From second to second : Before Valentine
From second to second : Before Valentine
ก่อนความรักมาทักทาย
+++++++++++++++++
เขาว่าช่วงขาลงของชีวิต อะไรที่เลวร้ายมันจะประดังประเดเข้ามาพร้อมกัน
ใช่เลย ถูกเผง
.
หงุดหงิด
.หงุดหงิดครับ ตอนนี้หนุ่มหล่อหน้าตาดี เจ้าของตำแหน่ง ชายผู้ที่สาวๆอยากออกเดทที่สุด ในบริษัท กำลังอยู่ในภวังค์อารมณ์เสียอย่างแสนสาหัส แต่ถ้าไม่มีใครสังเกตก็คงจะมองไม่ออกหรอก ทำไมน่ะเหรอ?
อรุณสวัสดิ์อิโนะ วันนี้อากาศดีนะ
อากาศดีกะผีน่ะสิ เมื่อเช้ากูนึกว่าตื่นเร็วเห็นฟ้ายังครึ้มที่ไหนได้ฝนจะตกต่างหาก อุตส่าห์รีบเข้าไปหยิบร่มแถมหาไม่เจอจนสาย พอมาครึ่งทางแดดดันออกเปรี้ยง ไอ้ชั่ว
.
ก็คิดงั้นอะนะ แต่ที่ตอบรับก็เป็น
.
ฮื่อ
.
ผมเดินไปนั่งที่โต๊ะทำงานประจำตำแหน่ง แผนกออกแบบกราฟฟิคอย่างนี้ดีตรงที่ไม่ต้องใส่สูทผูกไทด์อย่างแผนกอื่นๆ แต่ไอ้รองเท้าแตะโทรมๆที่ลากมานี่ต้องแอบสุดริด เหตุผล ก็เมื่อเช้าผมหารองเท้าไม่เจอนี่โว๊ย
ต้นเหตุมากจากการที่แฟนที่คบกันมานานทิ้งไปอาทิตย์กว่าด้วยประโยคที่ว่า ฉันทนความเย็นชาของคุณไม่ได้แล้ว ชีวิตมันก็เลยยุ่งวุ่นวายอีรุงตุงนัง ทั้งข้าวของที่ในห้องที่รกอย่างกับโดนพายุถล่ม ของกินที่เน่าคาตู้เย็น ตลอดอาทิตย์ที่ผ่านมาผมต้องผจญกับความยากลำบากนานับประการ รถก็โดนเฉี่ยวต้องเข้าอู่ แถมงานที่ส่งไปก็ต้องถูกเอากลับมาแก้อีก ที่สำคัญ เมื่อเช้าขึ้นรถไฟมาทำงานก็โดนหาว่าเป็นพวกโรคจิตอีก หน้าตาอย่างกูมันดูโรคจิตตรงไหนวะ!!
หน้าตาไม่ดีเลยนะอิโนะ กินข้าวเช้าหรือยัง?
ผมเหล่สายตาคนที่เดินเข้ามาทัก ไม่รู้ว่าไอ้นี่มันห่วงกรูหรือห่วงกิน ไอ้เจ เพื่อนสนิทที่คบกันมานานตั้งแต่สมัยเรียน แถมตอนทำงานยังก๊อปปี้อาชีพผมอีกแน่ะ ถ้าไม่นับเรื่องที่มันห่วงแต่เรื่องกินมันก็เป็นเพื่อนที่ใช้ได้คนหนึ่ง อย่างน้อยมันก็รู้ใจผมมากกว่าใคร
ยัง ผมตอบเรียบๆ
ไอ้เจวางแก้วกาแฟลงบนโต๊ะก่อนที่จะนั่งตรงหน้าโต๊ะ พยายามพูดเสียงเบา ได้ข่าวว่าฮิโตมิจังทิ้งนายไปแล้วเหรอ?
