On my way :: my blog my story :)

Group Blog
 
 
สิงหาคม 2558
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
16 สิงหาคม 2558
 
All Blogs
 

Review HK MC ตอนที่ 3

วันที่2



ณ ย่านมงก๊ก


วันนี้มีการปรับเปลี่ยนอยู่พอสมควรกับการต้องเดินทางไปนองปิงทั้งที่ตอนแรกจะเก็บไว้

เป็นวันสุดท้ายแล้วจะได้เลยไปสนามบินทีเดียวเลยแต่ว่าพยากรณ์อากาศบอกว่าฝนตก 

นอกจากเมื่อวานและวันนี้แล้วมีแต่ภาพเมฆและฝนปรอยเป็นสัญลักษณ์ให้เห็น 

เพื่อความปลอดภัย ตั๋วก็ซื้อมาแล้วไม่อยากจะทำให้เสียเปล่า ก็เลือกไปวันนี้ซะเลย



ระหว่างทาง ได้รองเท้าเสียทีนะคะแม่ อิอิ



ก่อนจะไปนองปิง เราก็ไปทานอาหารกันก่อนที่ร้าน Sun hing ซึ่งอยู่แถว Kenedy town

จะเป็นอารมณ์ชนบท นอกเมืองหน่อยๆของฮ่องกงบรรยากาศใช้ได้เลยทีเดียว

เพราะอยู่ติดทะเล (แต่เราไม่ได้ไปดูทะเลกันหรอกนะ)



หน้าร้านSun hing จะพอเห็นได้ว่าด้านในนี่ แน่นขนัด !

ร้านแคบมากกกกกกก...ห้องคูหาเดียว เข้าไปนี่ อึดอัดเป็นบ้า แถมไม่มีที่จะนั่ง

เอ้า...ไม่เป็นไรซื้อมากินข้างนอกแล้วกัน

และด้วยความโก้เก๋เช่นเคยชั้นใช้ไอแพดสั่งอาหาร 5555

เลื่อนภาพให้ดูแล้วก็ทำนิ้วเลยจ้าเอาอะไรกี่อัน ก็ว่าไป ไม่ยากเลยเนอะ


จากที่เคยอ่านรีวิวแล้วร้านนี้มันน่ากินมากๆ ทั้งซาลาเปาไส้ไหลที่ชั้นเฝ้าคอยมานาน 

แล้วก็ติ่มซำล่ะ... มันจะเป็นแบบที่คิดหรือไม่นะ



ราคารวมมื้อนี้ประมาณ 108 ดอลล่าฮ่องกงกว่าๆฮะก็ประมาณ 500 บาท 

นั่งเก็บบรรยากาศชนบทของฮ่องกงไปด้วย อิอิ




อันนี้นั่งกินแถวม้านั่ง ตรงที่รอรถเมล์ ซึ่งอยู่ติดกับสถานีรถไฟฟ้าเลย

พออิ่มท้องก็ได้เวลาไปต่อยังnong ping


เอิ่ม...ปัญหาอยู่ตรงนี้แหละไอ้คนจัดทริปใช้อะไรคิดวะ 

สุดสายไปสุดสาย คิดแล้วอยากจะเขกหัวตัวเองสักป้าบไม่น่าเลยเรา

ขอโทษคุณพ่อคุณแม่ด้วยนะค้า ลำบากเลย



ใช้เวลาเดินทางราวๆ1 ชั่วโมงกว่าจะมาถึงทีนี่ได้ตอนนั้นก็ 11 โมงละ 

คิดในใจ วันอาทิตย์ด้วย คนเยอะแน่ๆ

แล้วก็เป็นเช่นนั้นล่ะครับเดินเป็นเขาวงกตอารมณ์เดียวกับก่อนจะผ่านตม.เมื่อวานนี้เลย



ก่อนที่เราจะได้เข้ามาณ จุดนี้ งงมาก

คือจะมีคนมากั้นให้เราเดินไปไม่ได้โดยที่ไม่ทราบสาเหตุ คือถ้าใครเผลอเข้ามาไลน์นี้ 

โดนกัก... 


ทั้งที่เราก็มีบัตร reserveไว้เพื่อที่จะมาเอาvoucher จริงแต่มันมากักตรูทำไมมมม

เอ๊ะหรือว่ามีทางไปทางอื่นอีก

คือใครที่ไม่ได้เข้ามาตรงไลน์ก็เดินไปได้เลยจ้าเดินฉิวววว ผ่านหน้าเดี๊ยนไปเลย

ทั้งที่ก็เอาบัตรโชว์ล่ะนะมันจะกักเพื่อ???


