|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 |
7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 |
14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 |
21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 |
28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
ความรัก กับ วิทยาศาสตร์
The traditional Chinese character for "love" consists of a heart inside of "accept","feel","perceive" which shows a graceful emotion
จากประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา หน้าที่ในการอธิบายเรื่องราวของ ความรัก เรายกหน้าที่ให้กับนักปรัชญาเค้า รู้ไหมว่ายุคแรกๆย้อนไปถึงแถวกรีกในสมัยก่อนโน้นเนี่ย เค้ามองปรากฏการณ์เกี่ยวกับความรัก เช่น รักแรกพบ ว่าเป็นการตอบสนองต่อแรงดึงดูดอันควบคุมไม่ได้เชียวนา
โดย Empedocles เค้าบอกว่า มันจะมีแรงอยู่ 2 แรง คือ love (philia) และ strife (neikos) แล้วไอ้เจ้าแรงทั้งสองเนี่ยละเป็นสาเหตุของการเคลื่อนไหวทั้งปวงในจักรวาล โดยกระทำผ่านธาตุพื้นฐานทั้งสี่ที่เรารู้จักกันดีในนาม ดิน น้ำ ลม ไฟ นั่นเอง โดย love เนี่ยสำคัญเลยนะ เป็นแรงในการผูกมัด เชื่อมโยงส่วนประกอบต่างๆนั้นเข้าด้วยกัน
ต่อมา Plato เค้าก็ได้ขยายความหมายของแรงดังกล่าวเป็นเป็น attraction และ repulsion (ก็คงประมาณว่า แรงดูด กับ แรงผลักน่ะนะ) โดย Plato บอกว่าสิ่งที่เหมือนกันเท่านั้นถึงจะดึงดูดกัน (เรียกว่า likes attract) เช่น ดินกับดิน น้ำกับน้ำ ลมกับลม ไฟกับไฟ เป็นต้น
แต่ภายหลัง บรรดาพี่ๆนักปรัชญาเนี่ย ก็เริ่มได้รับอิทธิพลมาจากทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์ โดยเฉพาะในทางกระแสไฟฟ้า เช่น กฎของ Coulomb ที่แสดงให้เห็นว่าประจุบวกและประจุลบจะออกแรงดูดกัน ก็เลยปิ๊งไอเดีย และเสนอแนวคิดเรื่องการดึงดูดกันของสิ่งที่ตรงข้ามกัน (เรียกว่า opposites attract) ขึ้นมาแทน
อ้าว เริ่มยุ่งแล้วสิ สรุปว่าฉันจะรักกับคนที่เหมือนฉัน หรือรักคนที่ไม่เหมือนฉันดีละ
เพื่อไม่ให้งง และไม่ให้คนเราหาคู่กันได้ยากนัก ในช่วงศตวรรษที่ผ่านมา ผู้ที่ศึกษาเกี่ยวกับธรรมชาติของการมีคู่ของมนุษย์ เห็นพ้องกันว่าการจับคู่กันหรือดึงดูดซึ่งกันและกันนั้น เป็นส่วนผสมของแรงดึงดูดจากความแตกต่าง (opposites attract) และแรงดึงดูดจากความเหมือน (likes attract) ทั้งสองอย่าง นั่นเอง
แล้วก็เป็นในช่วงศตวรรษล่าสุดนี่เองที่นักวิทยาศาสตร์เริ่มเข้ามาแย่งงานนักปรัชญาทำ โดยนำมาโดยนักจิตวิทยาที่เสนอโมเดลของความรักว่าเป็น แรงขับชนิดหนึ่ง แบบเดียวกับ ความหิว หรือ ความกระหาย นั่นเอง (โห ไม่โรแมนติกเลย)
