Hiroshima-Fukuoka trip

เป็นทริปเมื่อ April 2007 นะค่ะ ก็เมื่อประมาณ 2 ปี่ผ่านมาแล้ว
เป็นการเดินทางออกนอกประเทศครั้งแรกด้วย ตื่นเต้นเหมือนกันค่ะ
ตอนนั้นที่บริษัทยังเหลือกินเหลือใช้อยู่ ก็เลยพาลูกน้องที่น่ารักไปเที่ยวญี่ปุ่น
เอาหล่ะพร้อมจะออกเดินทางกันหรือยังค่ะ
ถ้าพร้อมแล้ว check in กันเลยดีกว่าค่ะ ตามมาเลย
และแล้วเราก็ถึงแล้วค่ะ Hiroshima i'm coming
เวลาในขณะนี้คือ 7 นาฬิกา อากาศเย็นมากค่ะ
หลังจากรับกระเป๋ารีบร้อยแล้วก็นั่งรถ coach เข้าสู่ตัวเมืองฮิโรชิมา กันเลยดีกว่า


เข้าอุโมงค์แล้ววววว

หลังจากนั้นประมาณครึ่งชั่วโมงก็ถึงตัวเมือง เอากระเป๋าไปเก็บไปที่โรงแรมเรียบร้อยแล้ว


ต้นซากุระต้นแรกในชีวิตของดิฉัน โอ้พระเจ้า!!!

เอาล่ะ หลังจากหายตื่นเต้นกับต้นซากุระแล้วก็เดินต่อไปยังสถานีรถไฟค่ะ
เราจะไป เกาะ Miyajima ค่ะ


รถไฟมาแล้วค่ะ เรามี JRpass สามารถใช้ได้ทั้งรถไฟ รถราง รถเมล์ รถชินคันเซ็น คุ้มสุดๆ


ตัวรถไฟก็ไม่ได้ใหม่นะ แต่สะอาดดี


คล้ายกับรถไฟฟ้าบ้านเราค่ะ


ถึงแล้วค่ะ หาประตูทางออกก่อนนะ


เอ๊ะ เขาดูอะไรกันอ่ะ แผนที่ดีๆ นี้เอง
รู้แล้วจะทำไรต่อไป กินข้าวเที่ยงซิค่ะพี่น้อง หิวจะแย่


ที่นี้จะมีกวางเต็มไปหมดเลยค่ะ


เขาให้อาหารกวางกันด้วย
เดี๋ยวคนไปหาไรกินมั่งดีกว่า แต่ไม่มีรูปให้ดูหรอกนะค่ะหิวจัด


ที่นี้เป็น shopping street ของ miyajima

ก็หาข้าวทานตามร้านแถวนี้ ค่ะร้านน่ารักดี อาหารก็ดีค่ะ แต่ออกไปทางหวานนิดหน่อย
อิ่มแล้วววว เดินทางต่อดีกว่า
ระหว่างที่เดินๆ อยู่นั้นก็เห็นขบวนงานแต่งงานค่ะ แหมโรแมนติกจริงๆ เลยค่ะ


เขาเป็นคนเดินนำรถของเจ้าบ่าว-เจ้าสาวค่ะ ร่มแดงได้ใจมากกก


เจ้าบ่าว-เจ้าสาว นั่งรถโดยมีคนเข็นแบบสมัยโบราณเลยค่ะ


กิโมโนสวยมาก ๆ เลยค่ะ

หันกลับไปทางทะเลมั่งดีกว่า เจอแล้วตัวเป็น ๆ ของ Itsukushima Shrine's torii gate


ต้นไม้กำลังผลิใบพอดีเลยค่ะ


เอกลักษณ์อีกอันของญี่ปุ่นก็คือหลังคา สีส้มอมแดง


เดินไปตามทางก็เห็นรั้วตามแบบฉบับญี่ปุ่นอีกแล้ว


เราจะไป Mt.Misen กันนะเป็นภูเขาสูง ๆ เอาไว้ดูวิว ซึ่งเราจะใช้ ropeway ขึ้นไป
แต่กว่าจะถึงสถานีของ ropeway ก็เดินเหนื่อยเอาการเหมือนกันนะเนี้ยะ