นี่ถ้ามึงไม่ใช่เพื่อนกูสงสัยได้เป็นศพแน่ๆ ก็คิดงั้นอะนะ แต่ผมก็ตอบกลับมันไปแค่การมองตาเขียวปั้ด
หนีไปอีกแล้วเหรอ? ถึงว่าสิ อิโนะช่วงนี้นายดูโทรมๆ ไม่ได้กินของดีๆสิท่า
เสียงที่เสร่อแทรกเข้ามาไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นไอ้สึงิ เพื่อนร่วมงานอีกคนในแผนก ไอ้นี่ชอบพูดจาแขวะผมเป็นประจำ รู้หรอกน่าว่าอิจฉาเรื่องที่ผมเป็นที่กรี๊ดกร๊าดของสาวๆในบริษัทมากกว่า แถมช่วงนี้มันยังพยายามชิงดีชิงเด่นกับผมมากกว่าเดิมด้วยใกล้ช่วงเวลาสำคัญ แต่ขอโทษเถอะนะ ผู้หญิงเขาชอบผู้ชายไม่พูดมากว๊อย ไม่เหมือนมึงทำตัวอย่างกับนกแก้ว ทั้งสีฉูดฉาดกับการพูดจาแสล๋นๆน่ะ ผู้หญิงเขาไม่มั่นใจว่ากรี๊ดไปแล้วจะถูกเพศหรือเปล่า
และท่าทางว่าวันนี้จะไม่ใช่วันของมันเสียด้วย เมื่อผมวางดินสอเขียนแบบในมือและลุกขึ้นยืน
แทนที่นายจะมายุ่งเรื่องของฉัน ไปทำงานให้เสร็จดีกว่านะสึงิโซ ได้ข่าวว่าลูกค้าสั่งแก้รอบที่สามแล้วนี่
ทั้งสึงิโซและเจอ้าปากค้าง แม้แต่ริวอิจิที่เป็นคนทักผมในตอนแรกก็ถึงกับละจากงานในมือแล้วหันมามองอย่างตื่นตะลึง ครับ มันคงไม่แปลกถ้าคนอื่นจะพูดประโยคนี้ แต่ที่อากาศในรอบหยุดโดยฉับพลันก็เพราะคนที่พูดน่ะเป็นผม นายอิโนรันที่ปกติเหมือนคนเป็นใบ้ที่ไม่ได้เอาปากมาจากบ้านคนนี้
ผมเดินออกจากห้องทำงานทันทีด้วยความหงุดหงิด วันนี้มันเป็นวันบ้าอะไรกันเนี่ย สงสัยคงต้องป่วยการเมืองลางานกลับบ้านดีกว่า
อิโนะ เฮ้ อิโนะ เสียงวิ่งตึงตังตามหลังมาไม่ใช่ใครที่ไหน เจ้าเพื่อนรักร่างถึงบึกควายแต่นิสัยสุดจะตรงข้ามกับหน้าตานั่นเอง
ผมหยุดยืนมองเจ้านั่นตาขวาง จนเจที่วิ่งมาประชิดตัวได้ถึงกับชะงัก
นายจะไปไหนอิโนะ? ถ้าโกรธเรื่องที่ฉันพูดเรื่องฮิโตมิจังล่ะก็ ฉันขอโทษ
โธ่
.เจ เอ๋ย เจ
นายนี่ช่างเป็นคนดีจริงๆพับผ่า ไม่ใช่ความผิดของตัวเองแท้ๆ ยังอุตส่าห์ตามมาขอโทษ
เปล่า ฉันไม่สบายจะกลับบ้าน
ผมตอบเสียงเรียบซึ่งมันเข้ากับใบหน้ามาก(ถึงมากที่สุด)
งั้นเหรอ ร่างสูงแต่ขี้ใจน้อยทำเสียงอ่อย ผมชักรู้สึกผิดขึ้นมาแล้วสิ หมอนี่มันไม่ได้เป็นต้นเหตุนี่นา คิดแล้วก็ตบไหล่หนาๆนั้นไปสองที
ฝากลาฮิเดะซังด้วย ไปล่ะ
ว่าแล้วผมก็เดินหันหลังออกจากบริษัท ซึ่งก็ไม่รู้ว่าตัวเองคิดผิดหรือถูกที่ตัดสินใจลา(โดด)งานในวันนั้น ทำไมน่ะเหรอ?
