เมษา และ น้ำหวาน ก้าวลงจากเครื่องบิน ทั้งสองเดินมายังทางของของผู้โดยสารขาเข้า ของสนามบิน นาริตะ ดวงตาของเธอสอดส่ายมองหาคนที่บ้าน ที่ก่อนมาถึง ทางบ้านของเธอได้โทรสั่งการให้มารับเธอ แต่แล้วเธอก็หยุด มองไปที่ร่างสูงโปร่ง ในชุดสูท สีดำ ที่ยืนคู่กับ ผู้ชายร่างเล็ก ใส่แว่นตาสีดำ เมษายิ้มกว้าง เธอดึงมือของน้ำหวานให้เดินไปทางนั้นทันที
พี่เมฆ...
ชายที่ชื่อเมฆ มองหาต้นเสียง ที่เขาแสนจะคุ้นเคยดี เขาแยกเขี้ยวให้น้องสาวตัวเองทันที ที่เห็นเธอ แต่แล้วก็เปลี่ยนเป็นส่งยิ้มหวานให้ เพราะ แม่น้องสาวตัวดีนั้น ได้พาเพื่อนสนิท ที่ชื่อน้ำหวาน ที่เขารู้จักเป็นอย่างดี เพราะน้ำหวานคือหวานใจของเขาเอง
เรานี้นึกจะมาก็มานะ นึกจะเรียนต่อก็เรียนต่อ
แล้วมีอะไรไหม มาว่าเมษ แบบนี้ เดี๋ยวเมษก็ลากน้ำหวานขึ้นเครื่อง บินกลับไทยซะเลยนิ
เมษาดึงมือเพื่อนสาว ให้หันหลังกลับ จนเมธา ต้องดึงมือน้องสาวของตัวเองไว้ พร้อมทั้งทำสีหน้าอ้อนวอนอย่างสุด ๆ น้ำหวานหัวเราะคิกคัก กับท่าทางของคนที่ตัวเองรัก ความจริงแล้ว ตอนที่เมษา บอกว่าจะเรียนต่อโท เธอก็ออกจะแปลกใจไปสักหน่อย เพราะเพื่อนของเธอคนนี้ ตั้งแต่เรียนจบมา ก็ไม่คิดจะทำอะไรเลย ด้วยว่า ทำอะไรก็พัง งานบ้าน งานเรือนก็ไม่เป็น กับข้าวยิ่งแล้วใหญ่ ดีอยู่อย่างคือสมอง ที่ไวกว่าเพื่อน ๆ ร่วมห้อง แต่ด้วยความที่ บ้านของเมษานั้น ตามใจลูกสาวมากกว่าลูกชาย ไม่ว่าอะไร ลูกสาวก็ต้องมาก่อน เธอก็เลยได้รับข้อตกลงว่า ไม่ต้องทำอะไร ให้พี่ชายรับช่วง ไปสบายที่สุด
เป็นครอบครัวที่แปลกจริง ๆ
เรานี่ เป็นพวกโมโหง่ายจริง ๆ เลย
ก็อะไรละ อุตส่าห์ดึงหวานมาด้วยแทนที่จะขอบคุณเรา ดันมาพูดแบบนี้ ไม่ให้เมษโมโหได้ไง
เมษาเล่นงานพี่ชายของตัวเอง ในใจก็อดหัวเราะไม่ได้ ตอนแรกที่เธอบอกว่าจะเรียนต่อ น้ำหวานที่มีโปรแกรมว่าจะไปเที่ยว ต่างประเทศ ก่อนที่จะเข้าทำงานกับบริษัท ส่งของออกทางบ้านอยู่แล้ว จึงเปลี่ยนจากทัวร์ ยุโรป เป็นแดนปลาดิบแทน และแน่นอนว่า ปัจจัยหลัก ก็คือพี่ชายของเธอเองด้วย
เมธาทำหน้าสลด เขาไม่น่าไปหาเรื่องกับน้องสาวตัวเองเลย ทั้ง ๆ ที่ไม่ว่าจะพูดอะไร น้องสาวของเขาเองโต้กลับได้หมด ถ้าให้แข่งกัน เมษา แข่ง ร้อยครั้ง ก็ ชนะ เขาทั้งร้อยครั้งนั้นและ เป็นแบบนี้มาตั้งแต่เด็กแล้ว นี้ก็ไม่รู้ว่า คุณน้ำหวาน ที่แสนจะอ่อนโยน เป็นกุลสตรี ทุกกระเบียดนิ้ว รับได้ไงกับความห่าม ๆ ของน้องสาว
เอาน่าเมษ หวานสงสารพี่เมฆ อีกอย่าง หวานเมื่อยแล้ว นั่งเครื่องตลอด