วิวข้างทางเดิน น้ำใส ไหลเย็นเห็นตัวปลา ต้นไม้ผลิใบ


ropeway จะพาเราไปบน Mt.Misen


ในที่สุดก็ถึงแล้ว ต้องเดินขึ้นบันไดมาอีก


shi shi i wa (Lion Rock) observation


ถ่ายรูปไว้เป็นหลักฐานหน่อยดีกว่า


ได้เวลาลงไปข้างล่างแล้วทุกคน


เห็นลานซากุระ อดใจไม่ไหว แวะถ่ายรูปกันก่อน จะรีบไปไหน จะรีบไปไหน


ไม่รู้ว่าเป็นบ้าน หรือรีสอร์ท แต่บรรยากาศเงียบมาก ๆ


อันนี้น่าจะเป็นศาลเจ้า

หลังจากนี้ก็เดินทางกลับโรงแรม เหนื่อยสุดๆ สำหรับวันแรก
แวะหาข้าวกินที่ห้างที่สถานีรถไฟ โรงแรมที่นี้ขนาดกระทัดรัด ห้องน้ำเล็ก ๆ
โถฉี่มีที่ปรับน้ำอุ่น ด้วยสมแล้วที่เป็นญี่ปุ่น ใส่ใจทุกรายละเอียดจริงๆ
นอนดีกว่า เหนื่อย เหนื่อย เหนื่อย!!!

6 โมงแล้วตื่น ตื่น ตื่น ไปอาบน้ำได้แล้ววว
วันนี้เราจะไป Atomic bomb นั่งรถ coach ไปกัน
ลงจากรถแล้วต้องออกแรงเดินไปอีกหน่อย ได้เห็นชีวิตของคนที่นี้ก็ดีไปอีกแบบ
พวกเราเดินผ่านสวนสาธารณะ ทุกอย่างดูร่มรื่น สดชื่นจังเลย

มีเรือจอดให้คลองด้วย


Peace Clock Tower


A Bomb Dome

อันนี้ของจริงค่ะ สภาพตามที่นี้เลย หลังจากโดย A bomb เรื่องราวเศร้าใจมาก
เดินไปอีกหน่อยก็จะถึงแล้วค่ะ Hiroshima Peace Memorail Museum
ด้านในก็จัดแสดงได้ดีมาก ทั้งรูปถ่าย โมเดล แสง สี เสียง รู้สึกสะเทือนใจอย่างมาก


จักรยานคันนี้ เป็นของขวัญวันเกิดที่เจ้าของไม่มีโอกาสได้ขี่อีกแล้ว

ออกมากตัว museum แล้วมาดูด้านนอกกันบ้าง

ชอบสีของคุณป้าค่ะ แดงได้อีกไหมเนี้ยะ


Cenotaph for the A-bomb Victims
(Memorial Monument for Hiroshima, City of Peace)


Children's Peace Monument.


Sadako and the Thousand Paper Cranes

ยังจำเรื่องของ Sadako sasaki ได้ไหมค่ะ เธอเป็น Leukemia จะเหตุการณ์ครั้งนั้น
ระหว่างที่เธอรักษาตัว เป็นเวลาหลายปี เธอหวังว่าถ้าเธอพับนกได้ครบ 1000 ตัว เธอจะสามารถขอพรได้
แต่น่าเศร้าที่เธอพับนกได้เพียง 644 แล้วเธอก็เสียชีวิตลง
หลังจากสะเทือนใจอย่างหาที่สุดไม่ได้ พวกเราตัดสินใจเดินออกมาจากที่แห่งนั้น
ด้วยความสงบและความอาลัย และกลับสู่โลกแห่งความเป็นจริง
next destination ของเราคือ Hiroshima castle


มีพระมายืนเหมือนบ้านเราเลย

ถึงแล้วค่ะท่านผู้ชม Horoshima castle


มีสระน้ำล้อมรอบค่ะ

มีปลาคราฟตัวใหญ่มาก ๆ เลยนะค่ะในสระหน่ะค่ะ ก็มีคนมาให้อาหารด้วย
เดี๋ยวข้ามสะพานเข้าสู่ปราสาทกันดีกว่าค่ะ


เข้ามาในรั้วแล้วค่ะ

ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าทำไมถึงไม่ถ่ายรูปในตัวอาคารมาด้วยนะเรา
อาจะเป็นเพราะ เหนื่อย ขี้เกียจ ร้อน ก็เลยไม่ถ่ายรูปแล้วซะง้าน
จำไม่ได้แล้วอ่ะว่าทำไม มันนานจัด