.
เขาบอกว่าวันที่ดวงตกสุดๆ จะเป็นช่วงที่โชคดีสุดๆพร้อมกัน
.
ไอ้บ้า มันจะเป็นไปได้ไงวะ?
สายครับ
ผมกำลังไปสาย ผมกำลังจะไปทำงานวันแรกสาย จะว่าไปมันก็ยังเป็นแค่เด็กฝึกงานเท่านั้นแหละ แค่เด็กทดลองงานในบริษัทที่พ่อเพื่อนฝากให้ แหม มันดูโก้ดีใช่ไหมล่ะ เด็กเส้นน่ะ เพราะในความเป็นจริงแล้วถ้าผมจะเดินเข้าไปสมัครงานที่ไหนด้วยตัวเองก็คงไม่มีบริษัทปกติที่ไหนเขารับหรอก แต่ถ้าไปสมัครเป็นคนคุมบ่อน หรือ แมงดาคุมซ่องก็ว่าไปอย่าง ในเมื่อตัวผมมันออกจะเถื่อน เท่ แมน ขนาดนี้
แต่ตอนนี้ผมกำลังจะไปสายครับ!!
บนรถไฟที่แน่นขนัดตอนเช้า คนเบียดเสียดยัดเยียดกันอย่างกับปลากระป๋องแบบที่ไม่ต้องยึดเกาะอะไรก็ไม่มีทางล้มได้ง่ายๆ และขณะที่ผมกำลังเคลิ้มๆนั้นเองก็รู้สึกเหมือนว่ามีอะไรมาขยุกขยิกแถวๆ
.ก้น
ตื่นครับ ตื่นทันตาเลย ก็เข้าใจนะว่าช่วงเวลาชุลมุนแบบนี้รูปร่างอย่างผมมันชวนเข้าใจผิดให้เป็นเด็กสาวๆ เฮ้ยย ไม่ใช่ ตาบอดหรือเปล่าวะ กูออกจะเท่ขนาดนี้ หรือว่าไอ้คนที่ลวนลามผมมันเป็นพวกแอบจิต ใช่แน่ๆ หนอย
ไม่รู้จักท่านเคียวเสียแล้ว
ผมจัดการคว้ามือข้างที่กำลังป้วนเปี้ยนอยู่แถวนั้นก่อนที่จะตะโกนเสียงดังลั่นรถกะเอาให้รู้กันทั้งขบวนนี่แหละวะ
เฮ้ยย ไอ้โรคจิต!! จับก้นผู้ชายนี่เป็นเกย์เหรอวะ
.. เหวอครับ
.เหวอกันทั้งรถ ก็ไอ้คนที่ผมคิดว่าเป็นโรคจิตนั่นมัน
.เพื่อนผมเองครับ กูเอง
.ไอ้เคียว กูจะสะกิดเรียกมึงแต่มือมันติด ไอ้ห่ะ
จะตะโกนทำไมวะ?
หน้าสวยๆของคนตรงหน้าเป็นสีชมพู ก็ตอนนี้สายตาคนทั้งรถจับจ้องเราสองคนเป็นจุดเดียว เอาล่ะครับ
.ด้านขนาดไหนก็คงไม่ทนทานต่อสถานการณ์แบบนี้มั้ง
ปะเหมาะเคราะห์ดีที่ประตูเปิดเมื่อถึงสถานีพอดี เราสองคนเลยรนีบชักชวนกันออกไปหาที่ทำขายหน้ากันที่อื่น
ไอ้ห่าทอจ กรูก็นึกว่าพวกโรคจิต ใครใช้ให้มึงมาสะกิดก้นกรูวะ ผมโวยใส่ไอ้เพื่อนที่ตัวสูงเกินมาตรฐานอย่างไม่ยั้ง
เออ ฉันขอโทษ ว่าแต่เคียว
นายรู้หรือเปล่าว่าเราสองคนลงสถานีอะไรน่ะ?
