เรื่องสั้น: ผู้โดยสาร
ผู้โดยสาร
"ตามที่ได้รายงานข่าวเรื่องการปล้นร้านทองเมื่อสิบนาทีที่ผ่านมา ตอนนี้คนร้ายได้หลบหนีจากที่เกิดเหตุหลังจากยิงพนักงานร้านทองที่พยายามเข้ามาแย่งปืนจนบาดเจ็บสาหัส
ทางตำรวจกำลังมายังที่เกิดเหตุเพื่อตามล่าตัวคนร้ายที่หนีออกจากห้างแล้วค่ะ
ผู้ก่อเหตุเป็นชายร่างสันทัด สูงประมาณ 170 เซนติเมตร ใส่เสื้อสีฟ้า กางเกงขายาวสีดำ รองเท้าผ้าใบสีน้ำตาล ใส่หน้ากากอนามัยสีขาว สะพายเป้สีดำที่ใช้ใส่ทองที่ปล้นมามูลค่ากว่าห้าแสนบาท หากท่านผู้ฟังพบเห็นชายที่ต้องสงสัย โปรดแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจที่อยู่ใกล้ที่สุดค่ะ หรือโทร..."
“ก๊อก ก๊อก ก๊อก”
เขาหรี่เสียงวิทยุลง หลังจากได้ยินเสียงเคาะที่กระจกหลังรถของเขา
ยังไม่ทันจะได้พูดอะไร ชายที่เคาะกระจกรถของเขาเปิดประตูเข้ามานั่งในตำแหน่งที่นั่งหลังคนขับ ก่อนจะปิดประตูอย่างรวดเร็ว
"ไปรังสิตครับพี่ ผมนัดเจอแฟนไว้ ไม่อยากสาย ผมเหมาพี่เลยหนึ่งพันบาท ไม่ต้องกดมิเตอร์"
ชายคนนั้นบอกกับเขาด้วยน้ำเสียงเร่งรีบ
"เอ่อ พี่ครับ อีกชั่วโมง ผมต้องส่งรถคืนอู่"
เขาพยายามปฏิเสธ
“งั้นเอางี้ พาผมไปส่งที่สถานีรถไฟฟ้าที่ใกล้ที่สุดก็ได้ ผมให้พี่ห้าร้อย”
“ห้างนี้เพิ่งมีการปล้นทองกัน ตำรวจกำลังมา เดี๋ยวเขากักบริเวณ รถจะติดหนักนะครับ”
ชายคนนั้นพยายามตื๊อให้เขาไปส่งให้ได้
เขามองผ่านกระจกมองหลัง เห็นรถตำรวจกำลังมาที่ห้างอย่างที่ชายคนนั้นพูดจริง
อีกอย่างเส้นทางที่เขาจะไปก็ผ่านสถานีรถไฟฟ้าอยู่แล้ว การรีบออกจากห้างนี้ น่าจะเป็นวิธีที่ดีที่สุด
"ตกลงครับพี่"
เขาตอบตกลงกับชายคนนั้น
นั่นทำให้ชายคนนี้กลายมาเป็นผู้โดยสารของเขาอย่างเป็นทางการแล้ว
****************
ขณะที่พารถสีเขียวเหลืองเคลื่อนตัวออกจากที่จอด
เขามองผ่านกระจกหลังกลับไปดูที่หน้าห้างซึ่งเต็มไปด้วยรถตำรวจและบรรดานักข่าว
สายตาของเขาเปลี่ยนโฟกัสจากหน้าห้างมาที่ผู้โดยสารที่นั่งอยู่ด้านหลัง
ชายคนนี้มีรูปร่างสันทัด ใส่หน้ากากอนามัยสีขาว
เสื้อกล้ามสีขาวเผยให้เห็นกล้ามแขนที่ได้รูปแบบคนที่ออกกำลังกายเป็นประจำ
แต่ก็น่าสงสัยว่าทำไมชายคนนี้ถึงใส่เสื้อกล้ามตัวเดียวออกจากบ้าน
เขาพยายามมองกางเกงของผู้โดยสารผ่านกระจกแต่ก็ไม่ถนัดนัก เพราะชายคนนี้นั่งนิ่งจนแทบจะไม่ขยับตัวอยู่หลังที่นั่งคนขับ ราวกับพยายามจะซ่อนตัวจากสายตาของเขา
ขณะที่กำลังสังเกตผู้โดยสารของเขาผ่านกระจก
ผู้โดยสารหันมาสบสายตากับเขาผ่านกระจกมองหลังอย่างจัง
"มีอะไรไหมครับพี่ เห็นคอยมองหลังตลอดเลย"
ผู้โดยสารพูดกับเขา
