กองถ่ายสมเด็จพระนเรศวร @ พร้อมมิตรฟิล์มสตูดิโอ
หายหน้าหายตาไปนาน อย่างที่เขียนไว้ในไดอารี่อันก่อนบอกว่า ได้ไปเที่ยวมาหลายทริป รูปเยอะมาก แม่แพรเลยขอทยอยเอารูปลงที่ละทริปแล้วกันนะจ๊ะ ทริปนี้ครอบครัวแม่แพรไปมาตั้งแต่ก่อนปีใหม่โน้นแหละ เป็นการไปเที่ยวเมืองกาญฯ แบบไปเช้าเย็นกลับ สาเหตุที่ไปเพราะเจ้าหมีพูห์ตัวแสบเธออินกับหนังเรื่องตำนานสมเด็จพระนเรศวรที่เธอดู DVD มา เลยร้องขอบอกให้คุณตาพาไปเที่ยวอีก แม่แพรบอกว่า อ้าว! ก็เคยพาหนูไปแล้วไม่ใช่เหรอ แต่หมีพูห์เธอบอกว่า ไปแล้วก็ไปอีกได้ หมีพูห์ยังเล็ก จำไม่ได้แล้ว หมีพูห์อยากไปดูกรุงหงสา อ่ะ ไปก็ไปลูก ทริปเที่ยว กองถ่ายตำนานสมเเด็จพระนเรศวร เลยเกิดขึ้นเป็นครั้งที่ 2 ตามมาน่ะ เราออกเดินทางกันแต่เช้าเพราะตั้งใจอยากให้ไปถึงเช้าหน่อย อากาศจะได้ไม่ร้อนมาก แป๊บเดียวก็ถึง จ.กาญจนบุรี เดินทางต่อไปยังค่ายสุรสีห์ ต.ลาดหญ้า เสียค่าเข้า ผู้ใหญ่ 100 บ. เด็กอย่างหมีพูห์ไม่เสียเงิน แต่อย่างพี่เอิร์ธเสียแล้วจ้า จุดแรกที่เราเข้าชมเป็นหมู่บ้านของชาวอโยธยา เป็นหมู่บ้านแบบเรียบง่าย เลี้ยงวัวไว้ด้วยนะ วันที่พวกเราไป คนไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ พอเดินได้สบายๆ แดดเริ่มร้อนแล้วแหละ แต่เรามีประสบการณ์จากที่เคยมาครั้งแรก เราเลยหนีบหมวกกะร่มมาด้วย เลยทำให้พอคลายร้อนไปได้บ้าง พวกเราเดินเท้าต่อไปเรื่อยๆ ก็ชี้ชมหมีพูห์ให้ดูโน้นดูนี่ พอเธอเห็นที่นั่งร้านสูงๆ เธอก็ร้องจะปีนขึ้นไปนั่งให้แม่ถ่ายรูป แม่เลยกดไป 1 ใบ กดภาพหมีไปแล้ว สายตามองไปฝั่งตรงข้าม เห็นวิวเดิม ความสวยงามก็ยังคงเดิม เลยอดที่จะกดภาพมาอีกไม่ได้ จัดไปอีก 1 ใบ เป็นภาพกำแพงเมืองทางเข้ากรุงหงสา สีแดงตัดกับท้องฟ้าสวยเชียว เด็กน้อยเริ่มร้องจะขี่คอคุณพ่อ ได้เลย พ่อเชนให้ขี่อยู่แล้วแหละ ไป เดินกันต่อไปลูก เดินผ่านเจดีย์ที่เป็นฉากถ่ายทำของพม่า สีทองเหลืองอร่าม แต่มุมนี้ท้องฟ้าไม่สวยเลย ย้อนแสงยังงัยชอบกลอ่ะ แต่ว่าก็กดไป 1 ที