เงียบครับ
.ป่าช้าบังเกิดเมื่อจบประโยค ทั้งผมทั้งเจ้าทอจต่างเหลียวมองรอบตัว ที่นี่ที่ไหนไม่รู้ รู้แต่ว่า
.วันนี้ไปสายแน่นอน
ไอ้ทอจ นี่มันจะสิบโมงแล้ว สายขนาดนี้ไปก็ทุเรศว่ะ ฉันว่าเราไปกันพรุ่งนี้ดีกว่า นายโทรไปบอกพ่อให้หน่อยสิ
ครับ คนที่ฝากผมเข้าบริษัทก็พ่อไอ้คนตรงหน้านี่แหละครับ วันนี้เป็นเริ่มงานของผมกับมันแต่ดันสายสนิททั้งคู่
ทอจจิมองหน้ามองอย่างหยามเหยียดในความขี้เกียจก่อนจะพยักหน้าเห็นด้วย ก็ด้ายวะ แต่พรุ่งนี้ห้ามสายนะเว๊ย เห้ย แล้วแกจะไปไหน?
ไหนๆก็ออกมาแล้ว ขอไปร่อน(ไปแร่ด)หน่อยว่ะ เจอกันพรุ่งนี้ บายย
ว่าแล้วผมก็วิ่งลงบันไดสถานี ที่นี่ที่ไหนไม่รู้ครับ แต่ถ้าผมรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองอาจจะเปลี่ยนใจไปทำงานดีกว่า เพราะอะไรน่ะเหรอ?
.
เขาว่าสิ่งที่เราตามหา ไม่ว่าไล่เท่าไหร่ มันก็ยิ่งห่างไกล
แต่เมื่อถึงเวลา บทจะมา
ก็ไม่ทันตั้งตัว
โครมม!!!! เสียงปะทะกันของสิ่งมีชีวิตมากกว่าหนึ่งขึ้นไปดังลั่นจนคนแถวนั้นต้องเหลียวดู หนึ่งในนั้นคือผม ส่วนอีกคนเป็นใครไม่รู้ รู้อีกทีก็กลิ้งโค่โร่นอนอยู่บนพื้นนั่นแล้ว
ผมหรี่ตาขึ้นมา รู้สึกเจ็บแปลบตรงหางคิ้วและเมื่อเอานิ้วแตะดูก็มีสีแดงติดมา
เฮ่อ
.วันนี้จะซวยไปถึงไหนวะ? อิโนะ
โอ๊ย เจ็บชะมัด เสียงโอดครวญจากคนที่นอนอยู่เชิงบันได ทำให้ผมต้องเลิกสนใจตัวเองก่อนจะเดินลงไปดูอาการ คู่กรณีผมเป็นเด็กผู้ชายตัวเล็ก สงสัยจะเป็นเด็กมัธยมต้น แต่แปลกที่สวมสูทเหมือนคนทำงานมากกว่าเป็นชุดฟอร์มของโรงเรียน
เป็นไงบ้าง? ผมถามสั้นๆในแบบที่ผมเป็น มือยื่นไปพยุงแขนให้อย่างหวังดี แต่อีกฝ่ายกลับแหกปากลั่น แถมปัดมือผมทิ้งเสียอีก
โอ๊ยย เจ็บๆๆๆๆ ขาๆๆๆ เบาหน่อยเซ่! เด็กบ้าอะไรวะ? พูดจาไม่มีสัมมาคารวะ ผมนึกในใจ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร ยังคงพยายามประคองเจ้านั่นให้ลุกขึ้นอย่างใจเย็น
