เที่ยวอ่างศิลา
วันนี้ขอคั่นรีวิวการเดินทางท่องเที่ยวประเทศญี่ปุ่นด้วยการออกไปไหว้องค์นาจาและแวะเดินเล่นที่อ่างศิลาค่ะ สายๆรู้สึกเบื่อๆก็นั่งเล่นเน็ตตามปกติค่ะ บังเอิญไปเจอข้อความของแม่เกโระในเฟสบุ๊คว่ากำลังเดินทางไปไหว้องค์นาจา เลยชวนโอ๋ออกไปไหว้พระและทำบุญที่วัดองค์นาจา อ่างศิลากันทันที
"ยุ่ง กบไปไหว้นาจาที่อ่างศิลาอะ" เราบอกโอ๋ด้วยอาการตื่นเต้น
"แล้วยังไงคะที่รัก" โอ๋ถามด้วยน้ำเสียงยียวนสุดๆ "อยากออกไปถ่ายรูปรึไง" แหมๆๆๆ ยังซ้ำอีก
"ก็อยากออกไปนอกบ้านบ้างอะ ไม่ได้ออกบ้านมาหลายอาทิตย์แล้วนะ" เราเริ่มทำเสียงอ่อย
"จะไปหรือป่าว ถ้าจะไปแม่หมูจะได้ไปแต่งตัว" อ่าว สถานการณ์พลิกกลับ ในที่สุดก็ใจอ่อนยอมออกบ้าน

ออกจากบ้านประมาณเที่ยงกว่าๆค่ะ วิ่งถนนเส้นบางนา-ตราดมุ่งหน้าไปชลบุรี วันนี้รถเยอะสุดๆ ต้องขับแบบระมัดระวังค่ะ ขับรถแบบตามใจฉันกันหลายคันเลยเฮ้อ... ขับเข้ามาในเขตชลบุรีเจอป้ายไปอ่างศิลาก็เลี้ยวไปตามเส้นทางเรื่อยๆ ในที่สุดก็ถึงวัดแล้วค่ะ

วัดนาจา หรือ วิหารเทสถิต เริ่มสร้างเมื่อราวเดือนมีนาคม พ.ศ. 2534 โดยอาจารย์สมชาย เฉยศิริ เป็นผู้ริเริ่ม สร้างศาลเจ้าแห่งนี้ เดิมทีเป็นเพียงแค่ศาลเจ้าเล็ก ๆ ด้วยบารมีแห่งองค์เทพเจ้าหน่าจาซาไท้จื้อทำให้ ผู้ที่มากราบ ไหว้ มีความร่มเย็นเป็นสุข มีชีวิตที่มีแต่ความเจริญรุ่งเรืองในธุรกิจการค้ามากมาย จนมาเมื่อปี พ.ศ. 2539 อาจารย์สมชาย เฉยศิริ ระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวโดยสร้างเป็น วิหาร 4 ชั้น ขึ้นเพื่อ "เฉลิมพระ เกียรติครบรอบ 72 พรรษา ขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว" โดยเริ่มสร้าง เมื่อวัน อาทิตย์ที่ 16 กรกฏาคม พ.ศ. 2538 แล้วเสร็จเมื่อวันศุกร์ที่ 7 เมษายน 2543 มีระยะเวลาการก่อสร้างกว่า 4 ปี ใช้งบประมาณการก่อสร้างกว่า 300 ล้านบาท สร้างบนเนื้อที่ 4 ไร่ และยังมีเนื้อที่อยู่รอบศาลเจ้าอีกกว่า 8 ไร่

แผนที่การเดินทางไปยังวิหารเทพสถิต

หลังจากทำบุญที่ด้านล่างกันเสร็จแล้ว ก็ขึ้นไปไหว้องค์พระที่ด้านบนค่ะ ซึ่งด้านบนนั้นเ้ค้าห้ามถ่ายรูปและถ่ายวีดีโอ ดังนั้นในขณะที่ขึ้นไปไหว้องค์พระด้านบนนั้นจึงไม่สามารถเก็บภาพความงดงามภายในมาได้ ใครอยากรู้ว่าด้านในงดงามแค่ไหนต้องมาชมกันเองนะคะ

