ตอนที่ 3


หลังจากที่ทั้งสามเดินออกไปจากเรือนรับรองแล้วเอิร์ลหนุ่มจึงพาร่างบอบบางมานั่งยังโซฟาหลุยที่อยู่อีกด้านของเรือนรับรองทันทีที่นี่ตกแต่งไปด้วยดอกไม้นานาพันธุ์กลิ่นของมันหอมคละคลุ้งไปทั่วทำให้อายาโตะอดที่จะสูดดมไม่ได้ร่างสูงกดร่างบางให้นั่งลงพร้อมกับสั่งแม่บ้านทางอินเตอร์โฟนให้นำชาและของว่างเข้ามาเสิร์ฟที่ทันที

“ไงครับ ทีนี้ให้รางวัลฉันได้หรือยัง อายาโตะ”

“รางวัล

อายาโตะทำสีหน้างุนงงกับสิ่งที่ดีแลนพูดก่อนจะเปลี่ยนเป็นแดงระเรื่อเมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายต้องการอะไรจากตัวเขาหัวใจที่เต้นรัวเร็วพร้อมกับเลือดที่ฉีดพล่านไปทั่วใบหน้านั้นแทบจะทำให้คนร่างเล็กรู้สึกเหมือนจะเป็นลมเอาให้ได้ยิ่งเมื่อคิดไปถึงร่างสองร่างที่แนบแน่นกันในห้องอาบน้ำด้วยแล้วยิ่งทำให้เขาไม่อยากให้คนข้างกายรู้ถึงความคิดในตอนนี้

“ว่าไงครับ รางวัลน่ะ”

“ระ... รางวัลอะไรครับ”

“หืม ไม่รู้จริงๆ หรือว่าฉันต้องการอะไร... อายาโตะ”

มือหนาเชยคางมนขึ้นดวงตาสีน้ำทะเลลึกนั้นมองมายังดวงตากลมโตที่ฉายแววบางอย่างในนั้นรอยยิ้มกรุ่มกริมของคนร่างสูงรับรู้ได้ทันทีว่าคนร่างเล็กรู้อยู่แล้วว่าเขาต้องการอะไรนิ้วเรียวค่อยๆไล้ไปตามโครงหน้าอย่างแผ่วเบาทำเอาอายาโตะถึงกับหยุดหายใจไปพักหนึ่งเลยทีเดียว

“เธอสวยมาก อายาโตะ”

ดีแลนพูดพลางไล้นิ้วลงไปเรื่อยๆจนหยุดที่ริมฝีปากทีแดงน่าจูบตรงหน้า อายาโตะกลืนน้ำลายคงคออย่างยากลำบากริมฝีปากแห้งผากจนเขาเผลอที่จะใช้ลิ้นเล็กๆ นั้นเลียเพื่อเรียกความชุ่มชื้น โดยหารู้ไม่ว่าการกระทำนั้นกลับยิ่งยั่วยุอารมณ์ด้านมืดของเอิร์ลหนุ่มเข้าอย่างจัง

มือหนาเชิดหน้าของอายาโตะขึ้นอย่างรวดเร็วก่อนที่ริมฝีปากของอายาโตะจะถูกบดจูบอย่างเร่าร้อนด้วยริมฝีปากของคนตรงหน้าลิ้นอุ่นถูกสอดแทรกเข้าพัวพันกับลิ้นของอายาโตะอย่างรวดเร็ว เสียงดูดกลืนความหวานดังระงมไปทั่ว

“ฮื้อ.. อ่ะ..”

“หวาน.. หวานมาก.. อายาโตะ..”

“ดะ.. เดี๋ยวครับ.. อ่ะ..”

อายาโตะพยายามห้ามปรามเมื่อริมฝีปากนั้นยอมปล่อยให้เขาหายใจเพียงชั่วครู่ก่อนจะตามประกบลงในเวลาไม่ช้าร่างของเขาถูกพลั่กให้นอนลงบนโซฟาหลุยก่อนที่ร่างหนาจะตามมาประกบสองแขนของเขาถูกรวบไว้เหนือศีรษะด้วยมือเพียงข้างเดียวราวกับไม่ยินยอมให้อายาโตะหลุดไปได้อายาโตะที่ถูกคนร่างสูงจูบอย่างเร่าร้อนจึงทำได้เพียงแค่ปล่อยให้เอิร์ลหนุ่มตักตวงความหอมหวานภายในปากของเขาอย่างเต็มที่

ดวงตาคู่สวยปิดปรือตามฤทธิ์จูบก่อนที่ความเพลิดเพลินในรสกามรมณ์จะเข้าครอบงำเสียงกรีดร้องอย่างสุขสมเริ่มดังขึ้นเมื่อมือหนาของคนที่จับกดเขาเริ่มรุกรานภายใต้ร่มผ้าเสียงเสียดสีของเนื้อกับเนื้อดังขึ้นเป็นระยะพร้อมกับกระแสอารมณ์ที่ถูกปลดปล่อยถึงขีดสุดร่างที่ชื้นเหงื่อนั้นทำได้เพียงแต่นอนหลับไปในอ้อมกอดของคนร่างสูงที่ได้รับรางวัลจนพอใจเท่านั้น

รางวัลที่อายาโตะไม่รู้ว่าไปตกลงมันตอนไหน

โรงแรมเทโตะ

“ทำไมแกต้องให้นายน้อยอยู่กับเอิร์ลอะไรนั้นด้วย”

หลงพูดขึ้นขณะก้าวเข้ามาภายในห้องของอายาโตะที่อยู่ในโรงแรมเทโตะด้วยท่าทางที่เกรี้ยวกราดโดยก่อนเข้ามานั้นเขาได้สั่งให้เอียนรออยู่ภายในล็อบบี้ของโรงแรมแทนที่จะตามขึ้นมาเพราะเขาต้องการเคลียร์เรื่องนี้กับอชิสองต่อสองเท่านั้น

อชิหันหน้ามามองสีหน้าที่เกรี้ยวกราดของหลงอย่างชอบใจเขากระตุกยิ้มที่มุมปาก ก่อนนั่งลงบนเตียงนอนของอายาโตะด้วยท่าทีสบายอารมณ์นั่นยิ่งทำให้อารมณ์ของหลงถูกกวนให้ขุ่นขึ้นอย่างช่วยไม่ได้อชิมองหน้าเพื่อนร่วมงานอย่างท้าทาย

เขารู้ว่าหลงไม่มีทางทำอะไรเขาได้หรอกถึงเห็นว่าเขาจะตัวเล็กกว่า บึกบึนน้อยกว่าแต่ถ้าให้สู้กันจริงๆ หลงมีแต่แพ้กับแพ้อชิมองหน้าหลงที่อารมณ์เสียอยู่อย่างนั้นก่อนหัวเราะใจลำคอและ ลุกไปขนกระเป๋าเดินทางที่อยู่ในตู้เสื้อผ้าออกมาจัดการโดยสนใจจะตอบคำถามของหลงเลยแม้แต่น้อยยิ่งทำให้หลงชักเกิดอาการฉุนขาดเขากระชากแขนของอชิจนตัวของอีกฝ่ายลอยมาติดตัวเขา อชิมองหน้าหลงอย่างไม่ชอบใจ

