Day 2 : พระราชวังเคียงบ็อค, พิพิธภัณฑ์พื้นบ้าน,ชองวาแด, ชองเกชอน, หมู่บ้านนัมซานฮันอก, N Seoul Tower
Seoul, South Korea

4 March 2016




** ข้อมูลบางส่วนอ้างอิงจากหนังสือคู่มือท่องเที่ยวเกาหลีของ Korea Tourism Organization **

รีวิวบุฟเฟ่ต์อาหารเช้าโรงแรม





บริเวณโต๊ะอาหาร กว้างใหญ่ น่านั่งดี





กาแฟ





น้ำอัดลม น้ำส้ม น้ำเปล่า ฯลฯ






Omelette ไส้กรอก ข้าวผัด





ข้าวสวย ข้าวต้ม มีผงงา,สาหร่ายไว้โรยข้าวด้วยน่ะ

ซุปมิโซะ





สลัด





ซีเรียลและนม





ขนมปัง





เดินผ่านตลาดนัมแดมุนเพื่อไปสถานีรถไฟ Hoehyeon







ไปถึงสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินแล้ว เติมเงินบัตร T-money ก่อน ตู้ซ้ายสุด ส่วนตู้กลางกับขวาเป็นตู้ Refund ค่ามัดจำตั๋วเที่ยวเดียว





ขึ้นรถไฟฟ้าใต้ดินมาลงสถานี Gyeongbokgung





ในสถานีมี Seoul Metro Art Center







ประตูที่เดินผ่านแล้วจะอายุยืน





เดินออกมาบริเวณทางออก 5





จะเจอพิพิธภัณฑ์พระราชวังแห่งชาติ หรือ National Palace Museum of Korea (국립고궁박물관)





พระราชวังเคียงบ็อค หรือ Gyeongbokgung Palace (경복궁)

ด้านหน้าเป็นประตูที่ชื่อว่ากวางฮวามุน (Gwanghwamun Gate) ซึ่งเป็นประตูหลักของพระราชวัง





มีคนใส่ชุดคล้ายๆทหารยาม น่าจะเป็นตำรวจ ??





ตึกหน้าพระราชวังเคียงบ็อค





ซื้อตั๋วเข้าชมพระราชวัง





แวะดูทหารเดินขบวน






พระราชวังเคียงบ็อค สร้างขึ้นในปี ค.ค.1395 ให้เป็นพระราชวังเอกในราชวงศ์โชซอน โดยพระเจ้าแทโจผู้สถาปนาราชวงศ์

เป็น 1 ใน 5 ของ Grand Palace ของที่นี่







เคยถูกทำลายสมัยถูกรุกรานจากญี่ปุ่นในปี ค.ศ.1592-1598 จึงได้ย้ายไปพระราชวัง Changdeokgung หลังจากย้ายไป ทำให้พระราชวังเคียงบ็อคถูกทิ้งร้างนาน 270 ปี จนได้รับการบูรณะใหม่ในปี ค.ศ. 1867 และในปี ค.ศ.1911 ญี่ปุ่นก็ได้ทำลายพระราชวังเคียงบ็อคอีก และได้บูรณะใหม่อีกในปี 1990

กษัตริย์เกาหลีสมัยนั้นมีความสนใจเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์มาก หนึ่งในนั้นคือการประดิษฐ์นาฬิกาแดด ถ้าตอนเที่ยง เงาก็ตกตรงกลางพอดี ด้านซ้ายและขวาก็แบ่งตามชั่วโมงต่างๆของวัน










ภายในบริเวณพระราชวัง ค่อนไปทางด้านหลัง มีพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านแห่งชาติ หรือ National Folk Museum of Korea







ซึ่งแสดงประวัติศาสตร์ความเป็นมาของประเทศเกาหลี ตั้งแต่ยุคหินจนถึงปัจจุบัน

Timeline ประวัติศาสตร์เกาหลี





หมอสมัยโบราณ ไม่ใช่แดจังกึมนะ





สมัยก่อนเชื่อว่าการเป็นฝีดาษ (Smallpox) เกิดจากมีภูตผีปีศาจเข้าสิง เลยต้องมีพิธีเต้นระบำเพื่อไล่ผี





ขบวนแห่ศพ





ออกไปทางประตูหลัง มีตำรวจขอตรวจกระเป๋า พอออกไปจึงได้รู้ว่าทำไม เพราะมันคือชองวาแด (청와대) หรือ Blue House ซึ่งเป็นทำเนียบของประธานาธิบดี ชื่อของทำเนียบตั้งตามกระเบื้องสีฟ้าที่ปูบนหลังคานั่นเอง นอกจากเป็นสถานที่บริหารราชการแล้วยังเป็นที่พำนักของประธานาธิบดี เรือนรับรองแห่งรัฐ ห้องแถลงข่าว





ในปี ค.ศ.1968 ที่ Blue House เคยถูกการก่อการร้ายโดยคอมมานโดเกาหลีเหนือ 31 นาย ซึ่งมีจุดประสงค์คือลอบสังหารประธานาธิบดีของเกาหลีใต้ ซึ่งทำไม่สำเร็จ ในคอมมานโดเกาหลีเหนือ 31 นาย ถูกจับตาย 29 นาย ถูกจับเป็น 1 ราย อีก 1 รายหนีกลับไปเกาหลีเหนือได้

