|
|
|
|
|
| 1 | 2 | 3 | 4 |
5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 |
12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 |
19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 |
26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
|
Bell's Palsy อัมพาตครึ่งหน้า
มาเล่าประสบการณ์เกี่ยวกับเบลล์พาซี่ Bells Palsy อัมพาตครึ่งหน้าที่ไปเขียนไว้ใน blog หนึ่งสำหรับคนที่เพิ่งเริ่มมาเป็นแล้วก็ท้อถอย เกรงว่าจะไม่หาย ใครนึกไม่ออกมาโรคนี้คืออะไร ก็คือโรคที่คุณโอ อนุชิต ดาราคนหนึ่งเป็นช่วงปี 2553 นี้แหละครับ
ที่นำมาเขียนลงในบล็อกเพราะโอกาสของการเกิดอาการแบบนี้มีได้ถึง 1 ใน 500 คน เป็นได้ตั้งแต่เด็กยันผู้ใหญ่ แต่โอกาสเป็นซ้ำสองจะน้อยมาก ไม่ต้องกังวลว่าเป็นแล้วจะไม่หาย
สาเหตุของโรคยังไม่เป็นที่แน่นอน แต่หมอจะอธิบายว่าติดเชื้อไวรัสทำให้ประสาทคู่ที่ 7 ซึ่งทำหน้าที่เกี่ยวกับการควบคุมอวัยวะของหน้าอักเสบ ถ้าโดนโจมตีด้านขวาหน้าด้านขวาและประสาทการรับรส (เพราะลิ้นจะเหมือนกับแข็งหรือหนาขึ้น) ก็จะชา พอหน้าครึ่งหนึ่งไม่เคลื่อนไหว จะทำให้เวลาพูดคุยกับคนอื่น ๆ ก็จะเห็นว่าผู้ที่เป็นเบลล์นี้หน้าเบี้ยว ปากเบี้ยว
ถ้าเป็นเมื่อไรให้รีบไปหาหมอทางประสาทวิทยาทันที ก็ได้ยาเพนนิซิโลน (สเตรียรอยด์) กินสองสัปดาห์ แล้วก็ทำกายภาพทุกวันครับ หรือให้มากวันที่สุดเท่าที่จะทำได้
บางคนจะหายเร็วมากสัปดาห์เดียวก็กลับมาเกือบเป็นปกติ บางคนอาจใช้เวลาสองสามอาทิตย์หรือสองสามเดือน กว่าอาการทั้งหลายจะกลับคืนมาเป็นปกติ
ถ้าใครเป็นก็รีบไปพบแพทย์ครับ หมั่นทำกายภาพ กลับบ้านมาออกกำลังกล้ามเนื้อเพิ่ม (ถามวิธีจากคนทำกายภาพ) ถ้ามี hot pad (แผ่นประคบร้อนแบบใช้ไฟฟ้า หาซื้อได้ตามร้านขายอุปกรณ์การแพทย์หรือพยาบาลทั่วไป) ก็ประคบร้อนเพิ่ม ถ้าไม่มีก็ใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำร้อนหรือใช้ถุงร้อน (แบบที่เหมือนกระติกน้ำทำจากยาง เติมน้ำร้อนแล้วเอาผ้าขนหนูหุ้มก่อนเอามาประคบที่หน้า)
เรื่องการออกกำลังกล้ามเนื้อเพิ่มเติมเองที่บ้าน
ถึงเราจะไปทำกายภาพกับนักกายภาพแต่ควรกลับมาทำเองบ่อย ๆ ที่บ้านด้วย การออกกำลังให้สอบถามนักกายภาพว่าควรทำอะไรบ้าง ดังนั้นก็ขอบอกเพื่อเป็นการทบทวนสำหรับท่านที่ไม่ได้สอบถามนักกายภาพมาหรือถามไว้แล้วก็ลืมไป
สิ่งที่สำคัญคือ (สอบถามจากหมอมา) คือระยะสามสัปดาห์แรกการกระตุ้นด้วยไฟฟ้าจะมีส่วนช่วยให้ฟื้นฟูได้ดี แต่หลังจากนั้นการออกกำลังกล้ามเนื้อมีความสำคัญมาก วิธีการออกกำลังก็คือการพยายามให้กล้ามเนื้อได้ทำงาน ส่วนที่ควรออกกำลังก็คือทุกส่วนอาทิ
1. คิ้ว ก็พยายามยักคิ้วขึ้นไปให้ได้มากที่สุด ถ้าเป็นใหม่ ๆ ยักไม่ค่อยขึ้นก็ไม่ต้องตกใจ เป็นเรื่องปกติ ใหม่ ๆ ให้เอานิ้วนางก็ได้ช่วยปัดคิ้วขึ้นไปด้านหน้าผาก เป็นการช่วยเหลือกล้ามเนื้อในช่วงแรก ยักคิ้วขึ้นนับ 1/2/3...จนถึงสิบ ให้ใช้นิ้วมือปัดคิ้วขึ้น