“ว่าไง...ทำไมไม่ตอบล่ะ”

“ฮึ... ฉันรู้นะว่านายต้องการอะไรแล้วก็คิดอะไรอยู่แต่เรื่องบางเรื่องเก็บมันไว้ในใจก็ได้นะหน้าที่อย่างเราไม่จำเป็นต้องแสดงมันออกมาก็ได้นะหลง”

หลงสะอึกกับคำพูดรู้ทันของอชิแต่ก็พยายามเฉไฉไปทางอื่น

“รู้อะไร ฉันทำไม

“จะรู้อะไร นายก็น่าจะรู้ดีอยู่แล้วนะว่าฉันหมายความว่าไง”

อชิพูดขึ้นเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ยอมแพ้แถมยังมาดันร่างของเขาให้ชิดกับกำแพงอีกด้วยสีหน้าราวกับล่วงรู้ทุกอย่างของอีกฝ่ายทำให้หลงขบกรามแน่นอชิที่ถึงแม้ว่าจะทำท่าทางเรื่อยเปื่อยเล่นไปเสียทุกอย่างแต่แท้จริงแล้วเป็นคนที่เก็บรายละเอียดของเรื่องได้มากที่สุดในทุกๆด้าน เก่งซะจนแม้แต่เขาก็สู้ไม่ได้

“เหมือนนายใช่ไหม อชิ”

“ใช่ เหมือนฉัน”

“ทำไมถึงได้รับออกมาง่ายๆ อย่างนั้นล่ะวะ”

“อ้าว ถ้ามันคือความจริงทำไมฉันจะต้องโกหกด้วยล่ะ”

“ฮึ..” หลงทำเสียงในลำคอเขารู้สึกไม่ชอบใจนักที่อชิไม่แม้แต่จะปฏิเสธ เขารู้อยู่แล้วว่าอชิเป็นคนอย่างไรความรู้สึกที่มีอยู่ในใจนั้นจะแสดงออกมามากหรือน้อยแล้วแต่เจ้าตัวจะเป็นคนบอกหากเรื่องไหนไม่อยากให้ใครรู้ อย่าว่าแต่จะรื้อค้นเลย แม้แต่หาก็ยังหาไม่เจอ

หลงแนบหน้าของตนเองเข้ามาบดจูบริมฝีปากของอชิอย่างรุนแรงรสเฟือนๆ ของเลือดปะปนไปกับเสียงหยาบโลนที่ดังในอุ้งปากอชิมองการกระทำนั้นของอีกฝ่ายอย่างเฉยชาก่อนจะไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายเป็นคนนำเกมส์เขาแทรกปลายลิ้นแลกจูบกับอีกฝ่ายอย่างเมามันส์

“อื้ม... อื้ม...”หลงดันท้ายทอยของอีกฝ่ายให้เชิดจนเห็นซอกคอที่ไร้การป้องกันเขาซุกใบหน้าลงขบที่ลำคอของอีกฝ่ายอย่างแรง

“โอ๊ย... อย่าทำให้เป็นรอยสิวะ”

“ฮึ... เป็นแล้วยังไง”

“เกิดนายน้อยเห็นจะทำไง”

“ก็ไม่ทำไง”

“เฮอะ...”

“หยุดพูดมากดีกว่าน่า”

หลงปิดปากของอีกฝ่ายด้วยปากของเขามือข้างหนึ่งปลดเข็มขัดกางเกงเสล็ก ก่อนจะรูดซิบของอีกฝ่ายลงอชิเมื่อเห็นว่าหลงทำเช่นนั้นเขาก็จัดการทำเช่นกันมือทั้งสองข้างเกาะกุมส่วนสำคัญของกันและกันไว้อย่างมั่นคงก่อนจะขยับขึ้นลง

“ฮื้อ.... อ่า... อ่า...”

“ดีไหม...”

“ดี...”

“แล้วแบบนี้ล่ะ” หลงขยับมือของตัวเองให้แรงขึ้นกว่าเดิมเมื่ออีกฝ่ายแรงมาเขาก็แรงกลับไปเช่นกัน

“อ่า... อ่า... ฮื้อ... จะออกแล้ว...”

“ฉันก็จะออกเหมือนกัน.... อ่า... แรงอีก... อย่างนั้น”

อชิจัดไปให้ตามคำขอหลงบดจูบริมฝีปากของคนตรงหน้าอีกครั้งก่อนที่ลมหายใจของทั้งคู่จะสอดประสานพร้อมกับปลดปล่อยสิ่งสำคัญของกันและกันอย่างรวดเร็วเสียงหอบหายใจของทั้งสองฝ่ายดังขึ้นหลงซบหน้าตนเองเข้ากับไหล่ของอีกฝ่ายก่อนจะพยายามระงับอารมณ์ที่อยากทำมากกว่านี้อชิดันตัวหลงออกจากตัวเขาก่อนจะพูดขึ้นมาด้วยสีหน้าเย็นชา

“อย่าทำอะไรเกินหน้าทีล่ะหลง ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าฉันไม่เตือน”หลงมองใบหน้าของอชิที่แสดงความเย็นชาใส่เขาอย่างไม่ชอบใจ

“นายก็เหมือนกัน อชิ”

ทั้งสองผันร่างออกจากกันพร้อมกับหยิบกระดาษชำระที่อยู่บนโต๊ะเช็ดคราบขาวที่อยู่บนมือก่อนจะจัดการกับร่างของตัวเองที่ถูกปลดปล่อยออกมาอย่างรวดเร็วพร้อมกับโยนมันทิ้งลงในถังขยะราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

มันก็แค่การปลดปล่อยอารมณ์ของกันและกันโดยไม่มีแม้กระทั่งความรักเท่านั้นเอง

อชิคิดก่อนจะลงมือลากกระเป๋าสัมภาระของอายาโตะออกไปยังภายนอกห้องทิ้งให้หลงยืนสำรวจสิ่งที่ตกค้างอยู่ภายในห้องอีกครั้งจนกระทั่งเสียงเครื่องยนต์ดังขึ้นพร้อมกับรถที่แล่นออกจากโรงแรมเทโตะแห่งนี้เพื่อไปยังคฤหาสน์ของเอิร์ลดีแลนซึ่งเป็นที่พักใหม่ของนายน้อยแห่งตระกูลฟูวะและตระกูลอัครเสนีย์

วันนี้เป็นวันเปิดภาคการศึกษาวันแรกของอายาโตะเขาใส่ชุดสูทที่พ่อบ้านประจำคฤหาสน์เอิร์ลแห่งนี้ได้จัดเตรียมไว้อย่างรวดเร็วสูทที่ถูกส่งมานั้นเป็นสูทสั่งตัดจากห้องเสื้อชื่อดังที่ดีไซเนอร์ถูกส่งตัวมาวัดตัวเขาเมื่อวันก่อนหลังจากที่หลงและอชิออกไปเอาของๆเขาจากโรงแรมเทโตะแน่นอนว่าหลังจากที่เอิร์ลหนุ่มขอของรางวัลที่เขาไม่ได้ตกลงเสร็จด้วยนะเมื่ออายาโตะคิดถึงตรงนั้นแล้วใบหน้าเขาก็แดงระเรื่อ