เกาหลีใต้ตอบโต้ด้วยการตั้งหน่วย Unit 684 (ตั้งขึ้นปี 1968 เดือน 4) ด้วยการเกณฑ์พวกคนที่เป็นอาชญากรต้องโทษสถานหนัก เช่น นักโทษประหาร หรือจำคุกตลอดชีวิต จำนวน 31 คน มาทำการฝึกทางยุทธวิธี จุดประสงค์ก็คือลอบสังหารผู้นำเกาหลีเหนือคือ คิม อิล ซุง (Kim Il-Sung) ซึ่งถ้าทำสำเร็จก็จะได้รางวัลตอบแทนคือการเริ่มต้นชีวิตใหม่ พ้นโทษทั้งหมดได้เงิน แต่หน่วย 684 นั้นยังไม่ทันได้ออกปฏิบัติการก็โดนยกเลิกภารกิจซะก่อน เพราะช่วงนั้น ความสัมพันธ์ระหว่างเกาหลีเหนือกับเกาหลีใต้เริ่มฟื้นฟู ทางรัฐบาลเกาหลีเหนือก็เลยส่งคนไปเก็บหน่วย 684 แล้วก็ปิดข่าวเป็นความลับ จนกระทั่งถึงปี 1990 ข้อมูลถูกเปิดเผย ทางครอบครัวของหน่วย 684 ก็ได้ฟ้องรัฐบาลเกาหลีในข้อหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนและการปิดบังข้อมูล ทางศาลได้ตัดสินให้รัฐบาลเกาหลีชดใช้เงินจำนวน 273 ล้านวอน (หรือประมาณ 8 ล้านบาท)

ที่นี่มีตำรวจยืนเฝ้าคุมเข้มตลอด





หลังจากนั้นก็เดินกลับไปสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน ขึ้นรถไฟฟ้าไปลงสถานี Gwanghwamun เดินออกทาง Exit 5

เพื่อไปที่ลำน้ำชองเกชอน (Cheonggyecheon Steam)





เดิมทีเป็นลำน้ำตามธรรมชาติแล้วมีการปูยางมะตอยทับลำน้ำชองเกซอนในปี 1958 เพื่อทำถนน ภายหลังการฟื้นฟูที่เริ่มตั้งแต่เดือนกรกฏาคมปี 2003 และใช้เวลาสองปีกับสามเดือน ลำน้ำชองเกซอนก็กลับมาเป็นลำน้ำยาว 5.84 กม.ไหลผ่านกลางย่านธุรกิจที่สร้างบรรยากาศผ่อนคลายและสดชื่นเป็นอย่างดี







แวะรับประทานอาหาร





บอซซัม กับ ซุนดูบูจิเก





เครื่องเคียงมากมาย กิมจิ และผักอื่นๆในเครื่องปรุงสีส้มๆ





หลังจากนั้นก็เดินต่อไปขึ้นรถไฟใต้ดินไปสถานี Chungmuro เพื่อไปหมู่บ้านนัมซานโกลฮันอก (Namsangol Hanok Village)









ซึ่งเป็นหมู่บ้านพื้นเมืองเกาหลี ซึ่งมีกิจกรรมเกี่ยวกับวัฒนธรรมเกาหลีมากมาย เช่น ใส่ชุดพื้นเมืองเกาหลี ชงชา วาดพู่กันจีน









ไหหมักกิมจิ







แล้วก็หาทางเดินต่อไปกระเช้าขึ้นภูเขานัมซานและโซลทาวเวอร์ นั่งรถไฟใต้ดินไปลงสถานีเมียงดง





สถานีเมียงดง แวะร้าน DeliManjoo













เดินขึ้นเขา แต่ระหว่างทางมีร้านน่ารับประทานมากมาย (พึ่งรู้ว่ามันมีลิฟต์กระเช้าขึ้นเขาตอนลง)









ฝาท่อสวยดี





ในที่สุดก็เดินไปถึงสถานีกระเช้าขึ้นภูเขานัมซาน ค่ากระเช้าไปกลับ 8,500 วอน







ขึ้นกระเช้าไปถึงข้างบน





ก็เดินขึ้นเขาต่ออีกแบปนึง ระหว่างทางก็มีที่คล้องแม่กุญแจคู่รัก







เมื่อถึงข้างบนก็ซื้อตั๋วเพื่อขึ้นชมวิว N Seoul Tower ต่อ คนละ 10,000 วอน





ชมวิวด้านบน





ลูกกวาดน่ากินจัง







ได้เวลาขึ้นกระเช้าลงเขา เอ๊ะ สรุปจะขึ้นหรือลง





โซล ทาวเวอร์เริ่มเปิดไฟแล้ว





เสร็จแล้วลงลิฟต์กระเช้าต่อ เดินกลับโรงแรม ยังไม่หายอิ่มเลย ซื้อของมินิมาร์ทไว้เผื่อหิว



Create Date : 10 มีนาคม 2559
Last Update : 10 มีนาคม 2559 18:12:01 น.
Counter : 1603 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Mickeytae
Location :
กรุงเทพ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 12 คน [?]



มีนาคม 2559

 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31