กันยายน 2556

1
2
3
4
6
7
10
11
12
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
25
26
27
28
29
30
 
 
ตำนานพระแก้วมณีโชติ (ฉบับย่อ)

ตำนานพระแก้วมณีโชติ (ฉบับย่อ)

 เครดิตที่มา,สามารถอ่ามเพิ่มได้ที่ //tamroiphrabuddhabat.com/xmb/viewthread.php?tid=653#12


พระพุทธศาสนาผ่านไป ๒๕๐๐ ปี จะเกิดกลียุคมนุษย์รบราฆ่าฟันกันเองโลกมนุษย์จะพบภัยพิบัติจากโรคระบาดที่ร้ายแรงมาคร่าชีวิตผู้คนและสัตว์ให้ล้มตายจำนวนมาก แต่คนที่แขวน "พระแก้วมณีโชติ" ติดตัวจะปลอดภัยจากอันตรายทั้งหลายทั้งปวง


สมเด็จโตได้นิมิตบอกหลวงปู่ทิพย์พระอรหันต์แห่งถ้ำเชียงดาว จ.เชียงใหม่ ปัจจุบันท่านได้ละสังขารไปแล้ว ท่านเป็นอาจารย์ของผู้เขียนและอนุญาตให้เปิดเผยเรื่องราวพระแก้วมณีโชติพระแก้วกายสิทธิ์ที่เทวดาสร้างถวายบูชาพระพุทธเจ้า ท่านเล่าว่า...

เมื่อครั้งสมัยพุทธกาล องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังทรงพระชนม์ชีพอยู่ พระพุทธองค์ทรงจาริกประเทศเทศนาธรรมสั่งสอนเวไนยสัตว์ทรงเสด็จจาริกมายังถิ่นต่างๆ ทรงพยากรณ์ที่ต่างๆ และประทานพระเกศาธาตุและพระพุทธบาทอันทรงสมควรและทรงเล็งด้วยพระพุทธญาณว่าต่อไปที่แห่งนี้จะเป็นที่อุดมในธรรม ทรงพยากรณ์ว่า


“ต่อไปภายหน้าเมื่อตถาคตปรินิพพานได้ ๑๐๐ ปี ณ ที่แห่งนี้จะเกิดนครใหม่ที่มีความรรุ่งเรืองทางพระพุทธศาสนาอย่างมากมีนามว่า “ ทิพย์มหานคร ”เมืองนี้ปรากฏพระเถระองค์หนึ่งนามว่า "พระธรรมราช" เป็นพระอรหันต์ที่มีฤทธิ์ศักดามาก เป็นที่เคารพนับถือของเหล่ามนุษย์และพญานาคตลอดจนเทวดาทั้งหลาย

พระธรรมราชคิดว่าพระพุทธศาสนาจะรุ่งเรืองได้ต้องให้คนทั้งหลายระลึกถึงพระพุทธคุณจึงคิดจะสร้างพระพุทธรูปองค์เล็กจำลองเป็นรูปของพระพุทธเจ้าเพื่อให้เป็นที่พึ่งของเหล่ามนุษย์แต่จะสร้างด้วยทองคำหรือเงินก็จะทำให้มนุษย์เกิดความโลภทำอันตรายต่อรูปจำลองของพระพุทธเจ้า


ความคิดนี้รู้ไปถึงมหาพรหมผู้มีนามว่า "ชินนะปัญจะระ"ท่านจึงแปลงร่างเป็นชีปะขาวนำเอาแก้วมณีโชติที่ถือเป็นแก้วกายสิทธิ์อยู่บนสวรรค์ชั้นดุสิตมาถวายให้พระธรรมราชพระธรรมราชจึงให้ช่างแกะสลักในเมืองช่วยกันแกะเป็นรูปจำลองของพระพุทธเจ้า ปรากฏว่าช่างแกะสลักไม่สามารถที่จะแกะสลักแก้วมณีโชติได้

พวกช่างปรึกษากันด้วยจนปัญญา ความนี้ทราบถึงพระอินทร์จึงสั่งให้เทวดาประจำวันทั้ง ๗ องค์ แปลงร่างเป็นมนุษย์ลงมารับอาสาแกะสลักแก้วมณีโชติเป็นรูปจำลองของพระพุทธเจ้า ด้วยการแกะสลักเป็นพระพุทธรูปองค์เล็กใช้ติดกายและองค์ใหญ่สูงครึ่งคืบไว้ประจำบ้านเมือง เพียงใช้เวลา ๗วันแกะได้ ๘๔,๐๐๐ องค์ เมื่องสร้างเสร็จแล้วพระธรรมราชจึงประชุมกับเจ้าเมืองและชาวเมืองเพื่อจัดงานทำบุญฉลองสมโภชพระแก้วมณีโชติ