เป็นเพราะหวานนะ เมษถึงยอม หวานยิ่งร่างกายอ่อนแออยู่ รถอยู่ทางไหนละ พี่เมฆ
เมษายอมลงให้พี่ชาย เพราะว่าน้ำหวานนั้น ร่างกาย ถึงแม้จะไม่เรียกว่าถึงขนาดอ่อนแอมาก ๆ แต่ก็เป็นคนที่ โดนลม โดนฝนนิดหน่อย ก็ต้องนอนโรงพยาบาลแล้ว แต่ถึงจะเจ็บปวดง่าย แต่ก็ถือว่าเป็นคนสวย คนหนึ่ง แถมยังเก่งการบ้านการเรือน เป็นผู้หญิงที่เรียกว่า ใครได้เป็นแฟน ถือว่ามีบุญสุด ๆ
ถ้าอย่างนั้น กระเป๋าเราล่ะ ไม่ได้เอามาเหรอ พี่จะได้ให้ ทาคาโอะ ถือให้
ไม่มีหรอก ไอ้ของแบบนั้น กะมาซื้อที่นี่ อีกอย่าง ที่บ้านใหญ่ ก็มี เสื้อผ้า ของเมษ อยู่ตั้งเยอะแล้วด้วย ถือพวกนั้นมาด้วย เมื่อยมือเปล่า ๆ
ของคุณหวานด้วยเหรอ
อื้อ ของหวานก็ด้วย พี่เมฆเป็นผู้ชาย ถ้าเรื่องแค่นี้เตรียมไม่ได้ เมษบอกเลยนะว่า เมษไม่ยกหวานให้หรอก
น้ำหวานหัวเราะกับคำพูดของเมษา ตอนแรกเธอก็จะเตรียมกระเป๋ามาด้วย แต่เมษาบอกว่า ของแบบนั้นไม่ต้องหรอก เธอจะแกล้งพี่ชาย ทำให้เธอต้องทำตามคำพูด น้ำหวานหันไปมองเมธา ที่ทำหน้าปูเลียน อย่างอื่นพอเตรียมให้ได้ แต่ไอ้พวก บราเซีย หรือ แพตตี้นี้สิ เขาจะกล้าไปซื้อหามาให้ได้อย่างไง แต่แล้วทาคาโอะ เลขาประจำตัวของเขา ก็กระซิบข้างหูเขาว่า
เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงครับ ผมจะสั่งให้คุณแม่บ้าน เป็นคนจัดการให้เองครับ
อย่างนั้นก็ดี เฮ้อ นึกว่าจะต้องโดนยัยเมษเล่นงานซะแล้ว
กระซิบกระซาบอะไรกันคะ พี่เมฆ
ปะ-เปล่าจ้ะ รถอยู่ทางนี้ เชิญจ้ะ
ทั้งสองสะดุ้ง กับการขึ้นเสียง ของเมษา ก่อนจะส่ายหน้าไปมา กลัวว่าถ้าเมษารู้ว่าเขานินทา เรื่องมันจะไม่จบแค่นี้ เขาคงจะคางเหลือง ลงไปนอนกอง เมษาทำหน้าบึ้ง ก่อนจะเชิดหน้า ดึงมือน้ำหวาน ที่พยายามกลั้นหัวเราะอย่างสุดฤทธิ์ การที่เธอได้เห็นพี่เมฆ คนที่เธอรักในมุมแบบนี้ เธอรู้สึกว่า มันเป็นเรื่องมหัศจรรย์ เพราะเมธา ต่อหน้าเขา มักจะแสดงตัวเป็นหนุ่มมาดขรึม แต่แฝงไปด้วยเสน่ห์ของ บุรุษเพศ จนเธออดที่จะหน้าแดงแล้วแดงอีกไม่ได้ แต่พออยู่ต่อหน้า เมษา ผู้เป็นน้อง แล้ว มาดที่สร้างมา หลุดไม่เป็นท่าทุกที
เมษาเดินมาถึงรถที่จอดไว้รอรับเธอ อีกด้านหนึ่งของสนามบิน โรลส์รอยซ์ [1] สีดำ ที่ถูกขัดจนเป็นมันวาว โดยมีทาคาโอะ ทำหน้าที่เปิดประตูรถให้ เมษา บอกให้น้ำหวาน ก้าวขึ้นรถไปก่อนเป็นคนแรก รอจนน้ำหวานก้าวขึ้นไปนั่งแล้ว เมธาจึงพูดขึ้นว่า
พี่ขอนั่งถัดจากน้ำหวานนะจ้ะ
ฮุฮุ พี่เมฆคิดว่า เมษจะให้นั่งข้างหวานเหรอค่ะ ไม่ต้องเลย นั่งอีกด้าน
งก...