ตอนแรกเขาจะไม่ยอมให้วัดตัวด้วยกลัวว่าดีไซเนอร์คนดังจะเห็นร่องรอยที่ดีแลนทำไว้บนตัวเขาแต่แล้วก็ต้องยอมเพราะอีกฝ่ายไม่ได้จะให้เขาถอดเสื้อออกจนหมด ซึ่งหลังจากเหตุการณ์ลักพาตัวเขาก็ล่วงเลยผ่านมาหนึ่งสัปดาห์แล้วอายาโตะสำรวจความเรียบร้อยของตนเองอีกครั้งหนึ่งเพราะไม่อยากให้รอยแดงโผล่พ้นคอเสื้อแต่ไม่ว่าจะซ่อนอย่างไรรอยที่ทำไว้มันมากจริงๆ

"อ่ะ มีรอยแดงอีกแล้ว"

อายาโตะเลิกคอเสื้อตัวเองออกมองที่ซอกคอตรงที่มีรอยแดงอยู่ใกล้ๆใบหู ก่อนจะถอนหายใจไม่ว่าจะปิดบังอย่างไรก็ยังไม่สามารถบังรอยได้ทุกจุด ทุกๆวันดีแลนมักจะปรนเปรอความสุขให้เขาจนแทบสำรักแต่ก็ไม่เคยมีสักครั้งที่จะเกินเลยมากไปกว่าการสัมผัสภายนอก มีบ้างที่จะใช้นิ้วเรียวทำความคุ้นเคยกับส่วนคับแคบของเขาเมื่อคิดถึงตอนนั้นแล้วอายาโตะก็ถึงกับหน้าแดงระเรื่อไม่ว่าร่างกายนี้จะคุ้นเคยกับการสัมผัสของเอิร์ลหนุ่มมากเท่าใดแต่เขาก็ยังอดรู้สึกเขินอายไม่ได้ทุกที

"ยังไม่เสร็จรึ"

"จะเสร็จแล้วครับ"

อายาโตะรีบจัดคอเสื้อของตนเองอย่างรวดเร็วก่อนที่ดีแลนจะเดินเข้ามาภายในห้องแต่งตัวที่เชื่อมต่อกับห้องของเขาความจริงแล้วอายาโตะเองก็มีห้องส่วนตัวที่เป็นของตัวเองอยู่แต่ไม่เคยได้ใช้มันเลยนับตั้งแต่เขาย้ายมาพำนักที่นี้ก็มักจะโดยคนร่างสูงพาเข้าไปนอนในห้องนอนของตัวเองอยู่ตลอดเวลา

ดีแลนเดินเข้ามาซ้อนด้านหลังของอายาโตะก่อนยืนมือมาด้านหน้าโอบร่างบางไว้อย่างหลวมๆพร้อมกับถือวิสาสะหอมขมับของอีกฝ่าย อายาโตะก้มหน้าอย่างอายๆเขารู้สึกว่าหน้าของเขาร้อนแผ่วทุกทีที่เอิร์ลหนุ่มส่งสายตาสีน้ำทะเลนั้นมองมาดูเหมือนว่าคนร่างสูงเองก็ดูจะชอบใจ ที่เห็นเขาเป็นแบบนั้น

"เดี๋ยววันนี้ฉันจะไปส่งที่มหาลัยนะ"

"เอ่อไม่ต้องก็ได้ครับ เดี๋ยวผมไปเอง"

"ห้ามปฏิเสธ"

"ครับ..."อายาโตะก้มหน้ารับคำ หัวใจของเขาเต้นราวกับจะหลุดออกมานอกอกแค่มองตาของคนร่างสูงก็ทำเอาตัวของเขาจะละลายเป็นช็อกโกแลตที่โดนความร้อนแล้ว

"รู้ไหมว่าเธอทำหน้าแบบนั้นทำเอาฉันไม่อยากปล่อยให้ออกจากห้องนอนเลย อายาโตะ"

"อ่ะ..อย่าครับ.."

"ขอจูบหน่อยละกัน"

"มะ...ฮื้อ.."

และแล้วอายาโตะก็ถูกคนร่างสูงปล้นจูบยามเช้าจนได้จูบที่แสนเนินนานจนทำเอาเข่าของเขาแทบจะทรุดลงไปกองกับพื้น หากไม่ได้ดีแลนคอยพยุงร่างไว้ได้เข่าของเขาที่สอดสัมผัสกับส่วนต้องห้าม

"โดนฉันปล้นแรงไปขนาดนี้จะไปเรียนไหวรึ"

"วะ..ไหวครับ"

อายาโตะพูดขึ้นขณะที่พยายามรั้งร่างตัวเองให้ออกห่างจากดีแลนแต่ดูเหมือนจะไม่เป็นผลเท่าไรนักเพราะคนร่างสูงไม่ยอมให้ทำแบบนั้นซ้ำยังกระตุกยิ้มอย่างชอบใจที่คนตัวเล็กพยายามพยุงร่างตัวเองให้ออกห่างจากเขาเพื่อสะกดกลั้นอารมณ์ของตนเอง

ให้ตายสิน่าจับกดชะมัด

ดีแลนได้แต่คิดในใจแต่เขาเองก็ต้องพยายามหักห้ามอารมณ์เช่นกันเพราะนับตั้งแต่ได้สัมผัสเรือนร่างนี้ก็ทำให้เขาอยากจะทำไปให้จนสุดทางทุกครั้งแต่เมื่อคิดว่าคนร่างเล็กยังรับสัมผัสทันเป็นตัวตนของเขาทั้งหมดไม่ได้นั่นก็ทำให้เขาต้องหยุดมันไว้แต่เพียงเท่านั้นทุกที

ลีมูซีนสองประตูปลาบมันจอดเทียบอยู่หน้าคฤหาสน์โดยมีหลงและอชิ บอดี้การ์ด สองคนของฝั่งอายาโตะยืนรออยู่หน้าประตูรถ ส่วนอีกด้านก็เป็นบอดี้การ์ด ของฝั่งดีแลน หลงเปิดประตูฝั่งซ้ายมือตนเองให้อายาโตะนั่งในฝั่งที่เขาและอชิต้องนั่งดีแลนแสยะยิ้มมุมปากก่อนดึงตัวอายาโตะที่กำลังจะก้าวขึ้นไปตามที่ทั้งสองผ่ายมือบอกอายาโตะหันมามองตามแรงดึง

“มีอะไรเหรอครับ”

“มานั่งกับฉันด้านนี้สิ”

“แต่ว่า...”

“มาเถอะ... นะ”

ดีแลนกระซิบที่หูเบาๆหลงถึงกับคิ้วกระตุกอย่างไม่พอใจมีเพียงอชิคนเดียวที่มองภาพนั้นอย่างขำขันก่อนเปิดประตูฝั่งขวามือเพื่อให้ดีแลนขึ้นไปนั่งกับอายาโตะพร้อมกับกล่าวเชิญ

“เชิญครับ”

“ขอบคุณนะครับ”

“ไม่เป็นไรครับ มันเป็นหน้าที่....” ดีแลนก้าวขึ้นรถพร้อมกับดึงตัวอายาโตะให้ตามมานั่งคู่กับเขาอชิปิดประตูฝั่งขวามือ ก่อนหันไปยักคิ้วให้หลง

“ขึ้นรถสิหลง”

“เออ...”