ไหว้พระเสร็จเรียบร้อยก็ออกมานั่งดูวิวภายนอกและเก็บภาพของโอ๋เล็กน้อย ก่อนออกเดินทางไปยังตลาดโบราณอ่างศิลา 133 ปี

ขับรถมาไม่ห่างจากวัดนาจามากนัก จะมีป้ายบอกทางไปตลาดโบราณเป็นระยะๆ ตรงหัวมุมที่เป็นโค้งอันตรายจะมีซอยทางเข้าตลาดโบราณอ่างศิลาค่ะ เลี้ยวซ้ายเข้ามาหาที่จอดรถได้เลยค่ะ ตลาดโบราณอ่างศิลานั้นหากขับมาจากวัดนาจา ต้องกลับรถมุ่งหน้าไป กทม นะคะ ขืนขับตรงไปเรื่อยมีหวังไปโผล่บางแสนแน่ๆค่ะ

ตลาดเก่าอ่างศิลา เป็นตลาดที่มีมานานถึง 133 ปีแล้ว ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 3 ชาวตะวันตกและคนบางกอกหรือคนกรุงเทพ มาพักตากอากาศกันมาก ชื่ออ่างหินก็เริ่มเปลี่ยนแปลงเป็น “อ่างศิลา” ให้ดูเป็นสากลมากขึ้น สำหรับคำว่าอ่างศิลาที่คนเรียกติดปากนั้น เดิมแล้วคนในพื้นที่ดั้งเดิมเรียกกันว่า “อ่างหิน” เมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จประพาสจังหวัดชลบุรี ได้ประทับแรมที่อ่างศิลา โดยมีลายพระราชหัตถเลขา ลงวันที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2419 พรรณนาถึง อ่างศิลา ตอนหนึ่งว่า เรียกชื่อว่าอ่างศิลานั้น เพราะมีแผ่นดินสูงเป็นลูกเนิน มีศิลาก้อนใหญ่ๆ เป็นศิลาดาด และเป็นสระยาวรี และนี่ก็คือที่มาของคำว่า “อ่างศิลา”

จอดรถเป็นที่เรียบร้อย ด้านหน้าที่จอดรถจะมีตึกแดง หรือ ตึกราชินี ตั้งอยู่ ประวัติความเป็นมาของตึกราชีนี มีป้ายแจ้งอยู่ที่หน้าตึกซึ่งเป็นประวัติย่อๆ ของตึกราชินีแห่งนี้ ซึ่งตึกแห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่ตากอากาศแห่งแรกของประเทศไทย ในสมัยรัชกาลที่ 4 ต่อมาก็ได้มีการบูรณปฏิสังขรณ์ขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 โดยสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ ในระหว่างที่สำเร็จราชการแทนรัชกาลที่ 5 ในตอนที่เสด็จประพาสยุโรปค่ะ ลักษณะของตึกหลังนี้สร้างด้วยปูน เป็นตึก 2 ชั้น และทาสีแดง อยู่ติดริมทะเล บรรยากาศดีมากๆ เลยค่ะ วันที่เราไปนั้นมีการเตรียมจัดงานอยู่ด้านหลังด้วย เลยทำให้เราพลาดโอากาสในการถ่ายรูปไปโดยปริยาย ภายในตึกมีความขลังเล็กน้อยค่ะ ลมไม่พัดผ่านเท่าไหร่เนื่องจากประตูแทบทุกบานปิดตายสนิทเลย ชั้นบนมีอยู่ด้วยกัน 2 ห้อง แต่ละห้องก็จะมีภาพถ่ายขาวดำโบราณติดไว้ที่ผนังห้อง กำลังจะยกกล้องขึ้นถ่ายรูป แต่มันรู้สึกหวิวๆเลยรีบลงมาดีกว่า แหะๆๆๆ เป็นคนกลัวผีซะด้วยสิคะ