ต่อมา Robert Sternberg ได้เสนอทฤษฎีเกี่ยวกับความรักที่เรียกชื่อว่า Triangular theory of love ที่ว่า ความรัก มีองค์ประกอบ 3 ส่วน ได้แก่ intimacy, commitment, passion
Intimacy (ความคุ้นเคย) คือ รูปแบบที่คนสองคนสามารถมีแบ่งปันความลับและรายละเอียดต่างๆในชีวิตส่วนตัวร่วมกันได้ ซึ่งพบได้ทั้งในความสัมพันธ์แบบเพื่อน และความสัมพันธ์แบบความรักโรแมนติก
Commitment (คำมั่นสัญญา) หมายถึง ความคาดหวังให้ความสัมพันธ์นี้คงอยู่ชั่วนิรันดร์
Passion (ไม่รู้แปลว่าไง ความพิศวาส ละกัน) ซึ่งพบได้ทั้งในเรื่องของ ความใคร่ เช่นเดียวกับความรักโรแมนติก นักวิจัยรุ่นหลัง เช่น Yela จึงได้ปรับปรุงทฤษฎีดังกล่าวโดยแยก passion ออกเป็นสองส่วน คือ passion และ romantic passion
ส่วนการศึกษาทางประสาทวิทยา นักวิทยาศาสตร์เค้าก็ไปเจอะเอาสารเคมีหลายชนิดที่จะปรากฏในสมองเมื่อคนมีความรัก ได้แก่ Testosterone, Oestrogen, Dopamine, Norepinephrine, Serotonin, Oxytocin แล้วก็ Vasopressin
โดย Testosterone และ Oestrogen เนี่ยจะมีระดับสูงมากในช่วง lustful phase (ขอเรียกว่าช่วงเสน่หาละกัน) ของความสัมพันธ์
ขณะที่ Dopamine, Norepinephrine, Serotonin จะพบมากในช่วง attraction phase (คงเป็นช่วงรัก)
ส่วน Oxytocin , Vasopressin จะพบว่าเกี่ยวข้องกับความผูกพันระยะยาว และความสัมพันธ์ที่ยั่งยืน
และไม่ช้าไม่นาน ในปี 2005 นี่เองนักวิทยาศาสตร์ชาวอิตาลีคนนึง ก็ได้ศึกษาจนค้นพบโมเลกุลโปรตีนตัวนึง ที่เรียกว่า Nerve Growth Factor (NGF) จะมีระดับสูงเมื่อคนมีความรักในช่วงแรก แต่จะกลับสู่ระดับปกติเมื่อผ่านไปประมาณ 1 ปี
หุหุ อย่างนี้ที่เค้าหมดรักตัวเองนี่ไม่ใช่ความผิดเค้านา "มันเป็นเพราะเค้ายังบิวท์ Oxytocin ไม่ทันตะหาก แถม NGF ก็ดันมาหมดซะอีก" : P
สนใจอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที Wikipedia //en.wikipedia.org/wiki/Love
Create Date : 18 มกราคม 2550 |
|
2 comments |
Last Update : 26 มกราคม 2550 23:00:58 น. |
Counter : 1042 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: STAR ALONE (STAR ALONE ) 18 มกราคม 2550 1:35:14 น. |
|
|
|
| |
โดย: cascade 1 กุมภาพันธ์ 2550 8:53:22 น. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
กรุงเทพฯ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]
|
หนุ่ม(อยาก)หน้าใส วัยที่สิวยังขึ้นอยู่ ผู้มีความสนใจหลากหลาย ตั้งแต่นั่งจิบคาราเมล มัคคิอาโต้ อ่านวรรณกรรมดอน กีโฆเต้ในสวน แต่ก็ไม่พลาดการยืนอ่านเรื่องย่อนิยายเรือนรัก เรือนทาสหน้าร้าน (แน่นอน ไม่ซื้อ!)
|
|
|
|
|
|
|
สวัสดีค่ะ
มาเยี่ยมเยียน ค่ะ ได้เวลา
เดินชมบ้านเพื่อน แล้วค่ะ
หลับฝันดีค่ะ
จุ๊ฟๆๆ