โฮสย้อนยุคที่เกียวโต (ต่อ)
งานของบ้านนี้เริ่มตั้งแต่ตื่นมาช่วยในครัวจริงๆก็ไม่ได้ทำอะไรมากหรอก อาจจะช่วยหั่นของ จัดอาหารใส่จาน ตั้งโต๊ะแต่หน้าที่สำคัญคือช่วยเลี้ยงลูก ลูกคนเล็กเขายังไม่ขวบนึงปกติโนริซังจะต้องผูกติดใส่หลังตลอดเวลาทำกับข้าวหรือทำงานบ้าน จริงๆ จะต้องช่วยเขาแบกฟืนจากข้างนอกมาใช้ทำกับข้าวด้วยแต่ช่วงที่ไปอยู่ซาโวซังเขาทำเองทุกเช้า เขาเคยบอกเหมือนกันว่าเราต้องทำแต่ตื่นมาเขาก็ทำหมดแล้วทุกที ไม่ได้ตื่นสายนะ ตื่นตามเวลานัดเป๊ะแต่เขาตื่นเช้ากว่า ที่เก็บฟืนอยู่หลังบ้าน ติดกับแปลงผัก ใครอยากใช้ชีวิตญี่ปุ่นแบบสมัยก่อนต้องมาที่นี่เลยค่ะเตาทำกับข้าวยังเป็นแบบใช้ฟืน เวลาจะเร่งไฟให้แรงต้องใช้ท่อนไม้ไผ่เป่าเข้าไปที่เตา เหมือนเรื่องอิ๊คคิวซังเลยค่า บ้านนี้เขารักธรรมชาติมาก อยู่ที่นี่ไม่กี่วันไม่ได้ซักผ้าเลยเหงื่อไม่ออกไม่เหม็นบอกตัวเองว่างั้น แหะๆ แต่ก็เห็นเขาตากผ้าในบ้านนะแขวนเต็มเพดานไปหมด แต่สงสัยว่าต้องซักมือแหงๆ ไม่เห็นเครื่องซักผ้า งานล้างจานเป็นอีกงานที่ทรมานในหน้าหนาวแน่นอนว่าก๊อกน้ำที่นี่มีแต่น้ำเย็น ไม่มีน้ำอุ่น หนาวมือมากๆ พวกคราบไขมันเขาก็ใช้วิธีใช้น้ำร้อนลวก น้ำยาล้างจานไม่มีใช้สกอตไบร์ทขูดเอากับสบู่หรืออะไรซักอย่างนี่แหละ ไม่แน่ใจมันเป็นก้อนขาวๆ ล้างทีไร รู้สึกไม่สะอาดทุกทีเพราะเราติดล้างจานจะต้องมีฟองเยอะๆซาโวซังบอกว่าฟองเยอะก็ต้องใช้น้ำเยอะตามไปด้วย เปลืองทรัพยากรธรรมชาติแถมสารเคมีก็ยังลงไปปนกับน้ำหรือดินอีก ถึงมีระบบบำบัด แต่ยังไงมันก็มีตกค้าง ที่สุดของบ้านนี้ต้องยกให้ส้วมค่ะเคยอ่านมาบ้างเรื่องส้วมสมัยก่อนของญี่ปุ่นจะอยู่นอกบ้านเหมือนบ้านนอกของไทยสมัยก่อน อันนี้ไม่เท่าไหร่ แต่กลางคืนนี่น่ากลัวเหมือนกันนะยิ่งอากาศหนาวแบบนี้ด้วย ทนถึงเช้าไม่ไหว ต้องลุกขึ้นมาเข้าห้องน้ำคนเดียวตี 2 ตี3 ข้างนอกไม่มีไฟเลย มืดตื๋อ ต้องเดินคลำทางมืดๆไปจนถึงห้องน้ำถึงจะเจอสวิทซ์ไฟน่ากลัวอะ ตอนเด็กๆเวลาไปบ้านยายก็มีส้วมนอกบ้านแบบนี้แต่บ้านยายบรรยากาศน่ากลัวว่านี้เยอะ แถมยังเจอประสบการณ์สยองด้วยตอนลุกมาเข้าห้องน้ำกลางดึก ห้องน้ำจะอยู่มุมขวาสุดของบ้านค่ะ แต่ที่ต้องยกให้เป็นที่สุด ไม่ใช่เรื่องมันอยู่นอกบ้านหรือมืดแต่เพราะมันเหมือนส้วมหลุมบ้านเรา ดีหน่อยที่เขามีฝาปิดฝามันจะเป็นบานพับเหมือนประตู พออุนจิลงไปปุ๊บมันก็ดันให้ฝาเปิด เพระมันโบราณเลยต้องใช้น้ำราดแต่น้ำราดก็ต้องใช้น้อยๆค่ะ เขาบอกว่าราดนิดหน่อยแค่ไม่ให้มีกลิ่นพอไม่งั้นเดี๋ยวส้วมเต็มเร็ว อยู่ที่นี่อึดอัดกับส้วมที่สุด น้ำขวดที่เห็นในรูปนั่นใช้ได้เกือบอาทิตย์เชียวนะคะ สำหรับคนใช้ 3 คน ทำธุระเสร็จแล้วถ้าเลอะเทอะก็เอาทิชชู่พันไม้ไผ่ที่เขาเตรียมไว้แล้วเช็ดให้สะอาดไม่มีการใช้สารเคมีค่ะ เพราะฉะนั้นจงเล็งให้แม่น จะได้ไม่ต้องเช็ด ห้องอาบน้ำก็เป็นแบบโบราณใช้ถ่านอีกเหมือนกัน เครื่องนี้จะอยู่หน้าห้องน้ำพอถึงเวลาอาบน้ำ โนริซังก็จะติดถ่านจนน้ำร้อนจัดแบบนี้มันจะควบคุมอุณหภูมิอย่างที่ต้องการไม่ได้เขาจะมีเทอร์โมมิเตอร์ไว้วัดความร้อนแทน แต่ส่วนใหญ่น้ำจะร้อนเกินต้องผสมน้ำเย็นเอาให้ได้อุณหภูมิที่พอเหมาะ เรื่องห้องอาบน้ำนี่แต่ละบ้านก็จะมีระเบียบต่างกันซึ่งเขาจะค่อนข้างซีเรียส ไปอยู่บ้านใครก็ทำตามกฏเขาให้ดีนะคะไม่งั้นเขาจะบ่นตามหลังเอา
ที่ฉันเลือกบ้านนี้ก็เพราะเห็นว่าเขาไม่ได้ทำสวนหรือเลี้ยงสัตว์เป็นอาชีพนั่นก็คือไม่ต้องออกไปทำงานข้างนอกตลอดเวลา กลัวหนาว แต่สรุปแล้วอยู่ในบ้านกับนอกบ้านหนาวไม่ต่างกันเล้ยยยยและที่ซาโวซังเขาเลือกรับฉันก็เพราะเขาจะไม่อยู่บ้าน 2 วันเลยอยากได้คนมาช่วยดูลูกช่วยเมียในช่วงที่เขาไม่อยู่ ฉันเขียนในจดหมายไปว่าเคยทำงานโรงเรียนอนุบาลเขาเลยรับ ช่วงนั้นมีคนไทยจะมาพักอีก 2 คน แต่เขาไม่รับ หลังจากที่ฉันมาอยู่แล้ววันรุ่งขึ้นซาโวซังก็ขับรถไปงานแสดงภาพของเขาอีกเมืองนึง ฉันเลยต้องอยู่กับโนริซังและลูกๆเขาทิ้งงานให้ทำก่อนไป คือแกะถั่วที่ตากแห้งไว้ เพื่อเก็บไว้ทำมิโซะ ที่นี่ทำงานวันละ 6 ชม. เบรคช่วงละครึ่งชม.ช่วงเช้าและบ่าย แต่เบรคที่นี่มีแค่ชากับขนมซองเล็ก บางทีก็ผลไม้แห้งไม่อิ่มเลยค่า หิวมากๆ ต้องไปเอาเสบียงที่ตุนไว้มากินเพิ่ม แต่เสบียงที่มีก็ไม่มากเพราะไม่นึกว่ามันจะกันดารขนาดนี้ เลยต้องวางแผนการกินให้ดี ซาโวซังเห็นว่าฉันขี้หนาวเลยเตรียมพื้นที่ทำงานไว้ให้ในบ้านแต่..บอกแล้วว่าในบ้านกับนอกบ้านมันหนาวเท่ากัน ทนนั่งหนาวแกะถั่วไปซักพัก ไม่ไหวแฮะขออพยพเข้ามาทำงานในห้องรับแขก เลยขนถั่วมานั่งแกะด้านในแต่ต้องหาพลาสติกมารองพื้นให้ดี กันผงจากถั่วทำให้คันได้ เพราะยูจัง คลานไปทั่ว นั่งแกะถั่ว 2 วันเต็ม ขอบอกว่า....