พ่อแม่และเราก็ยืนงงๆกันอยู่สักพักพ่อกับเราก็เห็นครอบครัวสุขสันต์ที่ต่อคิวอยู่ด้านหน้า 

พ่อแม่และเด็กน้อยราวๆ 3-4ขวบกำลังพูดเจื้อยแจ้วพอประมาณ 

พ่อบอกว่า หวังว่าเราจะไม่ได้ขึ้นกระเช้ากะเด็กนะ อาจจะกลัวเด็กโวยวายมั้ง 555


สุดท้ายพี่เค้าเจ้าหน้าที่ก็ยอมปล่อยให้แถวของเราเดินไปได้พอเราหลุดออกมา...

มันก็ให้เราเดินไปทางที่คนอื่นๆฉิวๆไปก่อนหน้านี่แหละ

WTF!!!

เราหันหลังมามองพี่เจ้าหน้าที่อีกทีเอาละๆเริ่มละ กักคนไว้อีกระลอกแล้ว

เออ มันทำเพื่ออะไรของมันถ้าไงใครรู้ช่วยแจ้งแถลงไขกันสักหน่อยนะฮะ

เวลาก็ผ่านไปอย่างเอื่อยเฉื่อยกว่าจะหลุดพ้นคิวยาวๆนี้

ก็กินเวลาไปประมาณ 10-20 นาทีได้ก่อนจะได้รับวอยเชอร์ตัวจริงมาขึ้นกระเช้ากันแล้ว

แต่ว่ามีต่อแถวขึ้นกระเช้าอีกระลอกแป่ว!!!



มีเรื่องหลุดๆเล็กน้อยเพราะว่าต้องใช้วอยเชอร์ไปแตะที่กั้น

คล้ายๆกับที่กั้นก่อนจะเข้าสถานีรถไฟฟ้าบ้านเรานี่แหละ

ซึ่งตอนนี้คนที่ผ่านที่กั้นเข้ามาแล้วค่อนข้างเบียด

คือถ้าเราผ่านไอ้ที่กั้นนี้แล้วก็ต้องหลบฉากออกจากที่กั้นไปหน่อยเพราะมันจะมีเซ็นเซอร์

ทำให้คนใหม่จะเข้ามาอีกไม่ได้

แต่เราก็เห็นว่าเออ...พอจะมีที่ไป(คือจริงๆจะต่อคิวนอกที่กั้นก็ได้แหละ)

เราก็เลยแตะวอยเชอร์เข้าไปด้านในรวมทั้งพ่อแม่เราทีนี้มันก็เต็มแล้วไง

คือไม่มีที่จะหลบออกห่างที่กั้นละ

แต่มีคนพยายามจะเข้ามาด้านในด้วยความหวังดีของแม่เรา...

“เข้าไม่ได้แล้วค่ะ”

ขำแปร๊บบบบ 555555 

แม่น้อ...หลุดออกมาได้คงสงสัยยังคิดว่าอยู่เมืองไทย

พอเราต่อแถวไปใกล้จะถึงก็เริ่มเล็งๆกันแล้วว่าใครน้า จะเป็นผู้ร่วมกระเช้าไปกับชั้น

ด้านหน้าเป็นคนจีนฮะด้านหลังเป็นฝรั่งซึ่งเป็นเพื่อนกันมีคนผิวสีอยู่คนนึง

จู่ๆแม่ก็ทักว่ามีคนมองเราบ่อยมากเป็นแขกผู้ชายโตแล้วแหละไม่รู้ว่ามองทำไม

แม่บอกว่าคงเพราะเสื้อเราเอวลอยหรือเปล่าแต่เราก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร

เอาล่ะถึงเวลาขึ้นกระเช้ากันแล้ว เย้

เอ่อเดี๋ยวๆคลาดสายตาไปแป๊บเดียว

ฝรั่งหายว่ะ!!ไม่รู้ใครเอาไปจิ้มพริกเกลือแล้วเนี่ยเหลือแต่มังคุด เอ้ย...ครอบครัวสุขสันต์

โผล่มาได้ไงแว๊… 


เออว่าแต่ว่า เราแซงเค้ามาตอนไหนก็ไม่รู้แฮะ

ไม่เป็นไรสุขสันต์ด้วยกันนี่แหละ ^-^




วิวบนกระเช้าค่าาา


มีเด็กจีนถ่ายภาพให้เราด้วยแล้วพอเค้ารู้ว่าเราเป็นคนไทยก็พูดว่า ‘สวัสดี’ อิอิ

น่ารักดีอ่ะอยากคุยจีนด้วยนะแต่คืนเหล่าซือไปหมดแล้ว (กระซิก)

ตอนแรกก็ไม่อะไรหรอกนะแต่ว่านั่งไปนั่งมาก็เริ่มสั่นๆเหมือนกัน

ยังดีที่เรานั่งทิศที่ในฝั่งที่วิ่งไปก็เลยทำให้ไม่ค่อยมึนหัวกว่าการนั่งหันหลัง

“ทำไมไม่จองแบบกระเช้าใสอะ”