"ปละ - เปล่าครับ แค่กำลังคิดว่าพี่หนาวหรือเปล่า เลยไปนั่งหลบอยู่หลังเก้าอี้ผมซะขนาดนั้น ถ้าพี่หนาว ผมจะเบาแอร์ให้"
เขาตอบกลับ
"ไม่หนาวครับ ผมแค่อยากจะดูวิวฝั่งนี้เท่านั้นน่ะ"
ผู้โดยสารให้คำตอบ
****************
“ตื๊อ ตือ ตื่อ ตือ - ตื๊อ ตือ ตื่อ ตือ ตื๊อ -”
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นที่ด้านหลังรถ
ผู้โดยสารหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาจะรับสาย แต่ปรากฏว่าไม่ใช่เครื่องนี้ เขาจึงหยิบอีกเครื่องหนึ่งขึ้นมารับ
“เออ ว่าไง …… เออ กำลังตามไป ...... ฝากจัดการเสื้อให้ด้วย …… แค่นี้นะ”
เสียงคุยโทรศัพท์ของผู้โดยสาร ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะมองไปที่ต้นเสียงผ่านกระจกหลัง
สายตาผู้โดยสารมองสบตาผ่านกระจกมองหลังมาที่เขาเป็นครั้งที่สอง
“ขอโทษครับ พอดีผมติดนิสัยชอบมองผ่านกระจกน่ะครับ อย่างที่เขาว่าอยู่ในเมืองให้คอยดูเงาสะท้อน”
เขาพูดแก้เก้อกับผู้โดยสารที่มองตาเขม็งผ่านกระจกมาที่เขา
"ผมยังไม่ได้ว่าอะไรเลยครับพี่"
“อ้อ แล้วถ้าอยู่ในป่า หรือถ้าไม่มีกระจก พี่จะทำยังไงครับ”
ผู้โดยสารถามกลับ
“ถ้ามองไม่เห็น ก็ต้องฟังเสียงเอาล่ะมั้งครับ”
เขาตอบ
ตอนนี้เขาเริ่มระแวงแล้วว่าจะมีภัยมาถึงตัว
ผู้โดยสารลึกลับที่เอาแต่นั่งแอบอยู่หลังเบาะของเขา
เสื้อกล้ามที่ใส่ก็ดูแปลกไปสำหรับคนทั่วไปที่ออกมานอกบ้าน
ที่สำคัญชายคนนี้ โผล่มาจากห้างที่เพิ่งเกิดการปล้นทองมาหมาดๆ
****************
เขานึกวิธีออกแล้ว เขาจำได้ว่าวางเป้ไว้บนพื้นรถด้านหลังข้างซ้าย
“พี่ครับ ผมรบกวนพี่ช่วยหยิบเป้ ด้านซ้ายมือของพี่ให้ผมหน่อยครับ มันวางอยู่ที่พื้นครับ”
เขาขอร้องผู้โดยสารของเขา
“อ้อ ได้ครับ สีดำใช่ไหมครับ”
ผู้โดยสารบอกก่อนจะค่อยๆค้อมตัวไปหยิบอย่างระวังตัว
จังหวะนี้เขาใช้มือขวาหยิบโทรศัพท์ที่เปิดโหมดถ่ายวิดีโอเตรียมไว้แล้ว ยกอ้อมเบาะไปด้านหลังเพื่อถ่ายสิ่งที่ผู้โดยสารของเขาพยายามปิดบังเอาไว้
เขาเก็บภาพได้ประมาณ 5 วินาที ก่อนดึงโทรศัพท์กลับเมื่อเห็นผู้โดยสารของเขากำลังจะโยกตัวกลับมา
“หนักเหมือนกันนะครับ เหมือนซิปปิดไม่สนิท ผมปิดให้ก่อนแล้วกัน”
ผู้โดยสารพูดกับเขา ก่อนจะส่งเป้ไปข้างหน้า
“ขอบคุณมากครับ”
เขารับเป้แล้วตอบขอบคุณผู้โดยสาร
เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาวางที่หว่างขาแล้วเปิดไฟล์วิดีโอที่เขาแอบถ่ายมาเปิดดูด้วยความเร็วต่ำ
ในที่สุดเขาก็เห็นกางเกงของผู้โดยสารคนนี้แล้ว
แต่ที่น่าตกใจกว่าก็คือ รองเท้าของผู้โดยสารคนนี้มีรอยเปื้อนเลือด !!!
