ธรรมธาตุ
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




กายนี้ข้าขออุทิศแต่พระศาสนา
ใจนี้ข้าขออุทิศแด่พระธรรม
สองมือสองเท้าหนึ่งหัวสมองหนึ่งใจเพื่อเพื่อนมนุษย์และสัตว์ทั้งหลาย
ข้าจักขอสืบสานมรรคาแห่งพระโพธิสัตว์

ผมขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาติชมครับ ขอคำชี้แนะจากทุกๆท่านด้วยครับมีอะไรแอดเมลล์มาคุยกันได้ครับ



จำนวนผู้ชมทั้งหมด
Google
Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2550
 
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
14 พฤศจิกายน 2550
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add ธรรมธาตุ's blog to your web]
Links
 

 

ประวัติของอาจารย์ ...ศานติเทวะ


โพธิสัตตวจรรยาวตาร


...ตราบเท่าที่อากาศยังคงอยู่
และตราบเท่าที่สรรพสัตว์ยังคงอยู่
ตราบนั้น ข้าขอคงอยู่
เพื่อขจัดปัดเป่าความทุกข์โศกของโลก
...........ศานติเทวะ


โพธิสัตตวจรรยาวตาร(Introduction to Bodhicaryavatara) นี่ อาจารย์ ศานติเทวะ(Santideva) เป็นผู้รจนาขึ้นโดยขณะที่รจนานั้น อาจารย์ศานติเทวะมิได้รจนาด้วยความรู้สึกเย่อหยิ่งภาคภูมิใจในความรู้ของตนเลย แต่กลับรจนาขึ้นด้วยความคิดเพียงแค่จะเอื้อประโยชน์ต่อสรรพสัตว์ทั้งปวง ดังนั้นกล่าวได้ว่า "โพธิสัตตวจรรยาวตาร" นี้เหมาะกับทุกคน เพราะหากผู้รจนาเต็มเปี่ยมไปด้วยความภาคภูมิใจในความเฉลียวฉลาดของตนแล้ว คำอธิบายทั้งหลายก็ย่อมไม่อาจกล่าวได้เหมาะสมกับคนทุกระดับ

และในโอกาศที่ "โพธิสัตตวจรรยาวตาร" อันมีความหมายว่าแนวทางแห่งการดำเนินชีวิตของพระโพธิสัตต์ ในฉบับภาษาไทยที่ รศ.ดร ฉัตรสุมาลย์ กบิลสิงห์ ได้แปลไว้อย่างสมบูรณ์ตามพรที่ได้รับมาจากองค์ทาไลลามะ ซึ่งประทานหนังสือเล่มนี้ให้ ได้นำมาตีพิมพ์ใหม่อีกครั้งเพื่อให้คนไทยได้มีโอกาศอ่านงานของโพธิสัตต์มรรคชั้นเลิศทีได้รับการถ่ายทอดเป็นภาษาไทยได้อย่างงดงามสมบูรณ์โดยอาจารย์ฉัตรสุมาลย์ ดังนั้นในโอกาสนี้จึงขอเขียนและกล่าวถึง "โพธิสัตตวจรรยาวตาร" โดยย่อพอให้เห็นภาพรวม เพื่อให้ผู้ที่สนใจสามารถอ่านฉบับสมบูรณ์ของอาจารย์ฉัตรสุมาลย์ได้ต่อไป

ประวัติของอาจารย์ ...ศานติเทวะ


ก่อนที่จะเล่าถึงคำสอนของผู้รจนา เราควรมาทำความเข้าใจประวัติของอาจารย์ศานติเทวะโดยย่อกันก่อน ศานติเทวะเป็นอาจารย์สอนพุทธศาสนาที่มหาวิทยาลัยสงฆ์นาลันทา ประเทศอินเดีย กล่าวกันว่าชีวิตของท่านเริ่มต้นด้วยการเป็นเจ้าชาย ประสูติในเบงกอล(Bengal)
แต่ต่อมาได้สละราชสมบัติและเริ่มออกแสวงหาคุรุทางจิตจิตวิญญาณ ได้เรียนรู้ศึกษาจากคุรุหลายท่าน จนในที่สุดก็ได้มาศึกษา ปฏิบัติ เรียนรู้ศาสตร์ทั้งหลายอย่างสมบูรณ์ที่มหาวิทยาลัยนาลันทาซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยสงฆ์ที่ดังทีสุดในยุคนั้น เล่ากันต่อว่าอาจารย์ศานติเทวะได้บรรลุธรรมแล้ว โดยได้ร่ำเรียนถ่ายทอดวิชาโดยตรงจากพระโพธิสัตต์ซึ่งจะมาสอนในตอนกลางคืน และด้วยเหตุที่อาจารย์ศานติเทวะดำเนินชีวิตอย่างสมถะและถ่อมตัวที่สุด ดังนั้นจึงไม่มีใครสนใจและไม่มีใครเห็นว่าอาจารย์ศานติเทวะเป็นบุคคลพิเศษที่บรรลุธรรมแล้วคนอื่น ๆ ในมหาวิทยาลัยนาลันทาต่างพากันคิดว่า ศานติเทวะเป็นคนต่ำต้อย ไร้ค่า ไม่ทำตัวให้เกิดประโยชน์ อันใดต่อมหาวิทยาลัยสงฆ์เลย มีแต่จะทำให้อาหารของสงฆ์สิ้นเปลืองโดยเปล่าประโยชน์เท่านั้น