เมื่อยมากกกกก 2วันผ่านไปแกะถั่วได้เป็นกิโล วันแรกนั่งแกะในห้องรับแขก อุ่นกว่าที่อื่นมีเบาะทำความอุ่นแบบเสียบไฟฟ้าให้นั่งด้วย วันที่ 2 มีแดด ไปนั่งแกะหน้าบ้าน อากาศดีเงียบสงบ ทำงานเพลินเชียว ไม่หนาวเลย นั่งตากแดดแกะถั่ว ฟังเพลงเพลินๆ หน้าตาถั่วที่แกะแล้ว วันที่ 3 ซาโวซัง กลับมาแล้ว เราก็ยังแกะถั่วกันต่อ แต่อากาศโอเคอยู่มีแดดเลยไปยืนแกะกันนอกบ้าน เขาเล่าให้ฟังว่าตอนแรกบ้านแม่เขาเป็นโฮสของวูฟมาประมาณ 4ปี ตัวเขาเองเพิ่งเริ่มเป็นได้แค่ปีเดียว คุยกันเรื่องงานว่าแกะถั่วแบบนี้ทุกวันน่าเบื่อเนอะเขาบอกว่าตอนนี้มีผู้หญิงฝรั่งเศสมาอยู่กับแม่เขา 3 เดือนแล้ว ทุกวันต้องนั่งเลือกเม็ดข้าวทิ้งฟังแล้วน่าเบื่อกว่าแกะถั่วเยอะเลย นี่เราควรจะดีใจใช่ไหมเนี่ย แต่น่าสนใจอย่างหนึ่งเขาบอกว่าช่วงปีใหม่แม่เขาก็ยังรับวูฟไว้ส่วนใหญ่เขาจะไม่ค่อยรับกันเพราะอยากฉลองกันเฉพาะในครอบครัว ให้เป็นเวลาส่วนตัวปีใหม่ญี่ปุ่นเขาจะทำอาหารเป็นพิเศษ อยากไปลองอยู่ด้วยแล้วลองทำดูบ้างแต่เขาบอกว่าอากาศที่นั่นหนาวกว่าที่นี่อีก เพราะอยู่ในหุบเขาพับโครงการเก็บเลยแบบนี้ แค่นี้ก็หนาวจะแย่แล้ว หน้าบ้านที่เราใช้ทำงานกัน เอาโต๊ะมาตั้งแล้ว ยืนตากแดดแกะถั่วกันคุยเพลินๆ ก็ไม่น่าเบื่อ ข้างบ้านยังมีถั่วแห้ง ตากไว้อีกเพียบแกะหมดนี่ทำมิโซะเก็บไว้กินได้เป็นปีเลยนะ แต่ไม่นะ ของานอย่างอื่นทำบ้างเถอะพลีสสสส ดูเหมือนเสียงบ่นในใจฉัน จะดังไปถึงซาโวซัง วันที่ 4เขาเลยให้ช่วยวาดรูปในการ์ดปีใหม่ที่ญี่ปุ่นเขาจะมีธรรมเนียมการส่งการ์ดอวยพรปีใหม่ที่เรียกว่า ねんがじょうเนนกะโจ ให้ญาติพี่น้อง เพื่อนฝูงและด้วยความที่เขาเป็นศิลปิน การ์ดจะซื้อเอาแล้วพิมพ์ดาดๆไม่ได้ มันไม่ติสท์มันต้องมีจิตวิญญาณแฝงอยู่ในนั้น (นึกภาพอาจารย์เฉลิมชัยไปด้วยแล้วจะได้อารมณ์) ซาโวซังเขาวาดรูปตัวอย่างให้ แล้วให้ฉันวาดตามหลังจากนั้นเขาจะไปวาดเพิ่มแล้วเขียนคำอวยพรด้วยพู่กัน ส่วนที่ฉันต้องวาดจะใช้พู่กันและสีน้ำ วาดเป็นวงกลม 4 วงเป็นการ์ตูนง่ายๆรูปคนทำท่ายกมือไหว้แทนสมาชิกครอบครัวเขาทั้ง 4 ต้องวาดวงกลมหนึ่งวงหนึ่งสี แล้วตากให้แห้งแล้วค่อยเอามาวาดต่อจนครบ 4 วง เวลา 2 วัน วาดไปได้เกือบ 200 ใบจริงๆต้องวาดอีกหลายร้อย แต่เขาไม่มีเวลาเลยต้องเลือกแต่คนสำคัญแล้วส่งให้ทันก่อนวันปีใหม่ โต๊ะนี้เป็นโต๊ะวาดรูปของฉันจะเห็นตัวอย่างการ์ดวางอยู่ด้านซ้ายมือ งานนี้เพลินดีเหมือนกันไม่ได้ไช้สีน้ำมาตั้งแต่เรียนมัธยม ก็สนุกดี แถมห้องนี้อุ่นด้วยไม่ทรมาน วันสุดท้ายงานอีกอย่างที่ได้ทำคือเก็บบ๊วยที่ดองได้ที่แล้วจากไหใหญ่ใส่ขวดโหล ซาโวซังเขาทำบ๊วยเองบ้านนี้กินบ๊วยกับข้าวเช้ากันทุกวัน