“หลง ฉันเตือนนายไว้ว่าไง หวังว่านายคงจะจำได้นะ”

“รู้หรอกนะ เฮอะ... เตือนตัวเองด้วยเถอะ”

“ฉันเตือนตัวเองอยู่ทุกวันขอบใจที่เป็นห่วง”

อชิส่งยิ้มให้อย่างกวนบาทาหลงฮึดฮัดก่อนก้าวขึ้นรถในฝั่งที่ประตูยังเปิดออกนั่งเผชิญหน้ากับดีแลนที่บัดนี้ไม่ยอมปล่อยอายาโตะให้เป็นอิสระโดยที่ดีแลนไม่แม้แต่จะสนใจ บอดี้การ์ดที่อยู่เบื้องหน้าเลยแม้แต่น้อยเขาสนแต่คนในอ้อมแขนที่พยายามฝืนตัวเองให้ออกจากตัวเขามากกว่า

“ปล่อยผมเถอะครับ”

“เรื่องอะไรล่ะ ทำไมต้องปล่อย”

“ก็พวกหลงมองผมอยู่นะครับ อายเค้า”

“ไม่เห็นต้องอายเลย ฉันยังไม่อาย”ไม่พูดเปล่าหอมแก้มอายาโตะโชว์เหล่า บอดี้การ์ดอีกต่างหากอายาโตะเม้มปากก่อนว่าไปเบาๆ

“อีกแล้วนะครับ คุณนิหน้าหนาจังเลยนะครับ”

“อะไรนะ... พูดอะไรไม่เห็นได้ยิน”

“เปล่าซะหน่อย แล้วความจริงไม่ต้องไปส่งผมก็ได้นะครับ ผมไปเองได้”

ตามจริงอายาโตะได้เคยทักท้วงไปก่อนหน้านี้แล้วเขาอยากไปเรียนด้วยตัวเองแต่ดีแลนก็ไม่ยอมไม่ว่าอย่างไรก็อยากมาส่งให้ได้เมื่อเป็นเช่นนั้นอายาโตะทำได้แค่เพียงขอเปลี่ยนเป็นลีมูซีนคันเล็กแทนที่จะเป็นลีมูซีนที่เป็นคันยาวเฟื้อยแบบที่เห็นในภาพยนต์แน่นอนว่าดีแลนยอมตามคำขอนั้น

“เราว่าเราพูดกันรู้เรื่องแล้วนะ อายาโตะ”ดีแลนตอบเสียงเรียบ

“โธ่ ไม่ต้องมาทำเสียงเข้มใส่หรอกครับ ผมไม่กลัวหรอกนะ”

อายาโตะทำปากยื่นใส่ดีแลนหัวเราะในลำคอเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่กลัวเขา มือข้างหนึ่งยกขึ้นลูบไล้ที่ใบหน้านวลอย่างรักใคร่

"แล้ววันนี้เลิกกี่โมงล่ะจะได้ให้คนมารับ"

"ยังไม่ทราบเลยครับไม่ต้องให้ใครมารับก็ได้เดี๋ยวผมกลับเอง"

"ไม่ได้เหตุการณ์ยังไม่น่าไว้ใจที่สำคัญเธอสัญญากับฉันแล้วไม่ใช่หรือว่าจะตามคำขอของฉัน"

อายาโตะเม้มริมฝีปากแน่นถึงแม้จะไม่พอใจเล็กๆที่ดีแลนขัดใจเขาแต่นั่นก็เป็นเพราะเหตุการณ์ลักพาตัวยังไม่คี่คลายเอิร์ลหนุ่มเห็นท่าทางขัดใจของอายาโตะก็ส่งยิ้มออกมาพร้อมทั้งกระซิบที่ข้างหูแผ่วเบา

"หรือจะให้ฉันไปรับดีแล้วเราค่อยไปเดทในที่ๆเธออยากไป"

"เอ๋ ?"

"เอายังไงล่ะ"

"กะ.. ก็ได้ครับ"

อายาโตะก้มหน้านิ่งพยายามซ่อนใบหน้าเขินอายกับเสียงกระซิบที่ทำเอาหัวใจของเขาสั่นไหวเสียงที่เคยแหบพร่าเมือยามอยู่บนเตียงถึงแม้จะพูดแบบปกติก็ยังเซ็กซี่อยู่ดี

"เอาล่ะเดี๋ยวตอนเย็นฉันจะมารับ เป็นอันตกลงตามนี้"

หลงทำท่าจะทักท้วงแต่ดีแลนกดมันไว้ภายใต้ท่าที่ที่เกรงขาม เขารู้นิสัยของอายาโตะเลาๆ แล้วว่าถึงแม้อายาโตะจะเป็นคนยอมคนแต่หากไปกดดันคนร่างเล็กมากๆสักวันอาจทำอะไรที่ทำให้เกิดอันตรายแก่ตัวเองได้ง่ายๆหากคิดจะปกป้องเขาแล้วละก็ควรทำมันเงียบๆหรือค่อยตะลอมและหาเรื่องอื่นมาเบี่ยงเบนดีกว่า

ลีมูซีนคันหรูแล่นเข้าสู่บริเวณภายในรั้วมหาวิทยาลัยอย่างรวดเร็วมหาวิทยาลัย T ถือว่าเป็นมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงในหลายๆด้าน โดยเฉพาะด้านแพทยศาสตร์ และนิติศาสตร์ส่วนด้านภาษาศาสตร์ที่อายาโตะได้รับทุนการศึกษามานั้นก็ถือเป็นอันดับสามของชื่อเสียงในมหาวิทยาลัยนี้เสียงจอแจดังขึ้นเป็นระยะตามด้วยสายตาทุกคู่ของนักศึกษาที่เดินเรียงรายกันเข้ามาภายในรั้วมหาวิทยาลัย

อายาโตะถอนหายใจอย่างปลงตกรอบแรกที่เขามาที่นี่คือเมื่อสามวันก่อนการเปิดภาคการศึกษาวันแรกวันนั้นอายาโตะจำเป็นต้องมาปฐมนิเทศก็เจอสายตาเช่นนี้และนั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาต้องทำข้อตกลงในวันนี้ว่าหากไม่ให้เขามาเองด้วยรถไฟฟ้าที่เป็นระบบคมนาคมของประเทศนี้ก็ต้องเปลี่ยนเป็นลีมูซีนคันเล็กแต่ราคาไม่เล็กแทนคันเดิมที่ยาวเฟื้อย

ตอนแรกเขาทักท้วงด้วยซ้ำว่าไม่ต้องการใช้รถจำพวกนี้แต่ถ้าไม่ใช่รถแบบนี้ก็คงไม่สามารถบรรจุเหล่า บอดี้การ์ดที่ติดตามคนทั้งสองไปได้หมด