อะไร มาว่าใครงก
เมษาหันมาเล่นงานพี่ชายตัวเอง เมธาได้แต่ทำหน้าบึ้งอย่างไม่จริงจังนัก พร้อมกับแยกเขี้ยวใส่ แต่ก็ก้าวขึ้นไปนั่งด้านที่อยู่ตรงข้ามกับน้ำหวาน แต่โดยดี เมษาหัวเราะในลำคอ เธอกำลังจะก้าวขึ้นรถ แต่แล้วเธอก็ได้ยินเสียงบางอย่างลอยมาตามลม
ฉันรอคุณอยู่
รอคุณอยู่ตรงนี้
รอคุณมานานแสนนาน
เมื่อไหร่ คุณจะพบฉันสักที
คุณผู้เป็นเจ้าของ ของฉัน...
คุณมาหาฉันแล้วใช่ไหม
คุณมาพบฉันแล้วใช่ไหม
ใช่แล้ว คุณต้องเห็นฉัน
ฉันที่เฝ้ารอคุณอยู่....
เสียงอะไร
มีอะไรเหรอเมษ
น้ำหวานถาม เพราะเห็นเพื่อนของตัวเองหยุดชะงักไป เมษาหันมามองสีหน้าฉงน ของคนในรถ พร้อมกับเสียงที่จางหายไป เมษาหันไปมองรอบ ๆ ก็ไม่มีอะไรผิดสังเกต เธอจึงส่ายหน้าไปมา และคิดว่า เธอคงจะหูแว่วไปเอง เพราะขนาดตอนอยู่บนเครื่อง เธอยังตาฝาดได้เลย ที่เห็นเงาของเมฆ เป็นเงาคน เมษาก้าวขึ้นรถทันที
ขบวน รถเทียมม้ารูปกล่องสี่เหลียม พร้อมทั้งคนติดตามของ โทชิอากิ โยริซึเนะ แล่นเข้าสู่อารามหลวง ที่มีชื่อว่า วัดไดเมียว ในเวลาช่วงก่อนหัวค่ำของวัน โทชิอากิ ก้าวลงจากรถม้า เขาโบกมือให้คนสนิทของเขา เข้าไปแจ้งข่าวการมาถึงกับพระลูกวัด เพื่อให้ไปแจ้งกับ ท่านยูเคอิอีกรอบ ก่อนจะตามพระอีกองค์ เพื่อเข้าไปนั่งรอภายใน
ท่านโทชิอากิ โปรดรอสักครู่ ผมให้คนไปตามท่าน ยูเคอิแล้ว
ครับ
พระลูกวัดบอกเขาเช่นนั้น ก่อนจะเดินจากไป เพื่อทำงานของตนต่อ โทชิอากิได้แต่ส่งยิ้มให้อย่างเป็นกันเอง เพราะเขามาที่นี่ก็บ่อย ทำให้คุ้นเคยกับที่นี่เป็นอย่างมาก แต่แล้วเมื่อ ผ่านไป ครึ่ง ชั่วยาม ท่านยูเคอิ ก็ยังไม่มาเสียที ทำให้โทชิอากิที่นั่งรอบนพื้นเสือ รู้สึกกระวนกระวายเป็นยิ่งนัก เขาอยากจะปรึกษากับท่านยูเคอิ เกี่ยวกับความฝัน ที่มีมานานแสนนานแล้วของเขา โดยเร็ว
ทำไมท่านยูเคอิ ช้านักล่ะ
พอดีท่านยูเคอิ กำลังให้คำปรึกษากับ ท่านโฮโจ อยู่นะขอรับ
"ท่านโฮโจ?