เป็นไงบ้าง? ผมถามอีกครั้งด้วยประโยคเดิม คราวนี้เจ้าหนูนั่นหันขวับมาทำให้เห็นใบหน้านั้นอย่างถนัดตา ขอโทษครับ
ผมเข้าใจผิด เจ้าหมอนี่ไม่ได้เป็นเด็กมัธยมแน่ๆแม้ว่าจะตัวเล็กขนาดนี้ แม้จะมีหน้ากลมๆผิวขาวๆ กับริมฝีปากอิ่มสีสด แต่จะว่าไปคงไม่มีเด็กนักเรียนที่ไหนเจาะหู แล้วก็ย้อมผมทองซะพังก์จ๋าแบบนี้หรอกนะ
นายอายุเท่าไหร่? ผมถามคำถามอย่างที่ใจคิด ก่อนที่จะพบกับใบหน้ากราดเกรี้ยวกลับมา
ฉันไม่ใช่เด็กม.ปลายละกัน อีกฝ่ายตอบเสียงขุ่นเหมือนจะล่วงรู้ในสิ่งที่คิด ขอบใจที่ช่วย แล้วก็ไปได้แล้ว ปล่อยแขนฉันด้วย! คุณคิดว่าผมจะเป็นพระเอกแสนดีที่ต้องคอยเทคแคร์นางเอกใช่ไหมครับ? เปล่าเลย บอกให้ปล่อยผมก็ปล่อยดิ
ผลัวะ! เสียงคนลงไปกองกับพื้นอีกรอบ
โอ๊ย ไอ้บ้า ไร้ความละเอียดอ่อน บอกให้ปล่อยก็ปล่อยเลยเรอะ! ไอ้เปี๊ยกนั่นเริ่มโวยวาย
ก็บอกให้ปล่อยนี่นา
ผมนึกในใจก่อนจะก้มลงไปประคองร่างเล็กๆนั้นอีกครั้ง คราวนี้ผมเลยต้องพาไปนั่งที่เก้าอี้แถวนั้นให้ด้วย และก่อนที่จะโดนบ่นอะไรอีกผมก็เดินตามไปเก็บข้าวของของเราสองคนที่กระจายบนพื้นกลับมาให้
เอ้า
จู่ๆไอ้หมอนั่นก็ยื่นอะไรบางอย่างให้ผม
มันเป็นพลาสเตอร์ครับ พลาสเตอร์ปิดแผลและที่สำคัญ มันเป็นลายคิตตี้!!
เอาไปติดก่อนเหอะน่า กันเชื้อโรค ไปหาหมอแล้วค่อยเปลี่ยน เจ้าหมอนั่นจิ้มจึกๆที่หางคิ้วตัวเอง ทำให้ผมเพิ่งนึกได้เหมือนกันว่าตัวเองเป็นแผลอยู่
ฉันจะไปพานายไปหาหมอ จู่ๆผมก็พูดขึ้นมา แปลก
ทั้งๆที่ผมเป็นคนที่ไม่ใส่ใจใครถึงขนาดนี้แท้ๆ ยิ่งเป็นคนแปลกหน้าด้วยแล้ว เพราะอะไรกันล่ะ?
หรือจะเพราะดวงตากลมโตคู่นั้น
ไม่ต้องหรอก นั่งพักเดี๋ยวก็หาย เจ้านั่นโบกมือ
ไม่หายหรอก
ผมคิดในใจ แล้วทรุดตัวลงนั่งข้างๆ
ฉันจะนั่งเป็นเพื่อนนายแล้วกัน
.
เขาว่าสิ่งที่เห็นในวินาทีหนึ่ง ในอีกวินาทีถัดมาอาจจะเปลี่ยนเป็นอีกอย่างหนึ่ง
ผมว่ามันน่าจะจริง
.