นี้ขนาดไม่หมดนะยังมีแอบตามมาอีกสองคันเล็กอีกต่างหาก

อายาโตะถอนหายใจเมื่อเห็นว่ารถหยุดแล่นแล้วเขารีบคว้ากระเป๋าเป้แบรนดังที่เขานำมาจากประเทศไทยเพื่อเตรียมตัวลงจากรถแต่ยังไม่ทันที่อายาโตะจะได้เปิดประตูรถดีแลนก็คว้าข้อมือของเขาไว้เสียก่อนจนทำให้คนร่างเล็กต้องหันมาด้วยคำถาม

“มีอะไรหรือเปล่าครับ”

“เปล่า”

“เปล่า

“ไม่มีอะไร แค่จะบอกว่าอย่าลืมสัญญาที่ให้ไว้นะ”

“อ้อ ครับ ไว้เลิกเรียนแล้วผมจะโทรไปนะครับ”

“ดีมาก”

ดีแลนส่งยิ้มให้อย่างพอใจก่อนจะเชยคางอายาโตะขึ้นและจุมพิตที่หน้าผากนั้นอย่างแผ่วเบาโดยไม่แคร์สายตาหลงและอชิที่นั่งอยู่โดยทั้งสองมองมาด้วยสายตาที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิงหลงมองอย่างแค้นเคืองและทำท่าจะจัดการเอิร์ลหนุ่มให้แดดิ้นส่วนอชิทำได้เพียงสยบความเคลื่อนไหวนั้นด้วยมือแกร่งของตัวเองในขณะที่สีหน้ายังคงมีรอยยิ้มประดับอยู่ตลอดเวลา

อายาโตะที่ตั้งสติได้รีบห้ามคนร่างสูงที่พยายามหาเศษหาเลยเขาทุกครั้งที่ทำได้อย่างเอาเป็นเอาตายเพราะริมฝีปากที่ฝากฝั่งบนหน้าผากของเขามันจะไม่หยุดเพียงแค่นั้นบัดนี้มันกลับไล้ไปตามแนวคางจนกระทั่งซุกไซร้ที่ซอกคอหอมกรุ่นเสียงริมฝีปากที่ขบเม้มซอกคอนั้นทำให้อายาโตะรีบดันร่างยักษ์ออกทันที

“อ๊ะ.. อย่าครับ”

“ไม่..”

“เดี๋ยวเป็นรอยครับ อย่า.. อึก...”

“เป็นรอยสิดี คนอื่นจะได้รู้ว่าเธอมีเจ้าของแล้ว”

“แต่ผมไม่ชอบนะครับ อ๊ะ.. ฮื้อ... พอแล้วครับ...”

“เอาล่ะ ไปได้แล้ว”

ดีแลนประทับรอยบนซอกคอขาวผ่องของอีกฝ่ายจนพอใจแล้วจึงผันออกมาอย่างรวดเร็วขณะที่อายาโตะพยายามมองหารอยที่อีกฝ่ายทำอย่างเอาเป็นเอาตายดูเหมือนว่าถ้ามองเผินๆ จะมองไม่เห็นจนคนร่างเล็กต้องใช้กระจกรถในการส่องหาเมื่อเห็นตำแหน่งที่อีกฝ่ายทำไว้จึงหันมาเล่นงานทันที

“คุณดีแลน เล่นอะไรของคุณน่ะครับ ดูสิเป็นรอยเลย”

“ดีแลน.. ฉันให้เธอเรียกฉันว่าดีแลนไม่ใช่หรือ

“ก็ได้ครับ คุณดีแลน คุณทำแบบนี้ทำไม”

“ไม่เห็นเป็นไรเลย ตำแหน่งที่ฉันทำถ้าใครไม่สังเกตจริงๆ ก็ไม่เห็นหรอก”

“แต่...”

“เอาน่า.. ยังไงฉันก็เป็นคนรักของเธอ แล้วเรามาต่อกันตอนเย็นนะ..อายาโตะ”

ดีแลนหยุดหยั่งคำพูดของอายาโตะด้วยนิ้วมือและกระซิบเสียงพร่าที่ข้างหูของอีกฝ่ายใบหน้าสวยแดงระเรื่อเมื่อได้ยินคำพูดนั้นอายาโตะเม้มริมฝีปากตัวเองจ้องอีกฝ่ายก่อนจะเปิดประตูลงจากรถไปอย่างรวดเร็วโดยมีเสียงหัวเราะในลำคอดังเข้าหูของเขา

อายาโตะหันมาจ้องรถของอีกฝ่ายที่ยังคงอยู่ที่เดิมโดยคนร่างสูงยกมือขึ้นโบกไปมาด้วยท่าทีที่ยิ้มแย้มจนอายาโตะอดหมั่นไส้ไม่ได้เด็กหนุ่มทำได้แต่เพียงหมายหมาดอยู่ในใจว่าจะต้องเอาคืนอีกฝ่ายให้ได้แน่นอน

ให้ตายเถอะถึงจะบอกว่าเป็นคนรักแต่ก็ไม่ใช่ว่าจะทำอะไรตามใจตัวไปซะทุกอย่างนะ คอยดูเถอะถ้าอยู่กันสองคนจะเล่นงานให้จมเขี้ยวเลย

หลังจากที่อายาโตะแยกจากดีแลนเป็นที่เรียบร้อยแล้วเขาก็เดินเข้ามายังในบริเวณอาคารเรียนซึ่งอยู่ติดกับบริเวณลานจอดรถหลังจากที่เอิร์ลหนุ่มปล่อยให้อายาโตะลงจากรถโดยไม่วายทำสัญลักษณ์ไว้ที่บริเวณต้นคอของเขานั้นตลอดเวลาที่เดินเข้ามาภายในอาคารเรียนอายาโตะต้องเผชิญกับสายตาสอดรู้สอดเห็นรวมถึงเสียงซุบซิบอยู่เป็นระยะ

คนร่างเล็กได้แต่ปลงตกพร้อมกับถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายตอนเขาอยู่เมืองไทยก็มักจะเป็นเช่นนี้อยู่เสมอด้วยความเป็นตระกูลใหญ่ทำให้เวลาทำอะไรก็มักจะมีคนอื่นจ้องมองอยู่เสมอทำให้ต้องระมัดระวังตัวอยู่เป็นประจำ

"ถอนหายใจมากระวังความสุขจะบินหนีหรอก"

เสียงหนึ่งดังขึ้นขณะอายาโตะกำลังจะวางเป้ลงบนโต๊ะซึ่งเป็นที่นั่งส่วนบนโต๊ะเรียนของที่นี่มีลักษณะเป็นขั้นบนใดไล่ลงโดยส่วนกลางห้องจะเป็นกระดานไวส์บอร์ดขนาดใหญ่พร้อมโปรเจคเตอร์สำหรับใช้ต่อกับเครื่องคอมพิวเตอร์เพื่อฉายภาพประกอบดูโอ่โถงสมกับเป็นมหาวิทยาลัยชื่อดังและนี้ก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่เขาสอบชิงทุนที่นี่ไว้

“ถึงไม่ถอนหายใจความสุขมันก็พร้อมจะบินหนีอยู่แล้วล่ะ... อ๊ะ...ใครพูดวะ”

“เราเอง”