ขอภาพเจดีย์เต็มอีกมุมนึงดีกว่า เดินไปแป๊บนึง จะเห็นทางเข้าวัด ตรงนี้เรียกว่า "วัดพระมหาเถรคันฉ่อง" ทำได้สวยที่เดียว ถ้ามองใกล้ๆ ตอนนี้เราจะเห็นบางอย่างเริ่มเก่าแล้วนะ แหม! ก็มันนานแล้วนี่เนอะ ก็ต้องมีสึกหรอกันบ้าง ตรงนี้เป็นพระของพม่านะ เหมือนเนอะ เหมือนไปเที่ยวพม่าเลย หมีพูห์ไหว้พระเสร็จแล้ว ก็เดินดูรอบๆ วัด เขาจะมีจอ vdo ไว้บรรยายสถานที่ต่างๆ ที่ใช้ถ่ายทำ พวกเราก็ยืนดูกันอยู่พักนึง แล้วก็ลงมาด้านล่าง เห็นระฆังใบใหญ่ ขอถ่ายกะหมีใบนึงนะ เทียบให้ดูว่าใหญ่แค่ไหน เดินขึ้นบันไดไปดูห้องที่เก็บ " พระแสงปืนต้นข้ามแม่น้ำสะโตง เขาทำได้ดีที่เดียว ปืนอันใหญ่ยาว หมีพูห์เธอร้องจะหยิบขึ้นมา แม่แพรต้องห้ามกันยกใหญ่ บริเวณลานวัดร้อนมากๆ ค่ะ นี่ถ้าถอดรองเท้าเดินมีหวัง เท้าพองแน่ๆ เขามีป้ายตั้งไว้ ให้เราเอาหน้าโผล่ไปถ่ายรูปด้วย ถามหมีพูห์ว่าอยากเป็น องค์ดำ มั้ย เธอบอกอยาก อ่ะ จัดไป องค์ดำผมม้า อิอิ เป็นพม่าก็ได้นะ อยู่กันตรงส่วนวัดนานแระ เดินต่อไปยังฝั่งพม่าบ้างดีกว่า เห็นวิวลิบๆ เดินไปพักไปเนอะ ใกล้ถึงแล้ว ระหว่างทางที่เราเดิน เห็นเขาเอาช้างตัวใหญ่มาโชว์ หมีพูห์เลยแวะดูช้างเพื่อเป็นการพักซักหน่อย ให้อาหารช้างเรียบร้อยแล้วก็ออกเดินทางต่อค่ะ เห็นหมีพูห์ลิบๆ เดินออกหน้าไปกะคุณตาก่อน ถึงแล้วค่ะ ทางเข้าเมืองหงสา ต้องเดินข้ามสะพานหมื่นศพไป (ใช่เปล่าไม่รู้นะ จำไม่ค่อยได้เหมือนกัน) เห็นพี่เอิร์ธกะคุณยายออกหน้าไปแระ ไอ้เรามันมีหน้าที่ถ่ายรูป ถ่ายโน้นถ่ายนี่ ก็ต้องเดินตามตูดเขาอย่างงี้แหละ เห็นสิงห์ 2 ตัว ใครมาที่นี่ก็เห็นจะอดถ่ายมุมนี้ไม่ได้เลยเนอะ แม่แพรต้องรอนานตั้งนานกว่าจะให้คนซาๆ ถึงจะได้ภาพมา ต้องอดทนนะคะ สิงห์ตัวใหญ่มาก เหมือนของจริงมากเลย เทียบกะคนตัวจิ๊ดเดียว อ่ะ..