ออกจากตึกแดงมาเดินฝ่าแดดจ้ามาเรื่อยๆค่ะ มาถึงสามแยกก็ให้เลี้ยวขวาเดินเข้าไปในตลาด วันนี้ค่อนข้างเงียบเหงาเล็กน้อยถึงมากที่สุด บรรยากาศของความคึกคักเหมือนเมื่อตอนเปิดตลาดพร้อมกับโฆษณานั้นไม่มีเหลืออยู่เลย แต่กลับเป็นเรื่องดีของเราค่ะ เพราะจะได้เดินชมตลาดในมุมเดิมๆอย่างแท้จริง

เดินเข้ามาด้านในประมาณ 50 เมตร เจอกับร้านออส่วน ผัดไทย หอยทอด เรายกนาฬิกาดู บ่ายสองโมงกว่าแล้ว สงสัยโอ๋หิวแน่ๆเพราะไม่มีข้าวตกถึงท้องซักกาเม็ด
"ยุ่ง กินออส่วนหรือป่าว ร้านนี้ท่าทางใช้ได้เลยทีเดียว" เราถามโอ๋
"ได้ กินร้านนี้ก็ได้"
เรานั่งโต๊ริมถนนซึ่งตั้งอยู่ข้างๆโต๊ะสำหรับทำออส่วน น้องคนขายเดินมาถามว่าสั่งอะไรหรือยัง เราตอบพร้อมกับสั่งออส่วน และ หอยทอด แม่ค้าใช้เวลาทำไม่นานค่ะ ในที่สุดออส่วนและหอยทอดก็มาวางอยู่บนโต๊ะเรา
"น้องๆ พี่ขอโก้โก้ไม่หวาน 1 แก้วด้วยนะ" โอ๋ตะโกนแจ้งพนักงาน
"ได้ค่ะพี่"

อาหารที่สั่งมาทั้งหมดเกลี้ยงไปในพริบตา ค่าเสียหายทั้งหมด 95 บาท รวมโกโก้เย็นของโอ๋ หลังจากนั้นเราใช้เวลาไม่นานในการเดินเที่ยวภายในตลาดโบราณอ่างศิลา คือแบบว่า... ไม่มีอะไรขายเลยค่ะ การตลาดที่นำเสนอตลาดเก่าในวันนั้นไม่เหมือนตลาดที่เราเห็นอยู่เบื้องหน้าในวันนี้เลยให้ตายเหอะ ><"

บ่ายสามโมงสิบนาที เราออกจากตลาดโบราณฯ มุ่งหน้าไปยังตลาดประมงท่าเรือพลี ที่น้องรถเมล์คนสวยเคยพาไปเดินเล่นหาของกินอร่อยๆ อิอิ อยากไปมานานแล้วค่ะ งานนี้ไม่พลาดแน่นอน ออกจากลานจอดรถเลี้ยวขวามุ่งหน้าไปตลาดประมงท่าเรือพลี

..............................................................................................