พระศรีอาริยเมตไตร พระแก้วมณีโชติ

ท่านมหาพรหมชินนะปัญจะระและพระอินทร์ จึงแปลงร่างเป็นชีปะขาวมาร่วมในงานฉลองด้วย เมื่อถึงเวลาพระธรรมราชเป็นผู้เจริญพระพุทธมนต์ชีปะขาวทั้งสองเจริญทิพย์มนต์บูชาพระพุทธเจ้า และมีการจุดบ้องไฟเป็นพุทธบูชานับได้ ๑๐๘ กระบอก ชาวเมืองพร้อมใจกันจุดบ้องไฟ เมื่อจุดบ้องไฟติดพวกช่างแกะสลักทั้งเจ็ดและชีปะขาวทั้งสอง ก็กระโดดขึ้นนั่งบนหัวบ้องไฟ บ้องไฟได้พาเอาร่างชีปะขาวและช่างแกะสลัก สูงขึ้น...สูงขึ้น..จนหายเข้ากลีบเมฆไปในที่สุด

ชาวเมืองจึงรู้ว่าเทวดาแปลงร่างมาเป็นช่างแกะสลักและชีปะขาว จึงพากันส่งเสียงแซ่ซ้อง สาธุ สาธุ กึกก้องอึงคะนึงไปทั่วทั้งเมืองท่านมหาพรหมชินนะปัญจะระจึงประพรมน้ำพุทธมนต์ อวยพรอวยชัย โดยบันดาลให้ฝนทิพย์ตกลงมาทั่วเมือง เสร็จงานแล้วชาวเมืองช่วยกันขุดหลุมลึก ๗ ศอก ๕๖ หลุมนำเอาพระทั้งหมดใส่ไห ๕๖ ไห ฝังในหลุมและกลบอย่างดี พระธรรมราชขอให้พญานาคชื่อ "พญาศรีเสน" เป็นผู้เฝ้ารักษาไม่ให้ผู้ใดมาเหยียบย่ำที่แห่งนี้


พระแก้วมณีโชติ

ศาสนาตถาคตผ่านไป ๑,๒๐๐ ปี พระแก้วมณีโชติจะปรากฏขึ้นครั้งแรกโดยพระอรหันต์ผู้มีนามว่า "โสนันโท"ได้นิมิตพบพระแก้วมณีโชติขณะที่เหาะไปเมืองพญาครุฑ เห็นดวงไฟลอยจากใต้พื้นดินสู่ท้องฟ้านับหมื่นดวง เป็นที่อัศจรรย์ จึงได้เชิญกษัตริย์ละโว้มาสร้างเมือง ณดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ ได้ตั้งชื่อเมืองนี้ว่า "พิสดารมหานคร"

กษัตริย์ผู้ครองเมืองมีความเลื่อมใส พระพุทธศาสนาเป็นอย่างมาก ได้สร้างวัด ๑๐๘ วัดเป็นพุทธบูชา ท่านจึงแปลงร่างปีชะขาวมาร่วมอนุโมทนากุศลครั้งนี้พร้อมถวายพระแก้วมณีโชติ ๑ ไหให้ไว้ประจำเมือง และให้เหล่าเทวดาที่ร่วมสร้างพระแก้วมณีโชติช่วยกันคุ้มครองรักษาแผ่นดินธรรมสืบไป


พระพิฆเนศ,พระศรีอาริยเมตไตร พระแก้วมณีโชติ) (และฟันกลามแก้วพญานาคจากบาดาล)

ศาสนาตถาคตผ่านไป ๒๐๐๐ ปี พระแก้วมณีโชติจะถูกนำขึ้นมาให้มนุษย์สักการบูชากราบไหว้ เป็นที่พึ่งที่ยึดเหนี่ยวของคนดีมีศีลธรรมที่เคารพนับถือพระพุทธเจ้า มนุษย์ที่ได้ครอบครองพระแก้วมณีโชติจะปลอดภัยจากอันตรายทั้งหลายทั้งปวง มีความสุขสมบูรณ์ เจริญด้วยโภคทรัพย์เทวดาปกปักษ์คุ้มครองรักษา เมื่อนั้นพระพุทธศาสนาจะเจริญรุ่งเรืองสืบต่อไปจนครบ ๕๐๐๐ ปี ตามพุทธพยากรณ์

สมเด็จโตผู้นิมิตพบท่านมหาพรหมชินนะปัญจะระ เมื่อครั้งธุดงค์ไปที่กำแพงเพชร ท่านมหาพรหมชินนะปัญจระได้สอนคัมภีร์ธรรมศาสตร์และพิธีการปลุกเสกพระเครื่อง ทำให้พระสมเด็จของท่านมีชื่อเสียงเลื่องลือระบือนามไปทั่วทิศ พร้อมทั้งบอกเล่า "ตำนานพระแก้วมณีโชติ"และบอกให้สมเด็จโตไปเอาพระแก้วมณีโชติมา ๕ ให้เก็บรักษาไว้ ในภายภาคหน้าจะเป็นประโยชน์ในการช่วยทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาอยู่ครบ ๕๐๐๐ ปี