อายาโตะหันไปมองคนที่มาภายหลังอย่างรวดเร็วก็พบว่ามีชายร่างสูงประมาณ180 เซนติเมตร ผิวขาว ใบหน้าคมคายนั้นกระตุกยิ้มที่มุมปากเล็กน้อยดูน่าค้นหาโดยเฉพาะการแต่งกายของคนร่างสูงที่ราวกับนายแบบเพิ่งหลุดมาจากแคทวอล์คก็ไม่ปานนั่นแสดงให้เห็นถึงรสนิยมของอีกฝ่ายได้เป็นอย่างดีอายาโตะขมวดคิ้วเล็กน้อยแต่เมื่อเห็นอีกฝ่ายมีท่าทีที่เป็นมิตรเขาจึงส่งยิ้มให้เช่นกัน

“ยินดีที่ได้รู้จัก เราชื่อทากะ วากาชิ เอกภาษาศาสตร์ นายล่ะ”

“ผมฟูวะ อายาโตะ เอกเดียวกับนาย”

“อื้ม งั้นเราเรียกนายว่าอายาโตะได้ไหม แต่ถ้าไม่ได้ก็ไม่เป็นไรนะ”วากาชิพูดยิ้มๆ

“ไม่เป็นไร เราไม่ถือ เรียกเราว่าอายาโตะก็ได้ตอนอยู่เมืองไทยเพื่อนเราก็เรียกชื่อจริงกันทั้งนั้น”

“โอ๊ะ มาจากเมืองไทยเหรอ งั้นนักเรียนทุนที่ใครเค้าว่ากันก็คือนายอ่ะสิ” วากาชิพูดยิ้มๆ อายาโตะยกมือขึ้นถูจมูกนี้ชื่อเสียงเขาดังขนาดนี้เลยเหรอ ว่าแต่ดังในด้านไหนล่ะเนี่ย

“คะ... เค้าว่าไงเหรอ”

“ก็เค้าว่าๆนักเรียนทุนนั่งรถลีมูซีนมาเรียนตั้งแต่วันแรกแถมยังน่ารักมากด้วยไงล่ะ”

วากาชิแซวอีกฝ่ายยิ้มๆอายาโตะหน้าตูมขึ้นมาทันทีเรื่องรถเขาพอจะรู้อยู่ว่าต้องมีเรื่องลือไปทั่วแต่น่ารักเนี่ยมันใช่คำชมผู้ชายเหรอ

“น่ารักอะไรกัน ต้องหล่อสิ”

“น่ารักอ่ะถูกแล้ว งั้นนายก็เรียกเราว่าวากาชิก็ได้นะเราขอนั่งข้างนายนะ”วากาชิขออายาโตะ อายาโตะก็ไม่ว่าอะไรตอบรับทันที

“อื้อ... ได้สิ”

อายาโตะส่งยิ้มให้ก่อนจะนั่งลงอย่างรวดเร็วโดยที่อีกฝ่ายเองก็วางกระเป๋าลงและนั่งข้างอายาโตะด้วยเช่นกัน ในตอนแรกอายาโตะก็กลัวว่าจะไม่มีเพื่อนใหม่เพราะดูจากการกระทำของดีแลนที่มาส่งเขาด้วยรถลีมูซีนแล้วทำเอาคนอื่นๆแทบจะไม่กล้าเข้าใกล้เขาเลย มีเพียงคนตรงหน้าที่ดูจะไม่สนใจในเรื่องนั้นเท่าไรนัก

“อายาโตะคิดไงถึงมาเรียนที่นี่ล่ะ”

“ก็ไม่คิดไง เราแค่อยากมาเรียนที่บ้านเกิดของพ่อดูด้วย”

“งั้นเหรอ แล้วนี้พักอยู่ที่ไหนล่ะ”

“เอ่อ..”

“ถ้าลำบากใจที่จะตอบก็ไม่เป็นไรนะ พอดีว่าเราเพิ่งมาอยู่หอพักในเมืองก็เลยกำลังหารูทเมทน่ะ”

“โทษทีนะ เรา... พักอยู่กับญาติน่ะ”

“อื้อ งั้นเหรอ ไม่เป็นไร ไว้ว่างๆ ก็มาเที่ยวห้องเราได้นะ”

“อื้อ”

อีกฝ่ายพูดไปพลางยิ้มไปในตอนแรกอายาโตะรู้สึกไม่ดีเท่าไรที่เหมือนปิดบังเพื่อนใหม่แต่ใครล่ะอยากจะบอกว่าพักอยู่กับเอิร์ลที่มีคฤหาสน์ใหญ่โตมาส่งเขาด้วยรถลีมูซีนคันยักษ์ถึงแม้ว่าเรื่องมาส่งนั้นจะรู้กันไปทั้งมหาวิทยาลัยแต่เขาก็ยังอยากเป็นนิสิตธรรมดาคนหนึ่งโดยลืมไปว่าตนเองมีฐานะอะไรในประเทศนี้

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ก็ทำให้อายาโตะยิ่งเหนื่อยหน่ายตอนที่เขานั่งรถมานั้นใช่ว่าเขาจะไม่รู้ว่ามีใครกำลังตามหลังรถลีมูซีนอยู่นั่นก็คงจะเป็นกลุ่มคนที่ต้องการตัวเขาเป็นแน่ อายาโตะสลัดความรู้สึกเป็นกังวลปนรำคาญนั้นออกไปจากใจเมื่ออาจารย์ผู้สอนวิชาแรกก้าวเดินเข้ามาภายในห้องอย่างรวดเร็ว

พักเที่ยง

“นี้ไปกินข้าวกันไหม เรารู้จักร้านอาหารอร่อยๆ ในมอ”

วากาชิพูดขึ้นขณะที่ออดเลิกเรียนภาคเช้าดังขึ้นวันนี้อายาโตะมีเรียนเพียงไม่กี่วิชาเท่านั้น แต่กิจกรรมต่างๆที่จะเริ่มขึ้นอย่างเช่นการหาชมรม หรืออะไรหลายๆอย่างที่ต้องทำหลังจากนี้ดูจะมีมากและนั่นทำให้อายาโตะบอกดีแลนไปว่าจะเลิกเย็นอายาโตะเก็บหนังสือเรียนลงกระเป๋าอย่างรวดเร็วพร้อมกับหันมาถามวากาชิอย่างรวดเร็ว

“ที่ไหนเหรอ”

“คาเฟเทอเรียแถวนี้และ ไม่ไกลหรอก”

“เอาสิ เราก็หิวแล้ว”

“งั้นไปกัน”

วากาชิเดินนำหน้าอายาโตะออกไปยังบริเวณหน้าตึกจนกระทั่งลัดเลาะไปทางปีกขวาของอาคารจนกระทั้งหยุดลงที่หน้าร้านคาเฟเทอเรียอย่างรวดเร็วจากตัวอาคารเรียนมายังที่แห่งนี้ดูจะไม่ไกลมากแต่ก็ทำเอาเขาหอบไปเลยทีเดียว วากาชิเป็นคนที่เดินเร็วมากถึงแม้ว่าอีกฝ่ายจะหยุดรอเขาเป็นพักๆแต่ด้วยความที่อายาโตะเป็นคนขี้เกรงใจจึงพยายามเร่งฝีเท้าให้ตามวากาชิทัน

