้า Wan chai เดินมานิดเดียวถึง
ตอนนี้ขอพักกล้องแล้วหันมาหยิบช็อกโกแลต Ritter sports อันนี้แบบว่าอยากกินมากกก เมื่อวานเห็นขายที่นองปิง 25 เหรียญที่นี่ขายประมาณ 15 เหรียญเองค่ะ อดใจไว้แค่วันเดียวนี่ประหยัดเงินไป 44 บาทเลยอะแน่นอนไม่ใช่แค่ 44 บาท ซื้อมาอีกหลายอันแล้วก็หลายอย่างด้วย มีแต่ขนมน่าลอง ได้ของกันแล้วก็ไปโรงแรมกันเถอะเหนื่อยๆตกเย็นค่อยออกมาตะลุยกันใหม่
โปรดติดตามตอนต่อไป
Create Date : 16 สิงหาคม 2558 |
|
0 comments |
Last Update : 5 กันยายน 2558 2:44:56 น. |
Counter : 754 Pageviews. |
|
|
|