"ท่านโฮโจ คานาเมะ น่ะขอรับ แม่ทัพแห่งวังหลวงตะวันออก"
อ๋อ ท่านโฮโจ แม่ทัพคนนั้นหรือ
ขอรับ
โทชิอากิ ขมวดคิ้วอย่างสงสัย ชื่อเสียงของ โฮโจ คานาเมะ โด่งดังมาก ในเรื่องการกรำศึก ต่อสู้กับข้าศึกที่มาลุกราน ซึ่งตั้งแต่ได้รับตำแหน่งมา ทำศึกที่ไหน ก็ชนะหมด แต่ที่เขาออกจะแปลกใจนัก คือทำไมแม่ทัพใหญ่ที่อยู่ทางตะวันออก ของ คิตะซาวะ ถึงได้มาปรากฏที่เมืองหลวงได้
แล้วท่านโฮโจ มาทำไมที่วัดหรือ
ดูเหมือนว่า ท่านโฮโจ จะมาขอคำปรึกษาเรื่อง บุตรีที่ป่วยเป็นโรคที่รักษายากอยู่นะขอรับ
อย่างนั้นหรือ ข้าไม่รู้เลยนะนี่ ว่าท่านโฮโจจะมีบุตรีด้วย
ขอรับ ได้ข่าวมาว่า เป็นหญิงที่งามพร้อม ทีเดียว แต่เสียอยู่อย่างตรงที่ร่างกายอ่อนแอ นะขอรับ
"อย่างนั้นหรือ"
โทชิอากิพยักหน้ารับ พร้อมกับกระตุกยิ้มที่ริมฝีปาก อย่างเจ้าเล่ห์ เวลาที่เขาได้ข่าวว่ามีสาวงามทีไร เลือดในกายของเขาก็มักจะเดือดพล่าน ไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น และอยากได้มาไว้ในครอบครอง เห็นทีว่าเขาคงต้องหาโอกาส ที่จะไปย่นโฉมของนางมิได้
แล้วตอนนี้บุตรีของท่านโฮโจ อยู่เมืองหลวงด้วยหรือ
ไม่ขอรับ เห็นว่ายังคงอยู่ที่เมือง คิตะซาวะ ขอรับ
ว้า...
"ทำไมหรือขอรับ"
"เปล่าหรอก ข้าแค่อยากย่นโฉมความงามของนางสักนิด แต่ช่างเถอะ"
โทชิอากิรู้สึกผิดหวังเป็นอย่างมาก เขาคิดว่าจะได้ย่นโฉมนางเสียหน่อย แต่เมื่อเป็นเช่นนี้ ก็คงได้แต่พูดว่า ช่างมันเถอะ หญิงงามไม่ใช่มีแค่คนเดียวเสียหน่อย เขายังมีให้มาย่นโฉมอีกมากมายนัก แต่ตอนนี้ นางที่เขาอยากจะเจอ เป็นนักหนานั้น มีเพียงคนเดียว คือนางที่อยู่ในความฝันของเขา เสียงฝีเท้าของท่านยูเคอิ ก้าวเข้ามาภายในห้องอย่างสำรวม โทชิอากิ เงยหน้าขึ้นมอง เพื่อนสมัยที่เคยยอกล้อเล่นหัวกันมา ด้วยความดีใจ
ได้ยินท่านพูดถึงบุตรีของท่านโฮโจ อย่างนั้นหรือ ท่านโทชิอากิ เราว่าท่านอย่าไปคิดที่จะยุ่งกับนางเสียจะดีกว่านะครับ
อะไรกัน ท่านยูเคอิ หวงหรือขอรับ
อย่างเรานี่นะจะหวง เราแค่เตือนท่านด้วยความหวังดี เท่านั้นเอง
ท่านยูเคอิ หัวเราะในลำคอ รอยยิ้มสว่างไสวนั้น ทำให้ โทชิอากิอดที่จะยิ้มตามไม่ได้ เขาหัวเราะออกมา เบา ๆ เช่นเดียวกัน เรื่องบุตรีของท่านโฮโจ จะเป็นเช่นไร เขาไม่คิดถึงหรอก ตอนนี้เขาคิดถึงนางในฝันเสียมากกว่า นางที่เขาอยากเห็นเธอในทุก ๆ วัน มิใช่แต่ในความฝันยามหลับนอน
ว่าแต่ท่านมานี้ คงจะเป็นเรื่องความฝันอีกหรือ