ตอนนี้ผมกำลังทำอะไรอยู่ครับเนี่ย?? นึกแปลกใจตัวเองอย่างครามครัน
ครับ ขอใช้สำนวนน้ำเน่าเหมือนในนิยายที่เคยอ่านหน่อยเหอะ แต่ตอนนี้ เวลาสิบเอ็ดโมงสิบสี่นาที ผม นายเคียว กำลังนั่งอยู่ที่เก้าอี้สถานีรถไฟที่ไหนก็ไม่รู้ กับผู้ชายที่เป็นใครก็ไม่รู้
รู้แต่ว่าเขาเดินมาชนผม หรือผมวิ่งมาชนเขาก็ไม่แน่ใจ แต่ผลออกมมาคือผมตกบันไดขาเจ็บ และเขาคิ้วถลอก
รู้อีกอย่างคือเขาเป็นผู้ชายที่หน้าสวย ตอนที่เขาก้มหน้าช่วยดึงแขนผมขึ้นมาทำให้เห็นดวงตาสีน้ำตาลที่ซ่อนอยู่ใต้ผมปรกหน้านั้นชัดเจน
และที่แน่ๆคือ เขาเป็นคนพูดน้อย น้อยมากถึงมากที่สุด นับตั้งแต่นั่งมาด้วยกันเกือบชั่วโมง แทบจะนับคำที่พูดได้เลย
เขาอุตส่าห์นั่งเป็นเพื่อนผม ทั้งๆที่ไม่จำเป็นต้องทำอย่างนั้น และผมก็ไม่ไล่เขาไป ทั้งๆที่นิสัยผมน่าจะทำอย่างนั้น
สงสัยว่าถ้าไม่มีเสียงนั่น เราจะนั่งกันอยู่อย่างนี้ทั้งวันหรือเปล่า?
rrrrrrrrrrrrrrrrrrrrr ฮื่อ
เสียงมือถือของเขาดัง และขนาดเวลารับสายก็ยังสงวนคำพูดอีก อะไรจะกลัวดอกพิกุลร่วงปานฉะนั้น
ออ รู้แล้ว เดี๋ยวไป
เขาเก็บโทรศัพท์และลุกขึ้นยืน ก่อนจะหันมาทางผม พูดเสียงเรียบๆเหมือนสีหน้าที่เจ้าตัวเป็น
ฉันต้องไปแล้ว นายอยู่คนเดียวได้นะ
ได้ ค่อยยังชั่วมากแล้ว นายไปเหอะ ผมโบกมือไล่เขาอีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้เขาก็ลุกขึ้นอย่างว่าง่ายก่อนจะเดินจากไป
แปลก
เมื่อสามชั่วโมงที่แล้ว ผมเพิ่งจะตาลีลาเหลือกออกจากบ้าน
เมื่อสองชั่วโมงที่แล้ว ผมกำลังหงุดหงิดอยู่บนรถไฟ
เมื่อหนึ่งชั่วโมงที่แล้ว ผมกำลังอารมณ์เสียที่ต้องเจ็บตัว
และเมื่อสิบนาทีที่แล้ว ผมกำลังนั่งอยู่กับผู้ชายที่ไม่รู้จัก แถมไม่ได้คุยกันซักคำ
แปลก
สงสัยผมจะแปลกไปแล้ว
..
มันเป็นช่วงบ่ายที่ยุ่งเสียจนน่าโมโห
แต่แปลกที่จิตใจผมกลับสงบอย่างไม่น่าเชื่อ
ทั้งๆที่ถูกเรียกกลับบริษัทอย่างเร่งด่วน ทั้งๆที่ตัวเองลาป่วยไปแล้วก็ตาม แต่เมื่อผมผลักบานประตูเข้ามาก็พบว่างานที่ตัวเองเคยทำเสนอไป ได้รับการยอมรับอย่างไม่น่าเชื่อ
ไม่น่าเชื่อเลยจริงๆ
เขาว่าสิ่งที่เห็นในวินาทีหนึ่ง ในอีกวินาทีถัดมาอาจจะเปลี่ยนเป็นอีกอย่างหนึ่ง
เขาบอกว่าวันที่ดวงตกสุดๆ จะเป็นช่วงที่โชคดีสุดๆพร้อมกัน
เขาว่าเมื่อเรามองไม่เห็นความเลวร้าย สิ่งที่ดีๆก็ปรากฎแก่สายตา
หมายถึงดวงตาสีดาร์กช๊อคโกแลตที่มีประกายเหงาๆคู่นั้นหรือเปล่า?