“หนูกลัวพ่อจะกลัวอ่ะดิเห็นบอกกลัวความสูง”

ทั้งที่ตอนนี้หนูเริ่มกลัวใจตัวเองและหวาดเสียวเล็กๆ

นั่งนานพอสมควรเกือบสามสิบนาทีได้เราก็มาถึงสักที


เฮ้อออ...ขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ยังดูแลลูกช้างอยู่นะเจ้าคะ

มาถึงก็กางแดดเลยค่ะร้อนมากๆๆๆๆๆ(แต่ถ้าไม่มาวันนี้เจอฝน กระเช้าก็อาจจะปิดได้)

“ไอ้นั่นมันมองเราอีกละ”พ่อบอก

เราหันไปมองชายผู้นั้นแต่ก็ไม่เห็นอะไรนะ

“เดี๋ยวพ่อมองลูกสาวมันคืนมั่งดีไหม”

“55555”

เข้ามาแล้วก็เดินเลียบๆเคียงๆร้านของฝากบ้างอะไรบ้าง

พ่อบ่นแต่จะเอาแว่นกันแดดเพราะท่านลืมเอามา

“ถ้าแพงกว่า 30 เหรียญพ่อไม่เอาอ่ะ เมื่อวานพ่อเห็นที่ตลาด”

หึหึหึ

งั้นก็ไม่ต้องซื้อกันละทีนี้เพราะมีแต่ราคาร้อยสองร้อยเหรียญค่ะ

ก็เป็นธรรมดาสำหรับราคาสถานที่ท่องเที่ยวอะเนอะ




เดินมาถึงหน้าพระใหญ่แล้วมาขอพรอยู่ที่ลานด้านหน้าเลย จะมีจุดศูนย์กลางอยู่

“พ่ออยากขึ้นนะแต่เข่าจะไม่ไหว” พ่อว่า

“หนูก็อยากแต่มันร้อนมากอะ”

“อ่ะงั้นเดี๋ยวพ่อไปสักหน่อยละกัน”

คนจริงฮะพ่อเรา…

สักพักผ่านไปพ่อเดินกลับมาหา

“กลับมาแล้ว...”

“ไงพ่อ”

“ได้ 2 ขั้น”


แป่ว!!!


เข้าใจๆ ว่าเข่าไม่ไหวหนูเนี่ยเข่าไหวแต่ร้อนว่ะยอมเลย

ส่วนแม่ไม่ต้องพูดถึง เจ้าหล่อนเจ็บเท้าค่ะน่าสงสารไม่มีใครเห็นใจ

ที่นี่มีเซเว่นด้วยนะแต่งแบบโบราณๆหน่อยเหมาะกับฮ่องกงดีค่ะ

แวะซื้อน้ำกินให้ฉ่ำปอดขอย้ำอีกครั้งร้อนจริงๆนะจอร์จจจจ!!


ต่อจากนั้นก็เดินมาหาของฝากของคุณพ่อพออะไรเรียบร้อยเราก็เดินทางกลับกัน

ก่อนกลับก็เดินผ่านร้านขายของฝาก(ที่บังคับผ่าน)

ใจเราก็อยากได้ของอะไรติดไม้ติดมือไปสักหน่อยนะว่าเคยได้มาที่นี่

เพราะยังติดใจตอนที่ไปอเมริกา

ไปเที่ยวน้ำตกไนแองการ่าก็ซื้อของที่ระลึกกลับมาเหมือนกันมันรู้สึกดีอะ

แต่สุดท้ายก็ไม่ได้อะไร T_T และก็ต้องรีบใช้บัตร MTR unlimited นี้แล้วด้วย

ไม่งั้นจะครบวันแล้วใช้บัตรไม่ได้


ออกมาจากร้านค้าเดินมานิดเดียวก็เป็นที่ต่อคิวขึ้นกระเช้ากลับ

กระเช้าใสแทบไม่มีใครต่อเลยค่ะมาก็ขึ้นได้เลย

ส่วนกระเช้าธรรมดาก็มีคนต่อคิวอยู่บ้างแต่ก็ไม่มาก

ตอนนั่งกระเช้ากลับก็ไม่มีอะไรแต่ลมเย็นดีเพิ่งรู้ว่าให้ลมเข้ามาได้ด้วย

มันทำให้หวาดเสียวกว่าเดิมนะ


เอาล่ะ เราก็กลับมายังจุด MTR tungchung กันอีกครั้งวันนี้ตั้งใจจะไปกินข้าวหมูแดงกัน!! เย้

นั่งๆยืนๆเพื่อกลับมาฝั่งฮ่องกงอีก เกือบชั่วโมง...