จนกระทั่งพระสงฆ์เหล่านั้นได้มาประชุมกันและเห็นพ้องต้องกันว่า " อาหารและปัจจัยของหมู่สงฆ์ต้องถูกจัดการเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด แตะพระรูปนี้(หมายถึงพระอาจารย์ศานติเทวะ) กลับทำตัวไร้ค่ามีแต่กินและนอนเท่านั้น แสดงว่าพระรูปนี้ต้องสะสมกรรมชั่วมานาน และกำลังจะเป็นแบบอย่างที่ไม่ดีต่อผู้อื่น ดังนั้นเราต้องหาทางกำจัดเขาให้ออกไปจากมหาวิทยาลัยสงฆ์ของเรา"

ในทุก ๆ เดือนที่มีการประชุมสงฆ์ครั้งใหญ่ ที่เหล่าอาจารย์จะต้องมาอ่านพระสูตรและแสดงธรรม ด้วยความไม่รู้ที่ว่าแท้จริงแล้วอาจารย์ศานติเทวะได้บรรลุธรรมแล้ว เนื่องจากลักษณะภายนอกที่ดูต่ำต้อยที่ท่านแสดงออก สงฆ์เหล่านั้นจึงวางแผนกันว่าจะนิมนต์ให้ศานติเทวะขึ้นอ่านพระสูตรและแสดงธรรม ซึ่งเชื่อว่าอาจารยืศานติเทวะจะต้องทำไม่ได้ และจะต้องรุ้สึกอับอายเป็นอย่างมาก สุดท้ายต้องออกไปจากมหาวิทยาลัยแห่งนี้

จากการที่เหล่าสงฆ์ได้ร่วมกันวางแผนที่จะกลั่นแกล้งอาจารย์ศานติเทวะให้ได้รับความอับอาย ด้วยการนิมนต์ให้ท่านขึ้นมาอ่านพระสูตรและแสดงธรรม และเพื่อจะทำให้อาจารย์ศานติเทวะรู้สึกอับอายมากขึ้น สงฆ์เหล่านั้นก็จงใจตั้งธรรมาสน์ให้สูง แล้วนิมนต์อาจารย์ศานติเทวะขึ้นนั่งแสดงธรรม ซึ่งท่านก็ตอบรับคำนิมนต์นั้น

แต่ทันทีที่ท่านเอื้อมมือไปแตะธรรมมาสน์นั่นเอง ธรรมาสน์ที่เคยสูงก็กลับค่อย ๆ เลื่อนลดต่ำลงมาให้อาจารย์ศานติเทวะขึ้นนั่งได้อย่างสะดวก แล้วก็หันกลับไปถามเหล่าสงฆ์ว่า

" พวกท่านต้องการจะฟังพระสูตรที่มีอยู่แล้ว หรือ จะฟังอะไรใหม่ ๆ "

เหล่าสงฆ์พากันประหลาดใจอย่างมาก แต่ด้วยความเชื่อที่ว่าอาจารย์ศานติเทวะไม่มีความรู้ใด ๆ จึงพากันขอให้ท่านแสดงอรรถกถาของตัวท่านเอง

และนี่คือจุดเริ่มต้นของคำสอนใน"โพธิสัตตวจรรยาวตาร" และเมื่อท่านแสดงจนถึงบทที่ว่าด้วยปัญญา ตัวท่านก็ลอยสูงขึ้น สูงขึ้นไปในอากาศจนกระทั่งหายลับไป เมื่อเหล่าสงฆ์ได้ฟังคำสอนเรื่อง "โพธิสัตตวจรรยาวตาร" ก็รู้สึกเสียใจที่คิดและแสดงพฤติกรรมที่ไม่ดีต่ออาจารย์ศานติเทวะ จึงพากันออกตามหาท่านแต่ก็ล้มเหลว

จนกระทั่งก็มีผู้ไปพบอาจารย์ศานติเทวะบำเพ็ญเพียรอยู่บนภูเขาลูกหนึ่ง ผู้คนและคณะสงฆ์ที่ออกตามหาก้พากันไปเฝ้าดู และสังเกตุเห็นว่ามีกวางตัวหนึ่งเดินหายเข้าไปในถ้ำที่อาจารย์ศานติเทวะพำนักอยู่ โดยไม่กลับออกมาอีกเลย ทุกคนจึงพากันคิดว่าอาจารย์ศานติเทวะต้องฆ่ากวางเพื่อเอาเนื้อมากินแน่ จึงพากันเดินขึ้นไปบนถ้ำเพื่อจะเข้าไปทำร้ายท่าน แต่เมื่อถึงปากทางเข้าถ้ำ ปรากฎว่ามีกวางจำนวนมากมายตบแต่งด้วยเครื่องประดับอันสวยงามพากันเดินออกมาจากถ้ำโดยมีอาจารย์ศานติเทวะเดินตามมารั้งท้าย