เขาเล่าว่ามันต้านมะเร็งได้ตอนเหตุการณ์โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่เชอร์โนบิลรั่วญี่ปุ่นก็ให้ความรู้เรื่องนี้กับชาวรัสเซียไป บ๊วยที่ดองได้ที่แล้ว มีเยอะมาก ไม่ได้มีแค่บ๊วยเท่านั้น มีของดองอื่นๆด้วย วันคริสต์มาสอีฟฉันกับฮีจัง ลูกสาวเขาทำขนมปังขิงกันออกมาเป็นขนมปังขิงประหลาด เพราะส่วนผสมมีไม่ครบ ก็เอาเท่าที่มีนั่นแหละทำออกมาแข็งโป๊กเลย แต่ก็พอกินได้นะ หรือเพราะไม่มีอะไรกินเลยต้องกินก็ไม่รู้ คืนวันคริสต์มาสเป็นคืนสุดท้ายที่จะพักบ้านนี้ อาหารคืนวันเลี้ยงส่งค่ะ ในถ้วยนั่นคือซุปปลาจากนอร์เวย์ปกติจะใส่ปลาแซลมอน แต่ที่นี่ไม่มีก็เป็นซุปล้วนๆ นมไม่มีก็ใช้น้ำเปล่าแทน ส่วนข้าวในจานนั่นเขาบอกว่าเป็นข้าวปั้นอย่างนึง จำชื่อไม่ได้แล้วเป็นข้าวปั้นที่ไม่ได้ปั้น (แล้วมันจะเรียกข้าวปั้นได้ไหมเนี่ย) คืนนั้นซาโวซังเอาอุเมฉุ (เหล้าพลัม) ที่เขาทำเองออกมาดื่มกันด้วย อร่อยดีหวานดื่มง่าย และเมาง่าย เลยดื่มไปแค่ถ้วยเดียว วัฒนธรรมอีกอย่างของญี่ปุ่นที่เห็นก็คือเวลากินข้าวในบ้านเขาจะมีจานและตะเกียบประจำของตัวเองและมีที่นั่งประจำตำแหน่ง ตอนไปอยู่ที่นั่น ฉันมีหน้าที่ช่วยจัดโต๊ะก็ต้องจำว่าตะเกียบอันไหนเป็นของใครใครนั่งตรงไหน แต่บ้านนี้จานชามใช้ปนกันยกเว้นตะเกียบที่แบ่งบางบ้านจะแยกหมดทุกอย่างค่ะ ฮีจังกับอาหารเลี้ยงส่ง ตัวแค่นี้แต่ช่วยแม่ทำกับข้าว จัดโต๊ะได้นะคะเก่งมากๆ แต่น่ากลัวตรงเขายอมให้เด็กใช้มีดหั่นผักนี่แหละโนริซังบอกว่าฮีจังได้ของขวัญเป็นมีดทำครัวตอนวันเกิด วันกลับหิมะก็ยังตกอย่างต่อเนื่องลุ้นแทบแย่ว่ารถเขาจะขับออกจากบ้านได้หรือเปล่า หิมะหนาเป็นฟุตต้องไปช่วยกันโกยหิมะทิ้งก่อน ถึงจะออกจากบ้านกันได้ ซาโวซังกับครอบครัวขับมาส่งที่สถานีรถไฟเล็กๆที่ไม่ไกลจากบ้านมากไม่ใช่สถานี Fukushiyama อย่างตอนขามา อันนั้นขับไปเกือบชม.เขามายืนโบกมือส่งจนรถไฟแล่นออกจากสถานีเลยอันนี้รู้สึกจะเป็นวัฒนธรรมญี่ปุ่นเหมือนกัน ไปอีกบ้านนึงก็เจอแบบนี้ หลังจากออกจากบ้านนี้แล้ว ฉันนั่งรถไฟช้าไปเที่ยวโอซาก้าอีก 10 วันอยู่ฉลองปีใหม่ที่นั่น ก่อนกลับไทย จริงๆอยากกลับก่อนแต่ตั๋วมันแพงเลยต้องรอไปหลังปีใหม่ กลับมาวูฟอีกทีตอนเดือนพฤษภาปี 55 เดือนนี้อากาศดีสุดๆชอบมาก ไม่ร้อนมากกำลังเย็นสบาย ติดตามเรื่องวูฟที่ Izu กับ Nagano คราวหน้าค่ะ
Create Date : 18 ธันวาคม 2556 |
|
3 comments |
Last Update : 18 ธันวาคม 2556 10:23:12 น. |
Counter : 1538 Pageviews. |
|
|
|