วากาชิหัวเราะกับท่าทางหอบแฮกของอายาโตะอย่างชอบใจและนั่นทำให้อายาโตะเผลอหันมาค้อนคนตัวสูงกว่าก่อนจะรู้ตัวว่าเป็นกิริยาที่ไม่ควรทำใบหน้าของเขาก็ขึ้นสีแดงระเรือไปเสียแล้ววากาชิหยุดขำและถือวิสาสะจับมือเขาพาเดินเข้าไปภายในคาเฟเทอเรียแห่งนั้นอย่างรวดเร็วอายาโตะมองการกระทำนั้นของอีกฝ่ายอย่างตกใจถึงจะอยากทักท้วงให้อีกฝ่ายปล่อยมือเขาแต่ก็ไม่กล้าด้วยความที่คิดว่าการที่ทักท้วงออกไปอาจจะทำให้วากาชิรู้สึกไม่ดีก็เป็นได้

เอาน่าวากาชิคงไม่ได้คิดอะไรกับเราหรอก

อายาโตะบ่นพึมพำในใจตั้งแต่ก้าวลงจากสนามบินนาริตะ จนกระทั่งถึงวันนี้เขารู้สึกว่าตัวเองจะเข้าไปพัวพันกับความรักระหว่างชาย-ชายจนทำให้รู้สึกสับสนอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะความรู้สึกที่มีต่อดีแลน

เขาเองก็ไม่แน่ใจว่ามันคือความรักหรือความเผลอไผลต่อการกระทำที่คนร่างสูงนั้นปรนเปรอต่อเขาแต่ทุกอย่างก็ถูกสลัดออกไปจากใจหากไม่คิดจะยอมรับอีกฝ่ายมีหรือที่ตัวอายาโตะเองจะปล่อยให้คนร่างสูงหาเศษหาเลยได้ศิลปะป้องกันตัวที่ร่ำเรียนมาก็มีให้ใช้ได้เวลาคับขันแต่ตัวเขาเองไม่คิดจะใช้มันนั่นก็เป็นเพราะว่าเขาอาจจะกำลังตกหลุมรักเอิร์ลหนุ่มหื่นกามนั่นก็เป็นได้

“เป็นอะไรไปน่ะอายาโตะ”

วากาชิหันมาถามอายาโตะที่ยืนทำหน้าครุ่นคิดอยู่ประตูคาเฟเทอเรียตั้งแต่ลากอายาโตะเข้ามาภายในนี้ วากาชิก็ได้แต่หันไปมองโต๊ะที่ว่างอยู่เพื่อหาที่นั่งแต่พอหันมาเห็นอายาโตะที่นิ่งเงียบไม่พูดอะไรก็รู้สึกผิดปกติอายาโตะส่ายศีรษะไปมาพร้อมกับยิ้มให้เป็นเชิงปฏิเสธพร้อมกับมองไปที่ฝ่ามือที่โดนอีกฝ่ายจับ

“ไม่มีอะไรหรอก ว่าแต่จะปล่อยเราได้ยังอ่ะ”

“อะไร

“ก็มือเราไง ดูสิคนมองไปทั่วแล้ว”

“อ้าว ขอโทษๆ เราเผลอไปหน่อยอ่ะ”

“อื้อ เราไม่ว่าหรอก แต่คนมองหมดแล้วน่ะ”

“โทษที.. ก็นายตัวเล็กเดินก็ช้าให้ความรู้สึกเหมือนเป็นน้องมากกว่าเป็นเพื่อนอีกนะเนี่ย”

“ขอโทษนะที่เราตัวเล็ก”

อายาโตะตอบเสียงสะบัดนึกเคืองอีกฝ่าย ใช่สิ เขาสูงแค่ 160 เซนเอง ไฉนเลยจะไปสู้คนสูง 180 อย่างวากาชิได้จะว่าไปตัวเอิร์ลเองก็สูงเกิน 190 ด้วยเหมือนกันทำไมน่ะทุกวันนี้เขาถึงเจอแต่คนสูงกว่าเขาตลอดเลยจนเดียวนี้ต้องแหงนหน้าคุยกับอีกฝ่ายแทบจะเมื่อยคออยู่แล้วในตอนแรกคนที่สูงจนกระทั่งแหงนคอคุยก็มีเพียงหลงแค่คนเดียวเท่านั้นเพราะอชิสูงไล่เลี่ยกับเขาจึงไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้น แต่เดียวนี้มีถึง 3 คนสงสัยคงต้องไปนวดคอสักหน่อยแล้วล่ะมั้ง

“เป็นอะไร คิดอะไรอีกแล้วน่ะ ป่ะไปนั่งกัน ได้ที่นั่งแล้ว”

วากาชิลากอีกฝ่ายโดนการดันร่างให้เดินหน้าไปอายาโตะจึงรีบเดินอย่างรวดเร็ว ก็ทั้งดันทั้งพลั่กแบบนี้จะไม่ให้เดินเร็วได้อย่างไรล่ะนะ

“นายจะสั่งไรอ่ะ ร้านนี้เราแนะนำข้าวหน้าหมูทอดของที่นี่อร่อยดีนะพาเฟ่ต์ ด้วยอร่อยเหมือนกัน”

“อื้อ เอาอย่างที่นายว่าก็ดีเหมือนกัน ในภาพก็น่ากินดี”

“งั้นน้องครับ เอาข้าวหน้าหมูทอดสอง เฟรนฟรายจัมโบหนึ่ง แล้วน้ำล่ะ” วากาชิหันมาถามอายาโตะ

“เอาโค้กละกัน”

“โค้กสองครับ”

“รับทราบค่ะ ขอทวนรายการนะคะ ข้าวหน้าหมูทอดสอง เฟรนฟรายขนาดจัมโบหนึ่งส่วนเครื่องดื่มรับเป็นโค้กสองที่นะคะ”

“ครับ”

“รอสักครู่นะคะ อาหารจะมาเสิร์ฟภายในยี่สิบนาทีค่ะ”

พนักงานร้านส่งยิ้มหวานให้ก่อนจะเดินจากไปอายาโตะมันมามองวากาชิที่ทำท่าทางสนใจอีกฝ่ายเล็กน้อยก่อนจะหันกลับมาเมื่อเห็นว่าอายาโตะกำลังมองเขาอยู่

“ท่าทางนายนี้ต้องเจ้าชู้มากแน่ๆ เลยแฮะ”

“ไม่หรอกๆ ก็แค่นิดหน่อยน่ะ”

“เอาเถอะ เราก็ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย”

“อื้อ ว่าแต่เรียนเสร็จแล้วตอนเย็นนายไปไหนป่าว”

“หลังเลิกเรียนเหรอ

“ก็ใช่น่ะสิ คิดว่าเป็นตอนไหนกันล่ะ”

“หลังเลิกเรียนเรามีนัดน่ะ”อายาโตะยังไม่ลืมที่ดีแลนกำชับกับเขาไว้ตอนลงจากรถ

“ว้า แย่จัง เราว่าจะแนะนำเพื่อนเราให้นายรู้จักสักหน่อย อ้าวพูดถึงก็มาซะงั้น”

วากาชิโบกไม้โบกมือให้ใครบางคนที่กำลังก้าวเข้ามาภายในร้านดูเหมือนใครคนนั้นก็หันมาเห็นวากาชิพอดีจึงเดินมาหาอย่างรวดเร็ว