แท้ที่จริงแล้ว การที่กวางเหล่านั้นหายเข้าไปในถ้ำเป็นเวลานาน ๆ ก้เพื่อไปฟังธรรมจากอาจารย์ศานติเทวะนั่นเอง เมื่อเหตุการณ์เป็นเช่นนี้ ผู้คนทั้งหลายและเหล่าสงฆ์ต่างก็รู้สึกละอายใจ และพากันไปสารภาพผิดต่ออาจารย์ศานติเทวะและขอให้อาจารย์ศานติเทวะเมตตาถ่ายทอดธรรมให้นับตั้งแต่นั้นมา

สำหรับคำสอนในเรื่อง โพธิสัตตวจรรยาวตาร ของอาจารย์ศานติเทวะนี้ ได้รับการถ่ายทอดสืบต่อกันมาจนถึงปัจจุบันโดยเฉพาะคำสอนในเรื่องการสอนโพธิจิต อันเป็นรากฐานที่สำคัญสู่เส้นทางเดินแห่งโพธิสัตตมรรค ถึงยุคสมัยก่อนนั้น ไม่เคยมีใครได้ยินเรื่องนี้มาก่อนเลย

อย่างไรก็ตามคำสอนโพธิสัตตวจรรยาวตารก็มิใช่เรื่องใหม่ แต่เป็นส่วนหนึ่งของคำสอนของพระพุทธองค์เช่นเดียวกัน เพียงแต่โพธิสัตตวจรรยาวตารนี้เป็นอรรถกถาอาจารย์ศานติเทวะตามความรู้และการปฏิบัติตามที่ท่านได้ทำมา

ในบทนำของโพธิสัตตวจรรยาวตาร อาจารย์ศานติเทวะกล่าวไว้วา

" อรรถกถาเหล่านี้อาจจะไม่เป็นประโยชน์ต่อผู้อื่น แต่อย่างน้อยที่สุดอรรถกถาเหล่านี้เอื้อประโยชน์อย่างสูงต่อตัวอาตมา และสารธารแห่งจิตของอาตมา "

การที่อาจารย์ศานติเทวะกล่าวเช่นนี้เป็นการสะท้อนให้เห็นวิถีแห่งอาจารย์เชิงพุทธธิเบตที่จะพยายามลดทิฐิมานะ ยึดมั่นในอัตตาตัวตนของตนเองออกเสียและยกย่องผู้อื่นด้วยความนอบน้อมถ่อมตนเพื่อเป็นหนทางในการช่วยขจัดทิฐิมานะหยิ่งทะนงในอัตตาตัวตนออกไปเสีย

อรรถกถาโพธิสัตตวจรรยาวตาร จะประกอบไปด้วยทั้งสิ้น 10 บท







 

Create Date : 14 พฤศจิกายน 2550
4 comments
Last Update : 14 พฤศจิกายน 2550 14:20:57 น.
Counter : 2238 Pageviews.

 

ขอบคุณค่ะ จริงๆ ก็ได้อ่านหนังสือ โพธิสัตต์จรรยาวตาร แล้วค่ะ แต่เพิ่งทราบประวัติของอาจารย์ศานติเทวะค่ะ

ขออนุโมทนาบุญในความเพียรโพสท์ข้อความดี ๆ เหล่านี้ค่ะ

 

โดย: little bear june 20 กรกฎาคม 2551 22:08:38 น.  

 

ตอนนี้กำลังทำรายงานเรื่อง พระสูตรของมหายาน
แต่หาขอมูลยาก ช่วยหน่อยนะ
อามิตตพุทธ
โปรดส่งทางนี้นะครับ
ruangsan_mbu@hotmail.com

 

โดย: พระนักศึกษา มมร. ปี๓ IP: 202.149.25.234 4 ธันวาคม 2551 19:52:04 น.  

 

ตอนนี้กังทำรายงานเรื่อง
- หลักคำสอนที่สำคัญของพระพุทธศาสนามหายาน
- พระสูตรมหายาน
หาข้อมูลยากมาก หากมีข้อมูลรบกวนด้วยนะครับ

เจริญพร winai_Bue@hotmail.com

 

โดย: พระมหาจุฬา นครราชสีมา IP: 202.28.110.14 23 มกราคม 2552 8:42:15 น.  

 

whenever you felt that your heart is going to breakdown
feel it with the love of God ask for his and then you will
find out what is the truth love in Your life as he does for me!

GOD always forgive your mistake
the one that you cant even forget,
he always does it and always being with us
to help and blesss us for us whose heart is full of him

 

โดย: da IP: 124.122.247.144 18 เมษายน 2553 23:25:04 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.