ตอนนี้หน้าเขาเริ่มซีด ขณะที่มือก็เริ่มสั่น
เขาค่อนข้างมั่นใจแล้วว่าผู้โดยสารลึกลับคนนี้เป็นใคร
****************
รถเคลื่อนไปข้างหน้าด้วยความเร็วสูงเพราะหลุดจากส่วนที่จราจรติดขัดมาแล้ว
เขาเอื้อมมือไปเปิดวิทยุ เพื่อทำลายความเงียบและเพื่อสงบใจที่เต้นระรัวของเขา
แต่ไม่วายข่าวปล้นทองก็ถูกนำมารายงานอีกครั้ง
“มีความคืบหน้าเกี่ยวกับคดีปล้นทองที่ห้างสรรพสินค้าเพิ่มเติมค่ะ
แม่ค้าขายลูกชิ้นที่หน้าห้างให้การว่า คนร้ายมุ่งตรงไปที่ลานจอดรถหน้าห้าง จากนั้นก็ไม่เห็นคนร้ายอีกเลย”
ใจเขาสั่นวาบเมื่อได้ยินข่าว ส่วนมือที่สั่นหนักกว่าเดิมเอื้อมไปกดปิดวิทยุอย่างรวดเร็ว
“อ้าว จะรีบปิดวิทยุทำไมครับ ผมกำลังฟังข่าวเลย”
ผู้โดยสารพูดในขณะที่มองสบตากับเขาผ่านกระจกเป็นครั้งที่สามโดยไม่ได้นัดหมาย
เขารีบหลบตา คิดในใจว่าจะทำอย่างไรต่อดี
นึกออกแล้ว เขาจำได้ว่าข้างหน้ามีซอยเล็กๆอยู่ซอยหนึ่ง น่าจะเป็นโอกาสที่ดีในการเอาตัวรอดจากสถานการณ์นี้
****************
เมื่อถึงซอยเล็กๆซอยนั้น เขาเลี้ยวรถเข้าไปในซอยทันที
มันเป็นซอยเปลี่ยวที่สองข้างทางมีแต่พงหญ้าสูงท่วมหัว
“เอ้า ทำไม เลี้ยวเข้าซอยล่ะ ทางลัดเหรอ”
ผู้โดยสารถามด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้าง
เขาเหลือบตามองผ่านกระจกหลังอีกครั้งแบบกล้าๆกลัวๆ เห็นผู้โดยสารลึกลับขยับตัวยุกยิกเหมือนกำลังจะหยิบอะไรซักอย่าง
หรือว่ามันจะรู้ตัวแล้ว !!!