“เฮ้ย มาไงวะ”

“ข้าก็มากินข้าวกับเพื่อนสิวะ ถามแปลกๆ ว่าแต่เอ็งอ่ะมากับใครวะเปลี่ยนคนใหม่อีกแล้วเหรอ” วากาชิแอบกระซิบถามเพื่อนคนดังกล่าว

“เออ ข้าจะมากับใครก็เรื่องของข้า ว่าแต่จะไม่แนะนำให้รู้จักหน่อยเหรอ”

ว่าแล้วก็หลิวตาไปที่อายาโตะที่ยังคงนั่งอยู่การแต่งกายของผู้มาใหม่เป็นแบบชุดกาวน์ ดูท่าทางคงจะเป็นพวกนักศึกษาแพทย์ ดูจากหนังสือเล่มหนาที่ถือมาแล้วก็คงจะเป็นเช่นนั้นแต่ว่านะ สูงอีกแล้วนะ เกิน 180 เซนแน่ๆ เลย อายาโตะได้แต่ถอนหายใจทั้งที่ประเทศนี้เป็นเอเชียเหมือนกับประเทศไทยแท้ๆแต่ทำไมเขาถึงได้เจอแต่คนสูงกว่าเขาทั้งนั้น หรือว่าเขาจะตัวเตี้ยไปจริงๆ

บ้าสิร้อยหกสิบนี้ไม่เตี้ยนะ

“นี้อายาโตะ เพื่อนใหม่ อย่าได้คิดเชียวนะเฟ้ย”

“เออๆ ไม่คิดหรอกน่า ยินดีที่ได้รู้จักครับอายาโตะ ผมชื่อ ฟูจิวาระยาสุกิ เรียก ยาสุกิ เฉยๆ ก็ได้นะ ส่วนนี้เพื่อนผม เฮเซย์ ยามาโตะยินดีที่ได้รู้จัก”

ยาสุกิแนะนำคนข้างกายเสร็จดูเหมือนว่ามีเพียงยาสุกิเท่านั้นที่สายตาเป็นมิตรกับเขา แต่กับคนชื่อเฮเซย์ยามาโตะนั้นสายตาที่ส่งออกมามีแต่ความหึงหวง หรือว่าคนทั้งคู่จะเป็นแฟนกันน่ะ อายาโตะรีบสลัดความคิดออกจากหัวอย่างรวดเร็ว

บ้าน่าคงไม่ใช้หรอกมั้ง ก็ผู้ชายทั้งคู่นิน่ะ

“ยินดีที่ได้รู้จักครับ คุณยาสุกิ คุณเฮเซย์”

“ยินดีที่ได้รู้จัก” คนชื่อเฮเซย์ตอบก่อนจะหันไปทางอื่น

“เฮ้ย นั่งด้วยกันสิวะ”

“เออ ก็ดีเหมือนกัน คนเริ่มแน่นร้านแล้ว นั่งนี้และนะเฮเซย์”

“อื้อ ก็ได้”

ถึงแม้ว่าสีหน้าจะไม่อยากนั่งด้วยแต่เฮเซย์ก็ยอมตามใจยาสุกิโดยการนั่งข้างๆอายาโตะเพื่อเป็นการกันท่ายาสุกิมองการกระทำนั้นของเฮเซย์ก่อนจะหลุดหัวเราะออกมาเล็กน้อยกับท่าทางหึงหวงของอีกฝ่ายก่อนจะนั่งลงข้างๆวากาชิเพื่อนของเขาแทน ในสายตาของยาสุกิแล้ว อายาโตะดูน่ารัก น่าทะนุทะนอมดีแต่ไม่ใช่สเป็กของเขา อย่างเขาต้องผอมสูงหุ่นดีแบบเฮเซย์สิถึงจะน่ากด

“เฮ้ย เอ็งสั่งอะไรไปวะ”

“ข้าสั่งข้าวหน้าหมูทอดกะเฟรนฟรายจัมโบไปวะ เอ็งจะกินอะไรล่ะ”

“อื้อ เอาเป็นชาชูราเม็งดีกว่า เบื่อข้าวหน้าหมูทอดแล้ว แล้วเฮเซย์ล่ะเอาอะไรดี”

“ผมเอาแฮมเบอร์เกอร์ทอดดีกว่าครับ”

“งั้นน้ำก็เอาเป็นโค้กละกันเนอะ ง่ายดี”

“ครับ”

เฮเซย์รับคำอย่างสุภาพยาสุกิหันไปสั่งรายการอาหารกับพนักงานที่เข้ามารับออเดอร์ก่อนจะเดินจากไปอย่างรวดเร็วดูเหมือนว่าตอนนี้คนจะเริ่มแน่นร้านแล้ว แต่ก็ยังไม่มากเท่าวันอื่นๆ

“ว่าแต่เอ็งอ่ะ ตอนเย็นตกลงจะไปคาราโอเกะกันป่าว”

“ฉันอ่ะไป แต่อายาโตะมีนัดวะคงไปไม่ได้”

“เหรอครับ เสียดายจัง ถ้าอายาโตะไปจะได้เจอเพื่อนใหม่เยอะเลยนะครับ”ยาสุกิหันมาทำท่าเสียดายที่อายาโตะไม่ไปคาราโอเกะหลังเลิกเรียนกับพวกเขาอายาโตะได้แต่ส่งยิ้มแหะๆ ไอ้ไปก็อยากไปอ่ะนะ อยากไปพบเพื่อนใหม่ๆ บ้างอะไรบ้างแต่เมื่อคิดถึงใบหน้าของดีแลนที่รู้ว่าเขาจะไม่ไปเดทตามนัดแล้วให้ตายก็ไม่กล้าจะคิดเลยว่าคนร่างสูงนั้นจะหาทางลงโทษเขาแบบไหนบ้าง

มีหวังถูกจับกดไม่ได้ออกจากคฤหาสน์ไปไหนแน่ๆ

“เอาไว้วันหลังละกันครับ ขอบคุณนะครับที่ชวน”

“ไม่เป็นไรครับ ติดธุระก็ไม่เป็นไร ยังไงเราก็มีชวนอีกเรื่อยๆ ล่ะนะ”

“ครับ”

“เฮเซย์ นายไปกับฉันด้วยนะ”

“ครับ”

เฮเซย์รับคำอย่างแช่มชื่นดูเหมือนว่าคนข้างๆเขาจะดีใจที่อายาโตะไม่ไปคาราโอเกะด้วยแถมยังไม่มีท่าทีที่จะจับยาสุกิ กิริยาที่แสดงกับเขาก็ดีขึ้นตามลำดับหรือว่าที่เขาคิดนั้นมันจะเป็นความจริงกันนะ

ทั้งสองคนนี้ต้องมีซัมซิ่งรองกันอยู่แน่ๆเลย




Create Date : 11 ธันวาคม 2559
Last Update : 11 ธันวาคม 2559 17:23:56 น.
Counter : 211 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

ไลแลต..
Location :
กรุงเทพ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]






- นิยายที่ผ่านการตีพิมพ์ -









ธันวาคม 2559

 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
 
  •  Bloggang.com