ดอกแก้วโกมลเมืองบาดาล ( 1 ดอกมี 3 สี )

สมเด็จโตพร้อมศิษย์จึงเดินทางมาที่เมืองทิพย์นครและได้พบกับพญานาคผู้รักษาพระแก้วมณีโชติ พญานาคได้พ่นไฟพิษเข้าใส่สมเด็จโตจึงภาวนานึกถึงท่านมหาพรหมชินนะปัญจะระ ไฟพิษของพญานาคไม่สามารถทำอันตรายได้ สมเด็จโตบอกพญานาคว่าท่านมหาพรหมชินนะปัญจะระใช้มาจริงไม่ได้พูดเท็จจึงมอบพระแก้วมณีโชติให้สมเด็จโต ๕ ไห

สมเด็จโตนำเอามาเก็บไว้ที่กุฏิท่านโดยให้วิญญาณผู้หญิงเป็นผู้เฝ้าดูแล ทำให้ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ไหของสมเด็จท่านด้วยเกรงกลัวอิทธิฤทธิ์ของวิญญาณของหญิงสาวนั้น ที่ชอบปรากฏตัวให้ผู้คนเห็น ก่อนสมเด็จโตจะมรณภาพ ท่านได้นำเอาไหทั้ง ๕ใบไว้บนเพดานโบสถ์วัดระฆังโดยไม่มีใครรู้


คฑาสีชาพิเศษ ของท่านท้าวปุญนโตนาคราช

เวลาผ่านไป ๑๐๐ ปี สมเด็จโตได้นิมิตบอกผ่านหลวงปู่ทิพย์ได้รับรู้ถึงนิมิตตำนารพระแก้วมณีโชติ และก่อนที่ท่านจะละสังขารได้มอบ "พระแก้วมณีโชติ"ให้ศิษย์ของท่านเป็นผู้ดูแลเก็บรักษาไว้ และอนุญาตให้เปิดเผยเล่าเรื่องราวตำนานพระแก้วมณีโชติให้พุทธศาสนิกชนทั้งหลายได้รับรู้เพื่อช่วยกันสืบอายุพระพุทธศาสนาให้ครบ ๕๐๐๐ ปี


พระขรรค์แก้วฟ้าบาดาลประสานสุข (พระขรรค์แก้วกายสิทธิ์)

พระขรรค์แก้วฟ้าบาดาลประสานสุขด้ามนี้ ครูบาอาจารย์ท่านได้ตั้งจิตอธิฐานจากในถ้ำ ที่จังหวัดสกลนคร เพื่อนำมาเสริมบารมีให้กับลูกศิษย์ลูกหา ที่มีจิตตั้งมั่นในพระพุทธศาสนา ถือศีลปฏิบัติสร้างบารมีหรือทำมาหากิน ศัตรูหมู่มารไม่กล้าทำอันตรายใดๆ ขัดเกลาในอาสวะกิเลส หรือกมลสันดารถูไถกิเลสในเรื่อง ความรัก ความโลภ ความโกรธ ความหลง ให้กิเลสอ่อนกำลังลง โทสะ โมหะ ให้เบาบางลง และภูมิธรรมจะได้บังเกิดขึ้น

เมื่อภูมิธรรมบังเกิดเข้าสู่กระแสจิตแล้ว ความศรัทธาในพระพุทธศาสนาเราก็จะมีความเชื่อมั่น ว่าบาป มีจริง บุญ มีจริง ทำดีได้ดี จริง ทำชั่วได้ชั่วจริง เราก็จะได้ละในฝ่ายอกุศลทั้งหมดทั้งสิ้น ถือว่าได้ปรับสภาวะจิตขั้นต้น เมื่อจิตขั้นต้น ตั้งมั่น มงคลก็จะเกิดขึ้นกับตัวเรา


พระธาตุกายสิทธิ์ (เหล็กไหล) ใว้สำหลับเสริมบารมี เพื่อเป็นสิริมงคล)




เมื่อมงคลเกิดกับตัวเราแล้ว ความผาสุกย่อมที่จะเกิดตามมา เมื่อความสุขตามมา เราก็พัฒนาทางจิตเรื่อยๆขึ้นไป ไปจนกว่าจิตอันนั้น จะเข้าถึงถ่องแท้ หรือศรัทธาตั้งมั่น ในภูมิของเทวาธรรม ในภูมิของพรหมธรรม และโลกุตรธรรมในที่สุด

ที่มา - http: //login.totalweblite.com



Create Date : 13 กันยายน 2556
Last Update : 24 กันยายน 2556 13:23:55 น.
Counter : 10735 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

iamneomai
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]