โคมไฟญี่ปุ่นของจริง

เดี๋ยวต้องกลับโรงแรมกันแล้วหล่ะค่ะ เพราะว่าวันนี้เราจะอยู่ที่ hiroshima วันสุดท้าย
เดี๋ยวจะไป Fukuoka กันค่ะบ่ายวันนี้ เก็บกระเป๋าเร็ววววว
มาถึงสถานีรถไฟก็จัดการไปซื้อข้าวกล่อง ไปทานบนรถกันค่ะ
ข้าวกล่องน่ารักเหมือนที่เราเห็นใน TV เลยค่ะ แต่ว่าหวานไปอีกแล้ว


ชินคันเซ็น มาแล้วว รถหัวเป็ด
ข้างในรถไฟหัวเป็ด ดีมากๆ เลยค่ะ ถ้าเมืองไทยมีแบบนี้บ้างก็คงจะดีไม่น้อย


วิวสองข้างทางเป็นทุ่งนา มีบ้านเรือนบางส่วน

และแล้วในเวลาไม่นานเราก็มาถึง Fukuoka กันค่ะ เมืองนี้ใหญ่กว่า Hiroshima
ที่สถานนีรถไฟก็เป็นคล้ายกับห้างขายของ มีทั้งอาหาร เสื้อผ้า กระเป๋า
ผู้หญิงที่นี้แต่งตัวเก่งค่ะ แต่ไม่หลุดโลกนะค่ะที่เมืองนี้
ออกจากสถานีรถไฟก็เดินไปโรงแรมกันค่ะ ไมไกลจากนี้นัก
เก็บของเรียบร้อยแล้วเราจะไป Miyajidake Shrine กันค่ะ
เป็นวัดหรือศาลเจ้าอะไรประมาณนี้แหละค่ะ
เราเดินทางโดยรถไฟค่ะ มาถึงก็บ่ายแก่ ๆ แล้วค่ะ บ้านเมืองสะอาดเรียบร้อย
มีร้านขายขนมสองข้างทาง ร้านตกแต่งเก๋ไก๋ ตามสไตส์ Zen ค่ะ


มาถึงแล้วแล้ววววว


ต้องล้างมือก่อนเข้าวัดนะค่ะ


ด้านหลังของดิฉันเป็นซุ้มทางเข้าค่ะ แดงจริง ๆ

ใช้เวลาอยู่ในนี้ได้สักพัก เดินจนทั่ว เหนื่อยอีกแล้วค่ะ
ออกไปหาขนมกินกันดีกว่า


ร้านนี้ก็น่าเข้านะเนี้ยะ

เดินไปอีกหน่อยก็เจอร้านขายขนมเขาเชิญ เข้าไปชมสวนด้านในด้วยค่ะ
ใจดีมาก ๆ เลยค่ะ ต้นไม้เยอะมาก เอารูปบ้านมาฝากค่ะ


บ้าน style ญี่ปุ่นค่ะ

ออกจากบ้านหลังนี้ก็มุ่งหน้ากลับที่พักเพราะเย็นมากแล้วววว

ย่ำค่ำที่สถานีรถไฟ Fukuoka

เดินกลับโรงแรม แวะหาอะไรกินก่อนเข้าโรงแรม วันนี้ออาหารอร่อยดี
อิ อิ มีความสุข รีบกลับไปนอนดีกว่า พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้าอีกแล้ววววว
และแล้วเวลานอนก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว แอบตื่นสายนิดหน่อย
เกือบโดนเจ้านายกินหัว แต่ก็รอดตัวเพราะมีคนสายกว่า ha ha ha
หลังจากรวมตัวกันเรียบร้อย ก็ไปสถานีรถไฟกันอีกแล้ว วันนี้จะพาไปเที่ยว
Huis ten bosch มันเป็นเมืองจำลองมาจาก Holland สวยมาก ไปกันเลย
หลังจากลงรถไฟได้ก็เดินเข้าไปกันเลย เขามีเรือล่องแม่น้ำชมเมืองด้วย
บรรยากาศมันเหมือนเวนิส (เคยเห็นในรูปอ่ะ)เลย สวยมาก ๆ ตึกริมน้ำ


กังหันลม

เอาหล่ะครบรอบแล้วว ขึ้นฝั่งได้แล้ว ก็จะเป็นเมืองท่า สวยงามตามระเบียบกันไป เห็น Tower สูงเชียว มันเป็นจุดชมวิวของที่นี้


Tower


บรรยากาศตึกริมคลอง

แล้วก็จัดการเดินไปต่อแถวขึ้นลิฟท์กับชาวบ้านเขา คนเยอะมาก ๆ แต่ไหนๆ ก็มาแล้ว
ขึ้นไปดูสักหน่อยดีกว่า เดี๋ยวจะมาไม่ถึง ถึงแล้ว ลิฟท์เร็วได้ใจดีจริง