.
เฮ้ อิโนะ
เสียงเจ้าเจเรียกผมขณะที่เราสองคนกำลังเตรียมข้าวของเพื่อพรีเซ้นงานให้ลูกค้ากันตั้งแต่เช้า แน่นอน ว่ามันต้องเป็นคนพูดทั้งหมด ผมฉายสไลด์อย่างเดียว
ฮื่อ
วันนี้จะมีเด็กฝึกงานมาที่แผนกเราแน่ะ เจ้านั่นชวนคุย เห็นว่าเป็นลูกชายประธานบริษัทกับเพื่อนเค้าน่ะ
ฮื่อ
ผมตอบรับอย่างไม่สนใจ ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติ ผมไม่เคยสนใจใครอยู่แล้ว บางทีแม้แต่เรื่องของผมเอง ผมยังไม่สนใจเลยด้วยซ้ำ และเจเองก็ชินกับท่าทีแบบนี้ของผมแล้วล่ะ
เราสองคนหอบอุปกรณ์มาที่ห้องประชุมอย่างเงียบๆ หมายถึงผมคนเดียวน่ะ เจน่ะเหรอ? ก็จ้อไปตลอดทางอย่างที่เป็น
อีกไม่กี่วันก็จะวาเลนไทน์แล้วนะอิโนะ จู่ๆเจก็พูดเรื่องนี้ขึ้น ไม่รู้ว่าปีนี้นายกับสึงิใครจะได้ช๊อคโกแลตมากกว่ากันนะ
ผมไม่ตอบอะไร แต่มองออกไปนอกหน้าต่าง วาเลนไทน์งั้นเหรอ? ปีนี้คงจะเป็นวาเลน์ไทน์แรก ที่ผมไม่มีเดท ไม่ต้องออกไปจองร้านอาหาร ไม่ต้องไปหาซื้อดอกไม้
เจ
.อิโนะ ฮิเดะซังให้มาตามกลับไปที่ห้องแน่ะ
ริวอิจิโผล่หน้าเข้ามาเรียกเราสองคนขณะกำลังต่อสายเครื่องฉายอยู่
ยังเตรียมของไม่เสร็จเลย เจท้วง
พอดีเด็กฝึกงานที่ว่า
ลูกชายท่านประธานกับเพื่อนเค้ามาแล้วน่ะ
เจกับผมจำต้องเดินกลับไปที่ห้องพร้อมริวอิจิ ทันทีที่โผล่หน้าเข้าไปก็ได้ยินเสียงฮิเดะซังหัวหน้าแผนกก่อนที่จะเห็นตัวเสียงอีก
มาแล้วๆ สองคนนี่แหละที่จะเป็นคนดูแลเธอทั้งคู่ โอโนะเสะ นายคอยดู โทชิยะ ส่วนอิโนะอุเอะ
.
ดวงตาสีดาร์กช๊อคโกแลตคู่โตเบิกกว้างมองมายังผม ก่อนจะรู้สึกตัวคลี่ยิ้มน้อยๆให้
ยินดีที่ได้รู้จัก ผมนิมุระ เคียว
ผมรู้ครับ ว่าหมอนั่นยิ้มให้พลาสเตอร์คิตตี้ที่หางคิ้วผมนี่ต่างหาก
+++++++++++++++++++++++
TO BE PART II : Between Valentine
Create Date : 17 กรกฎาคม 2560 |
Last Update : 17 กรกฎาคม 2560 14:14:32 น. |
|
0 comments
|
Counter : 637 Pageviews. |
|
|
|