ใช่ ระยะนี้ข้าฝันถี่มากเลยล่ะ ท่านยูเคอิ ในความฝันเราจะจับต้องตัวนาง แต่นางก็หลุดลอยไปทุกที ท่านว่าข้าควรจะทำเช่นไรดี
นั่นสินะ เราว่าท่านน่าจะไปถือศีลที่ ซางาโนะ สักระยะนะท่าน
โทชิอากิเลิกคิ้วกับรอยยิ้มแปลก ๆ ของท่านยูเคอิ แต่แล้วเขาก็แปรเปลี่ยนเป็นยิ้มกว้าง เมื่อเขารับรู้แล้วว่า นั้นคือการให้คำปรึกษาเกี่ยวกับฝันของเขา ที่ท่านยูเคอิ ทำนายให้นั้นเอง แต่มันจะทำให้เขาได้พบกับนางจริง ๆ หรือไม่ นี้สิที่เขากำลังสงสัยอยู่ โทชิอากิ หยิบพัดของตัวเองขึ้น แตะที่ปากของเขาเอง อย่างใช้ความคิด
แล้วข้าจะได้พบนางจริง ๆ หรือ ท่านยูเคอิ
นั่นก็แล้วแต่โชคชะตาของท่าน ถ้าโชคชะตาของท่านมีวาสนากับนางผู้นั้น ท่านก็จะได้พบนางเอง แต่ถ้าไม่ ต่อให้ท่านหมดลมหายใจ ถูกฝังอยู่บนพื้นดิน ก็ยากที่จะได้พบเจอกัน แต่เราขอเตือน ท่านไว้อย่างหนึ่งเลย ว่าการที่จะพบนางในฝันของท่าน ท่านก็จะต้องแลก ด้วยสิ่งที่ท่านไม่ปรารถนาจะแลก ว่าอย่างไรล่ะ ท่านจะลองเสี่ยง กับโชคชะตาครั้งนี้ ของท่านหรือไม่
ข้าจะลอง ข้าหลงรักนางในฝัน มานานแล้ว ข้าจะไม่ยอมปล่อยให้สิ่งที่ท่านให้คำปรึกษาข้ามาสูญเปล่าหรอก
อย่างนั้นหรือ ถ้าเช่นนั้น เราจะส่งสารถึง พระที่อยู่ในอาราม ไดเมียว ที่ซางาโนะ ว่าท่านจะขอไปพักอาศัย รักษาศีล สักสอง ถึง สามเดือน
แล้วท่านมีอะไรจะแนะนำข้าอีกหรือไม่
เราไม่มีอะไรจะแนะนำท่านแล้ว เราขอให้ท่านโชคดีกับทางที่ท่านเลือก
ข้าขอขอบคุณ ท่านมาก ท่านยูเคอิ ที่คอยให้คำปรึกษาแก่ตัวข้า และถ้าไม่มีอะไรแล้ว เห็นทีข้าคงต้องขอตัวก่อน ค่ำมืดแล้ว ข้าเกรงว่า คนบ้านข้าจะบ่น
โทชิอากิหัวเราะ เมื่อนึกถึง คนทางบ้าน ท่านยูเคอิลุกขึ้นยืน พร้อมกับโทชิอากิ และให้พระลูกวัด เป็นคนส่งโทชิอากิ ขึ้นรถเทียมม้า ก่อนที่รถจะแล่นจากไป ท่ามกลางความมืดมิด และแสงของดวงดาว ดวงตาคมกล้าของท่านยูเคอิ ได้แต่มองตามอย่างครุ่นคิด ท่านทำได้เพียงแค่ ทำมองตามอยู่เงียบ ๆ เท่านั้น ไม่สามารถบอกได้ว่า ชะตากรรมของโทชิอากิ จะเป็นเช่นไร แม้ว่าท่านจะรับรู้ก็ตามที่
เราขอให้ท่านโชคดี ท่านโทชิอากิ
--------------------------------------------------------------------------------
[1] โรลส์-รอยซ์ (Rolls-Royce) รถยนต์นั่งจากประเทศอังกฤษ บริษัทก่อตั้งโดย เฟดริก เฮนรี่ รอยซ์ และ ชาร์ล โรลส์ รถยนต์ของโรลส์-รอยซ์มีลักษณะเป็นรถยนต์หรูหราขนาดใหญ่ นอกจากนี้รถยนต์แล้ว ยังได้ผลิตเครื่องยนต์สำหรับอากาศยาน ให้แก่เรือเหาะ (Zeppelin) ปัจจุบันบีเอ็มดับเบิลยูเป็นเจ้าของเครื่องหมายการค้าของโรลส์รอยซ์