สวยจริง ๆ ไม่ขึ้นมาจะเสียใจอย่างแรง


ท่าจอดเรือ yacht


ถ่ายรูปหน่อยดิ

หลังจากนี้ก็เดินเรื่อยเปื่อย หาไรกินอีกแล้ว มีร้านค้ามากมาย
เสียดายน่าจะมีเวลามากกว่านี้หน่อย มีทุ่งทิวลิปด้วยนะ ให้เด็ดเอากลับบ้านได้ด้วย
แต่เราไมได้เอาอ่ะ ไม่รู้จะเอาไปทำไม


รอรถไฟกลับเข้าในเมือง

เย็นนี้เราไปที่ตลาดในตัวเมืองกันด้วย มีโอกาสได้ shopping แล้ววดีใจจังเลย
แต่ที่ขึ้นชื่อของที่นี้คือร้านค้าใต้ดินค่ะ ดิฉันไม่มีโอกาสได้สัมผัสหรอกค่ะ เพื่อนๆ ทุกคนลงไปดูกันหมด อาศัยดูรูปกะชาวบ้านเขาเอาค่ะ
ความจริงมั่วแต่ shopping บนห้างเพลินหน่ะค่ะ มันน่านักเชียว!!!!
หลังจากนั้นก็กินข้าวกินปลา กลับเข้าโรงแรมนอน

เช้ามาอีกวัน เราจะไป Kagoshima กันไปดู Sakurajimi Volcano


สวยไหมค่ะข้างในรถไฟญี่ปุ่น


ขอถ่ายรูปหน่อยแล้วกันนะ

ลงจากรถไฟก็ไปนั่งรถเมล์ต่อเลยละกัน


ตั๋วรถเมล์ ใหญ่ยักษ์ได้ใจจริง


นอกหน้าต่างรถเมล์

หลังจากถึงที่หมายแล้ว เราก็ต้องเดินเท้าเข้าไปที่โรงแรม Castle park Hotel
ไม่ได้ไปพักโรงแรมนะค่ะ แค่จะไปยืนดูวิวภูเขาไฟหน่อยเดียวเอง เขาไม่หวงค่ะ
แต่วันนี้โชคไม่ค่อยดี เฆมหมอกเยอะมาก มองไม่ค่อยเห็น ได้มาแค่นี้หล่ะค่ะ


Sakurajima Volcano


ต้นไม้เยอะทำให้สดชื่นจริง ๆ เลย

ลงจากเขากันดีกว่า ทางลงยิ่งกว่าทางขึ้นอีกค่ะ ความจริงก็ทางเดียวกันเนี้ยะแหละ
แต่ทางมันชันมาก แล้วโค้งเยอะมาก เกือบเอาชีวิตไม่รอดเหมือนกัน
แต่ในที่สุดก็รอดชีวิต และลงจากรถเมล์มาได้


รั้วต้นไม้ที่หน้าสวน Iso-teien garden


form ต้นไม้แปลกตาดี

หลังจากนั้นก็เข้าไปเที่ยวในสวน Iso-teien garden
พิพิธภัณฑ์ ที่อยู่ตรงกันข้ามคือ Shko Shuseikan museum
ปกติแล้วที่สวนแห่งนี้จะมองเห็น Sakurajima Volcano ในวันที่อากาศดี
เสร็จแล้วก็นั่งรถเมล์ ต่อรถรางไป เราจะไปกันที่ Kumamoto castle


รถราง รถราง

ลงรถ เดินต่อไปอีกหน่อย


คลองน้ำนิ่งมาก


ปิกนิคใต้ต้นซากุระ


Kumamoto castle

ข้างในยังคงแบบเดิมๆ ไว้อยู่เลยนะค่ะ สูงมากต้องเดินขึ้นบันไดไปเรื่อย ๆ
เมื่อยที่สุด กลับจากปราสาทก็เตรียมตัว check out ไปสนามบินด้วยรถไฟ



เป็น trip ที่ได้เที่ยวเยอะมาก แต่ก็เหนื่อยมาก เหมือนกัน แต่คุ้มค่าเหนื่อยค่ะ
เจอกัน trip หน้านะค่ะ

Create Date : 11 มิถุนายน 2552		16 comments
Last Update : 22 มกราคม 2553 10:45:15 น.
Counter : 2143 Pageviews.
Share Tweet