ให้เห็นสิงห์กันชัดๆ ความจริงจะเอาหมีพูห์ถ่ายคู่ แต่คุณยายบอกไม่เอา เพราะร้อนกลัวหลานจะไม่สบาย เลยให้รีบเดินไปก่อน ปล่อยแม่แพรไว้คนเดียวเลยน๊า สำหรับตรงบริเวณนี้เขาจะมีนิทรรศการภาพถ่ายให้ชมด้วยนะ พวกเราก็เดินดูไปเรื่อย อ่านไปเรื่อย พอดูเสร็จปั๊บก็ได้พักกันจริงแล้วแหละ ก่อนถึง ท้องพระโรงที่ตั้งสีหาสนบัลลังก์ จะมีซุ้มขายเครื่องดื่มและไอติมค่ะ แวะพักเหนื่อยกันก่อน หมีพูห์แวะกินไอติมเติมพลัง ปากเลอะขลั่กเลย แถมด้วยน้ำอีก 1 ขวด หายหิวก็เดินทางต่อจ้า ถึงแล้ว ท้องพระโรงที่ตั้งสีหาสนบัลลังก์ อลังการดีแท้เลย ขอถ่ายภาพตัดกะสีท้องฟ้าหน่อยน๊า ทองทั้งหมด สวยจัง พวกเราเลยนั่งอีกซักพัก เขาจะมีทีวีเครื่องใหญ่ให้ชม โดยเอาดารานำแสดงในเรื่องนั้นมาบรรยาย ว่าสถานที่นี้ถ่ายทำอย่างไร สำคัญอย่างไร ก็ถ่ายวนไปเรื่อยๆ มีเด็กแต่งตัวเป็นพม่าให้ถ่ายรูปคู่ด้วยนะ บอกให้หมีพูห์ถ่ายรูปคู่ เธอก็ไม่ยอม แม่แพรก็เลยถ่ายรูปอื่นไปเรื่อยๆ ปล่อยให้นั่งเล่นกะคุณตาคุณยายไป พอจะออกไปเดินดูจุดอื่นต่อ เธอก็ยอมถ่ายรูปกะบัลลังค์นิดนึง เก่งมากลูก ด้านหลังของพระราชวังนี้ เขาจะทำเป็นคุกของพม่า ไม่ได้ถ่ายภาพมาเท่าไหร่ เพราะมันมืด ถ่ายออกมาก็ไม่ค่อยสวย แล้วเราก็มาถึงจุดนี้ แม่แพรคาดว่าคงเป็นบ้านเรือนของพม่าอ่ะนะ แต่เขาทำเป็นที่แต่งตัว สำหรับคนที่สนใจจะแต่ตัวเป็นทหาร เป็น แม่นางมณีจันทร์ หรือเป็นชาวพม่า เขาจะมี studio ถ่ายให้แบบเป็นล่ำเป็นสันเลยค่ะ แม่แพรเลยไปแอบดูเขานิดนึง เดินออกมาเรื่อยๆ จะเป็นจุดที่เขาโชว์พวกปืนต่างๆ และก็ให้คนขี่ม้า (แต่เป็นม้าปลอม) ให้ถ่ายรูปได้นะคะ เก็บเพียง 20บาทเอง เสร็จหมีอีกตามเคย โดนไป 20บาท ถือดาบถ่ายบ้าง ถือขวานถ่ายบ้าง ให้ลงก็ไม่ยอมลง กะเอาให้คุ้มเลยนะ 20 บาทเนี่ยะ พอลงจากหลังม้าปั๊บ ก็คว้าปืนปุ๊บ เล่นปืนยาวเลยนะ แถมมีเล็งอีกต่างหาก ปืนทุกชนิดเธอหยิบมาเล็งหมด อันนี้แม่แพรทำฉากหลังเบลอนะคะ เพราะเห็นเท้าคุณตากะพี่เอิร์ธ เพราะแม่แพรขี้เกียจยองๆ ถ่าย เสร็จจากตรงนี้แล้ว เราก็จะเดินไปยังอาณาจักรของอยุธยากันซักที คราวที่แล้วเรามาเขาปิดซ่อม แต่คราวนี่ซ่อมเสร็จแล้ว เย้ๆๆ พระที่นั่งสรรเพชรปราสาท เดินเข้าไปถ่ายด้านในดีกว่า