“พะ - พี่ ครับ ผมปวดฉี่มาก จะว่าอะไรไหมครับ ถ้าผมขอแวะฉี่ข้างทางสักหน่อย”
เขาชะลอรถก่อนจอดข้างทาง โดยไม่รอคำอนุญาตจากผู้โดยสาร
พอรถจอดสนิท เขาคว้าเป้ของเขาแล้วเปิดประตูพุ่งตัวออกนอกรถอย่างรวดเร็ว
เขาวิ่งเข้าไปในพงหญ้าข้างทางที่หนาแน่นและสูงท่วมหัวโดยไม่มองกลับหลัง
**************** หลังจากวิ่งหนีมาสักพักจนเหงื่อเริ่มไหลเปียกเสื้อ
แม้เขาจะคิดว่าผู้โดยสารคนนั้นคงมองไม่เห็นเขาแล้ว แต่เขาก็ยังคงวิ่งฝ่าพงหญ้าต่อไปโดยไม่หยุดพัก
“ตื๊อ ตือ ตื่อ ตือ - ตื๊อ ตือ ตื่อ ตือ ตื๊อ - ตื๊อ ตือ ตื่อ ตือ - ตื๊อ ตือ ตื่อ ตือ ตื๊อ - ตื๊อ ตือ ตื่อ ตือ - ตื๊อ ตือ ตื่อ ตือ ตื๊อ -”
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมาจากในเป้ที่เขาสะพายอยู่
ฉิบหายแล้ว !!!
เขาหยุดวิ่ง พยายามหาโทรศัพท์ในกระเป๋าเพื่อปิดเสียง พลางสงสัยว่ามีโทรศัพท์มาอยู่ในกระเป๋าได้ยังไง
ปัง ปัง ปัง ปัง ปัง!!
เสียงปืนดังขึ้น
เขาล้มลง รู้สึกเจ็บจุกที่ท้อง มองลงไปเห็นเลือดสีแดงซึมออกจากเสื้อสีฟ้าที่เขาใส่
เป้สีดำตกลงพื้น สร้อยและแหวนทอง จำนวนมากทะลักออกจากกระเป๋า พร้อมโทรศัพท์ที่ยังส่งเสียงต่อไป
เขาทรุดไปนอบคว่ำราบบนพื้น หายใจถี่ขึ้น ขณะที่สติเริ่มเลือนราง
ไม่กี่อึดใจ เขาเห็นรองเท้าสีดำเปื้อนเลือดและกางเกงสีกากีสีเดียวกับกางเกงตำรวจแหวกพงหญ้าเข้ามาเตะปืนพกของเขาที่ตกอยู่ข้างตัวจนกระเด็นไปไกล
แม้จะไม่เห็นหน้า แต่รองเท้าและกางเกงก็ทำให้เขาจำได้ในทันที่ว่านี่คือผู้โดยสารลึกลับของเขา
เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์หยุดแล้ว ผู้โดยสารลึกลับโทรหาใครสักคนแล้วพูดว่า
“ส่งรถพยาบาลมาด้วยด่วนเลย คนร้ายโดนยิงเพราะพยายามหนี ”
ผู้โดยสารของเขาวางสาย ก่อนมองมาที่เขาพร้อมพูดว่า
“นี่ถ้าไม่ได้ยินเสียงโทรศัพท์ คงยิงมาไม่ถูกที่นะเนี่ย หญ้าทั้งแน่นทั้งสูง มองอะไรไม่เห็นเลย
ต้องขอบคุณพี่จริงๆ ที่แนะนำผมว่า ถ้ามองไม่เห็น ก็ต้องฟังเสียง
ผมเลยนึกออกว่าต้องโทรเข้าโทรศัพท์ที่ผมแอบยัดไว้ในเป้ของพี่"
และนี่คือเสียงสุดท้ายที่เขาได้ยินก่อนสติจะหายไป
เรื่องสั้นโดย นวกานต์ ราชานาค
6 ธันวาคม 2564
Create Date : 07 ธันวาคม 2564 |
|
0 comments |
Last Update : 22 มีนาคม 2565 20:16:07 น. |
Counter : 364 Pageviews. |
|
 |
|