เส้นทางไปท่าเรือประมงพลีนั้นสวยทีเดียวค่ะ เพราะถนนเส้นนี้เป็นถนนเลียบชายทะเล ด้านซ้ายมือเป็นทะเล ซึ่งวันนี้มีนกบินว่อนไปมาโฉบเฉี่ยวเล่นกับแสงอาทิตย์ที่ทอดแสงลงมายังพื้นน้ำ บ่ายสามโมงสามสิบห้าแล้วค่ะ ไม่รู้ว่าตลาดเปิดหรือยัง เราขับรถเข้าใกล้ตลาดฯแล้วค่ะ สังเกตุได้จากรถเริ่มจอดหนาตาแล้ว เราชะลอรถหาที่จอดริมถนน โชคดีที่มาก่อน 4 โมงเย็นเลยยังพอมีที่จอดใกล้ๆทางเข้าตลาด
"เค้าจะลงไปแล้วนะ" เราบอกโอ๋ซึ่่งนั่งเล่นโทรศัพท์อยู่
"อือ ลงไปก่อนก็ได้เดี๋ยวเค้าตามไป" โอ๋ตอบโดยไม่เงยหน้าขึ้นมามองเราซักนิด
"งั้นเค้าลงไปก่อนนะ แล้วถ้าเค้าถ่ายรูปเสร็จแล้วจะโทรหา ยุ่งก็ตามมานะ" เราบอกโอ๋แล้วปิดประตูรถทันที

ไม่นานนักโอ๋ก็เดินตามมายังหน้าตลาดประมงท่าเรือพลีค่ะ ระหว่างนี้เดินเข้าไปสำรวจข้างในกันดีกว่า ได้กินอาหารลอยมาแตะจมูกแล้วค่ะ

อาหารที่นี่มีเยอะมากค่ะ ไม่ว่าจะเป็น กุ้ง หอย ปู ปลา ทอดมัน น้ำผลไม้ น้ำเปล่า น้ำอัดลม ปลาหมึกย่าง และอื่นๆอีกมากมาย อาหารสามารถนั่งทานได้ที่นี่หรือจะซื้อกลับบ้านก็แล้วแต่ลูกค้า ถนนขายของแห่งนี้น่าจะขาวประมาณซัก 300 เมตรได้ มีอาหารขายสองฝั่ง ก็ประมาณว่าเดินไปกลับก็ได้ 1 รอบค่ะ อาหารแต่ละร้านน่ากินสุดๆ แต่....ราคาอาหารนั้นขอบอกว่าเวอร์มากๆ ไม่สมราคาคุยเลย ประชาสัมพันธ์ว่าอาหารราคาไม่แพงแต่เอาเข้าจริงๆ ไม่แพงค่ะ แต่... แพงโคดๆ โดยเฉพาะปู แพงมากๆ หอยแครงยังโล 90 บาทเลยค่ะ โอ๊ยยยยยย ไม่อยาก said

อาหารที่ราคาปกติเท่าที่เห็นก็มีหอยแมลงภู่ กะปลากระพงทอดราดน้ำปลาร้านนี้แหละค่ะ ราคารับได้ เราเดินดูก่อนรอบนึง แล้ววกกลับไปซื้อหอยแมลงภู่ ปลาอินทรีย์ทอด หอยหวาน ยำปูม้า ปูจ๋า และปลากระพงทอดราดน้ำปลากลับไปกินกะครอบครัวที่บ้าน ตกลงมาตามรอยน้องรถเมล์แต่เจอราคาอาหารแล้วไม่ปลื้มอย่างแรงค่ะ... แต่ถึงราคาอาหารจะแพงยังไงก็ยังรักน้องรถเมล์อยู่ดี อิอิ รักนะจุ๊บๆ

ในโพสต์ครั้งหน้าจะกลับไปเขียนรีวิววันแรกของทริปญี่ปุ่นให้เสร็จจ้า อย่าลืมติดตาม :)

ปล. รูปจาก galaxy S

ติดตามหลายเรื่องราวได้ที่ //www.muneepuri.blogspot.com



Create Date : 28 มกราคม 2555
Last Update : 28 มกราคม 2555 20:55:58 น.
Counter : 3757 Pageviews.

1 comments
  
โดย: Kavanich96 วันที่: 30 มกราคม 2555 เวลา:11:31:48 น.
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

ผู้หญิงยิงชัตเตอร์
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



ง่ายๆ สบายๆ ชอบถ่ายรูป ^^
Group Blog
มกราคม 2555

1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
24
25
26
27
29
31