แต่สิ่งที่ชั้นเจอ...

คือร้านปิด!!!

มันแปลว่าอารายยยยยยใครช่วยบอกที



แถวนั้นก็มีคนเดินมามองๆเหมือนกันน่าจะเป็นนักท่องเที่ยวที่หวังมากินหมูแดง

ที่เรียกว่า the must แห่งนึงเลยนะเนี่ย(แต่ก็ต้องผิดหวังไม่ต่างกัน)

ทำไงดีไอ้เราก็ไม่ได้เตรียมร้านเผื่อด้วยเลยเพราะไม่คิดว่าจะปิด

ยิ่งวันหยุดตอนบ่ายโมงแบบนี้ยิ่งไม่ควรปิดเข้าไปใหญ่


แต่ก่อนมาก็คิดนะไม่ว่าร้านอะไรถ้ามันปิดจริงๆก็หาแถวนั้นกินนั่นแหละ

เราก็เลยเดินย้อนๆๆๆกลับมาทางที่เดินผ่าน เพื่อดูว่าพอมีร้านไหน

จะช่วยปลอบประโลมจิตใจสามคนพ่อแม่ลูกผู้ชอกช้ำและหิวโหยได้บ้าง

และเราก็เจอ...


อาจจะเป็นร้านนี้ !!!ราคาคงไม่โหดร้ายเกินไป

หวังว่าใจ (บริการ)เขาคงดี


เดินร้องเพลงเข้าร้านมาเลยค่าา

เสียดายที่ไม่ได้ถ่ายหน้าร้านมา

เพราะมารู้ตัวอีกทีก็ตอนเจอหน้าพนักงานหมางเมินใส่!! (โดนแบบนี้อีกแล้ว)

แต่ทำไงได้เข้ามาร้านเค้าละไงก็เลยต้องทำใจเท่านั้น T_T

เลือกเมนูกันไปมโนบ้างอะไรบ้างเพราะไม่มีรูปถึงจะมีเมนูภาษาอังกฤษ

แต่บางอย่างก็ไม่รู้ว่าจะออกมาหน้าตายังไงแล้วนี่ก็เป็นสิ่งที่สั่งๆมากินกันค่ะ






หมดไป 136 ดอลล่าร์ฮ่องกง ราวๆ 600 บาทไทย

เมื่อกี้แวะร้านขนมปังเอาไว้กินตอนเช้าแล้วอีก 40 ดอลล่าร์




ร้านต่อไปที่เราแวะและตั้งใจแวะมากกกกกคือร้านขนมนำเข้าค่ะ Prizemart 

ชื่อนี้ป้ายสีแดงมีหลายสาขา แต่สาขานี้น่ามามากที่สุด

เพราะว่าอยู่ใกล้สถานีรถไฟฟ้า Wan chai เดินมานิดเดียวถึง


ตอนนี้ขอพักกล้องแล้วหันมาหยิบช็อกโกแลต Ritter sports อันนี้แบบว่าอยากกินมากกก

เมื่อวานเห็นขายที่นองปิง 25 เหรียญที่นี่ขายประมาณ 15 เหรียญเองค่ะ

อดใจไว้แค่วันเดียวนี่ประหยัดเงินไป 44 บาทเลยอะแน่นอนไม่ใช่แค่ 44 บาท

ซื้อมาอีกหลายอันแล้วก็หลายอย่างด้วย มีแต่ขนมน่าลอง

ได้ของกันแล้วก็ไปโรงแรมกันเถอะเหนื่อยๆตกเย็นค่อยออกมาตะลุยกันใหม่


โปรดติดตามตอนต่อไป




 

Create Date : 16 สิงหาคม 2558
0 comments
Last Update : 5 กันยายน 2558 2:44:56 น.
Counter : 754 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


FairyG
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]




 

บางครั้งคนเราก็ต้องการพื้นที่เล็กๆ
ที่ได้ระบายอะไรภายในใจ หรือเรื่องราวที่พบพาน
ถึงแม้ว่าสิ่งที่ได้แสดงออกมาที่นี่
แล้วบังเอิญอาจจะมีคนผ่านมาทางนี้
ได้พบเจอกับเรื่องราวของผู้หญิงคนหนึ่ง
ได้หยุดรับฟังแล้วจากไปแบบเงียบๆก็ตาม...


แต่ถึงอย่างไรก็ยังเฝ้าคอยเพื่อนๆที่จะมาอยู่พูดคุยกัน
ผ่านทางบล็อกนี้เสมอนะคะ :)


IG : fairygammy
FB : Sujittapa Jaroenwong






free counters

New Comments
Friends' blogs
[Add FairyG's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.