คราวนี้หมีพูห์เกิดอาการงอแง เราเลยเปลี่ยนนางแบบกันบ้าง ขอเป็นพี่เอิร์ธบ้างนะคะ ภายในท้องพระโรงแลดูกว้างขวาง ลมเย็นสบาย พวกเราเลยเดินดูห้องโน้นห้องนี้ไปเรื่อยๆ จากนั้นเริ่มเมื่อยแระ พวกเราเลยขึ้นรถที่เขาให้บริการ ลักษณะเหมือนรถราง นั่งได้หลายคน เขามีช้างมาให้เล่นด้วยนะ หมีชอบใจใหญ่เลย นั่งรถมาเรื่อยๆ ก็จะมองเห็นพระที่นั่งที่เราไปเที่ยวมาเมื่อกี้นี้ มองไกลๆ เชียวเชียวค่ะ เรามาถึงจุดสุดท้ายแระ เป็นจุดที่รถให้บริการจอด เป็นวังของบาเยงนอง สีทองอร่ามอีกเช่นเคย มองไปทางไหนก็ทอง ภายในจะมีปืน ปืนอีกแล้วค่ะ ให้ลองถือดู พี่เอิร์ธก็พลาดไม่ได้ ถือเล่นเหมือนเดิม เหมือนกันเลยพี่กะน้อง แต่ไม่ได้ถ่ายหมีมานะ เพราะแต่ละภาพลีลาเธอเยอะ ไหวหมด ไม่สวยเลยไม่เอาลงดีกว่า ภายในวังของบาเยงนองนี้เขาทำได้ละเอียดมากๆ เลยนคะ ลายสลัก วิจิตรตระการตามาก สมแล้วที่เวลาที่เราเห็นในหนัง แหม..มันสวยจริงๆ มองไปทางไหนก็สวย พี่เอิร์ธเลยขอแชะๆๆ อีกหลายภาพ สุดท้าย เรามาถึงโกดังที่เขาเอาไว้เก็บอุปกรณ์ประกอบฉาก ใหญ่โตมโหฬารมากๆ เดินดูแต่ละห้อง จะเป็นที่เก็บอาวุธ เครื่องแต่งกายต่างๆ ไม่ได้ถ่ายมานะคะ เพราะเซ็ง คนเยอะอ่ะ ลองของกันอยู่นั่น ไม่ให้หมีพูห์ลองเลย เด็กบางคนก็เล่นอยู่นั่นแหละ เห็นแล้วเซ็ง พ่อแม่ก็ไม่ยอมดู แถมจะแกว่งดาบไปมาก กลัวจะโดนหมีพูห์ เด็กคนนั้นเกือบโดนแพรเบิร์ดกระโหลกไปซะแล้ว ฮึ่ๆ เสร็จจากตรงนี้ เขาจะมีร้านขายของฝากปิดท้าย แหม..เล่นดักกันเลยเนอะ อย่างงี้ก็เสียทรัพย์สิ่เนอะ ซื้อเสื้อมาให้พี่เอิร์ธกะหมีคนละตัว ซื้อสมุดระบายสีมาด้วย ก่อนกลับบ้าน พวกเราก็แวะไปที่เดิมค่ะ ไปกินข้าวกันที่ ร้านเรณู ' ตรงน้ำตกไทรโยคน้อย กลับบ้านโดยสวัสดิภาพ เหงื่อไหลไคลย้อย ถึงบ้านสลบเมือด อิอิ ทริปต่อไป จะเป็นที่ไหน ติดตามไดตอนหน้านะจ๊ะ บับบายจ้า...
Free TextEditor
Create Date : 26 พฤษภาคม 2553 |
Last Update : 6 เมษายน 2554 21:17:17 น. |
|
6 comments
|
Counter : 3463 Pageviews. |
|
|