|
|
|
|
|
|
|
|
|
| 1 | 2 |
3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 |
10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 |
17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 |
24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 |
31 | |
|
|
|
|
|
15 สิงหาคม 2551 |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
Layer of epidermis
เมื่อเซลล์ผิวหนังมีการเปลี่ยนแปลงและเคลื่อนตัวออกมา ชั้นบนเรื่อยๆ ทำให้สามารถแบ่ง epidermis ออกเป็นชั้นต่างๆ โดยแต่ละชั้นก็จะมี keratinocytes ที่อยู่ใน ระยะต่างๆ ของการเปลี่ยนแปลง Epidermis จะแบ่งออกเป็น 4 หรือ 5 ชั้น ดังนี้
1. Basal Cell Layer or Stratum germinativum ( 1 Layer )
-ชั้นนี้จะอยู่ชั้นล่างสุด ติดกับ basement membrane -ประกอบไปด้วยเซลล์ที่เรียงตัวกันชั้นเดียว ที่ชื่อว่า basal cells ซึ่งเป็น germinative cell ก่อให้เกิดการพัฒนาและการแบ่งตัวเพิ่มจำนวน ซึ่งระหว่างเซลล์ Basal ประมาณ 7 ตัว จะมีเซลล์ Melanocytes 1 ตัว basal cell แบ่งตัวให้กำเนิด keratonocytes และเคลื่อนที่มาชั้นบน กลายเป็นชั้นที่มีชื่อเรียกว่า Stratum spinosum ต่อไป
2 Germinative Layer ( Prickle cell layer or Stratum spinosum ) ( 10-13 Layers )
-ประกอบไปด้วย keratinocyte ที่มีรูปร่างขนาดใหญ่ หลายเหลี่ยม คล้ายมีหนามยื่นออกมาจากผิวเซลล์ (spine) เซลล์ในชั้นนี้มีหนามแหลมยื่นออกจากตัวเซลล์ จึงเรียกเซลล์ในชั้นนี้ว่า prickle cell -ชั้นนี้ได้ชื่อตามรูปร่าง ของเซลล์ มีการสร้าง organelles ชนิดใหม่ที่เรียกว่า lamella granules หรือ membrane-coating granules (MCG) กระจายอยู่ทั่วไป
3. Granular Layer or Stratum granulosum ( 2-3 Layers )
-ชั้นนี้ได้ชื่อตามลักษณะของเซลล์ คือ granular cells -เป็นเซลล์ที่มีรูปร่างค่อนข้างแบน ภายใน cytoplasm บรรจุด้วย keratohyaline granules ซึ่งประกอบไปด้วยโปรตีน Profilaggrin keratin filament Loricrin ทั้ง filaggrine keratin filament และ cornefied cell envelope จะรวมเป็นโครงสร้างที่แข็งแรงของ keratin (ขี้ไคล) -จะเห็นได้ว่า keratohyaline granules เป็นโครงสร้างที่มีความสำคัญ หากเกิดความผิดปกติขึ้น หรือ ว่าหายไป ก็จะทำให้เกิดโรคต่างๆ ในกลุ่มโรค ichthyosis -เมื่อเซลล์เคลื่อนตัวและเปลี่ยนแปลงมาจนถึงตำแหน่งรอยต่อระหว่าง granular cell กับ corneocyte เซลล์ก็จะเปลี่ยนกลายเป็น corneocytes ในชั้น Stratum corneum
4. Cornifiled Layer ( Horny Layer or Stratum corneum) ( 10-20 Layers )
-ชั้นนี้ประกอบ ด้วยเซลล์ที่ชื่อว่า corneocyte ซึ่งเปลี่ยนมาจาก granular cell -ภายใน cell ไม่มี organelles ชนิดใด ยกเว้น keratin ที่สมบูรณ์ แล้ว (mature keratin) เซลล์ ในชั้นนี้จะมีขนาดใหญ่ที่สุดใน epidermis -เซลล์ในชั้นนี้มีหน้าที่ปกป้องผิวจากภยันตรายภายนอก (Mechanical protection), ป้องกันการสูญเสียน้ำไปจากผิวหนัง (Barrier to water loss) และเป็นด่านผ่านทางของยาหรือสารต่างๆ จากภายนอก -ในชั้นนี้ Desmosome ซี่งเป็นตัวยึดระหว่างเซลล์จะเริ่มถูกทำลาย ทำให้แต่ละเซลล์แยกจากกันเริ่ม ขบวนการที่เรียกว่า Desquamation คือ การลอกหลุดของ corneocytes ออกไปเป็นขี้ไคล (keratin) -ถ้าหาก ขบวนการ Desquamation ผิดปกติ ก็จะทำให้เกิดโรคในกลุ่ม ichthyosis
-ชั้น Stratum corneum นี้จะมีความหนาบางแตกต่างกันในแต่ละบริเวณของร่างกาย Thick skin คือ ผิวหนังที่มีชั้น epidermis หนา โดยเฉพาะstratum corneum พบบริเวณฝ่ามือฝ่าเท้า ซึ่ง thick skin นี้จะไม่มี ขน รูขุมขน และกล้ามเนื้อ Arrector pili muscles (ยึดอยู่ระหว่างต่อมขนและ papillary layer ของหนังแท้ ) แต่จะมีต่อมเหงื่อ eccrine sweat glands เป็นจำนวนมาก Thin skin คือ ผิวหนังที่มีชั้น epidermis บาง พบได้ทั่วร่างกาย ยกเว้น บริเวณฝ่ามือฝ่าเท้า ซึ่งผิวหนัง ชนิดนี้จะมี skin derivatives ทุกชนิด คือ รูขุมขน ต่อมไขมัน ต่อมเหงื่อ และต่อม Apocrine sweat gland
-Thick skin นั้น จะมีชั้น Stratum lucidum เพิ่มขึ้นมาอีก 1 ชั้น ซึ่งชั้นนี้ จะไม่พบใน Thin skin ทั่วๆ ไป
5. Stratum lucidum
-เป็นชั้นบางๆ แทรกอยู่ระหว่างชั้น granular cell layers และ stratum corneum พบเฉพาะบริเวณฝ่ามือฝ่าเท้าเท่านั้น (Thick skin) -สาร glycolipid ที่อยู่ใน MCG ถูกปล่อยออกมาอยู่ระหว่างเซลล์มากกว่าบริเวณอื่น จึงเห็นเป็นชั้นนี้ขึ้น ซึ่งชั้นนี้จะไม่พบในผิวหนังบริเวณทั่วๆ ไป (Thin skin)
Create Date : 15 สิงหาคม 2551 |
|
3 comments |
Last Update : 15 สิงหาคม 2551 15:52:51 น. |
Counter : 6777 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: dent swu IP: 61.90.5.39 20 มิถุนายน 2552 23:36:58 น. |
|
|
|
| |
โดย: จรินยา IP: 192.168.1.192, 118.173.135.224 26 กรกฎาคม 2553 12:56:42 น. |
|
|
|
| |
โดย: รุ่งโรจน์ IP: 118.174.161.189 22 มีนาคม 2554 17:15:44 น. |
|
|
|
| |
|
|
|
|
|
|
|
|
ที่ให้ความรู้