2. การหลับตา พยายามหลับตาให้สนิท ใหม่ ๆ ก็เหมือนคิ้ว คืออย่าตกใจถ้าทำไม่ได้ เมื่อพยายามหลับตา ใช้นิ้วมือช่วยก็ได้ ทำได้สองแบบคือ 2.1 ใช้นิ้วเดียว ปัดหนังตาบนเบา ๆ (ย้ำ เบา ๆ และควรล้างมือก่อนทำ) เมื่อเราพยายามหลับตา ปัดลงนะครับ คราวนี้ไม่ใช่ปัดขึ้น นับ 1/2/3....10 ใช้นิ้วมือปัดหนังตาบนเบา ๆ 2.2 อาจใช้สองนิ้ว (เช่นนิ้วหัวแม่มือ เอาวางไว้หนังตาล่าง กับนิ้วชี้ เอาไว้หนังตาบน) เมื่อพยายามหลับตา ก็ใช้ทั้งสองนิ้วแตะเปลือกตาบนและล่างอย่างเบา ๆ เหมือนพยายามใช้นิ้วมือทั้งสองช่วยปิดตา ขยับนิ้วมือทั้งสองไปทั้งดวงตา จากหัวตาไปหางตา นับ1/2/3/...10 ต่อครั้ง (set)
ต่อครั้งถ้าไม่เหนื่อยหรือล้าก็ทำให้ได้ 10 set แต่ถ้าเหนื่อยหรือล้าก็ทำแค่ 5 set ก็พอ
3. กล้ามเนื้อส่วนอื่น ๆ เช่น ขมวดคิ้ว (ทำโดยการเพ่งลูกนัยตา) นับ 1/2/3/..10 ทำ 5 เซ็ทหรือ 10 เซ็ท อาจใช้นิ้ว (เช่นนิ้วชี้ปัดหัวคิ้ว เช่นเป็นด้านขวาของใบหน้า ขมวดคิ้วก็ใช้นิ้วชี้ขวาปัดหัวคิ้วขวา (ปัดขึ้นไปทางหน้าผาก) อย่างเบามือ
4. ย่นจมูก ก็เหมือนกับสามข้อข้างต้น
5. แก้ม บริหารด้วยการพยายามฉีกยิ้ม (ยิ้มเห็นฟัน) พยายามยกแก้มขึ้นไป แยกเขี้ยวแยกฟัน ใหม่ ๆ อาจใช้นิ้วปัดแก้มข้างที่ยกไม่ขึ้น ปัดขึ้นนะครับ คอยปัดนิ้วมื้อขึ้นตลอดเวลาที่นับ 1/2/3...10 ทำ 5 เซ็ท/10 เซ็ท
6. ยิ้มแบบปิดปาก (ไม่ให้เห็นฟัน) พยายามยิ้มแบบไม่ให้เห็นฟัน นับ 1/2/3../10
7. ทำปากจู๋ นักกายภาพบางทีเรียกทำปากจุ๊บ ๆ ค่ะ (5555 น่ารักดี) พยายามจินตนาการว่าเรากำลังยกปากของเราให้ขึ้นหรือยื่นออกมาให้ได้สูงที่สุด มากที่สุด ใหม่ ๆ อาจใช้นิ้วสองนิ้ว (โป้งกับชี้) คอยลูบริมฝีปากขณะที่ยกปากขึ้น
8. ทำปากเบะ (คือทำปากห้อย ดึงริมฝึปากล่างลงให้ได้มากที่สุด) เหมือนทุกข้อข้างบน ทำเป็นเซ็ท ใหม่ ๆ อาจใช้นิ้วช่วยปัด (อันนี้ปัดลง) ปัดใบหน้าด้านล่างของริมฝีปากล่างลง
9. ทำกระพุ้งแก้มโป่งเหมือนอมลมไว้ทำทั้งสองข้าง ทั้งด้านที่เป็นและไม่เป็น ถ้ากระพุ้งแพงโป่งเป็นลูกโป่งใบเล็ก ๆ ได้แล้วก็พยายามฝึกย้ายลมไปฝั่งซ้ายบ้างขวาบ้าง ใหม่ ๆ ได้ลูกโป่งใบเล็กนิดเดียวก็ไม่เป็นไร หรือลมรั่วจากริมฝีปากก็ไม่เป็นไร อย่าเพิ่งเสียกำลังใจ
สำหรับการออกกำลังทุกอันที่เราใช้นิ้วมือช่วยปัด หรือช่วยพยุงกล้ามเนื้อ กรุณาปัดกล้ามเบา ๆ ครับ ทำแรงมากหน้าช้ำได้ครับ
****สำคัญนะครับ ต้องพยายามทำ เบื่อก็ต้องครับ*****
ถ้าล้า ทำเสร็จก็พักนิดหน่อยก่อนทำท่าอื่นครับ หลังออกกำลังที่ใบหน้าเสร็จควรนวดผ่อนคลายด้วยครับ วิธีนวดก็ถาม จนท. ที่ทำกายภาพให้เรา หลัก ๆ ก็คือนวดผ่อนคลายกล้ามเนื้อ และให้กล้ามเนื้อส่วนที่เราไม่ได้ออกกำลังได้มีการเคลื่อนไหว
หลังนวดหน้าเสร็จก็ประคบ hot pad หน่อย (ถ้ามี) ระวังอย่าเผลอหลับถ้าใช้ hot pad ไฟฟ้าครับ หน้าอาจไหม้ได้ อย่าให้เกิน 15/20 นาที
ถือเป็นทุกข์ลาภก็แล้วกัน ถ้าเป็นโรคนี้แล้วหน้าจะเด็กลง : ) เพราะเราต้องออกกำลังกล้ามเนื้อหน้าหลาย ๆ ส่วน ทำให้กล้ามเนื้อหน้าแข็งแรง แก่ช้าลงโดยปริยาย
เรื่องยาหยอดตาที่ควรจะมีหากตายังไม่ปิดสนิทดี ก็ขอคุณหมอที่ไปรักษา โดยทั่วไปหมอจะแนะนำยาหยอดตา (ประมาณน้ำตาเทียม) ให้ใช้ในระหว่างวันเพื่อป้องกันไม่ให้ตาแห้ง ตาแห้งนี่ต้องระวังเพราะถ้ากระจกตาแห้งแล้วเราไปขยี้ตาอาจทำให้กระจกเป็นแผล จะกลายเป็นเรื่องใหญ่ ยาหยอดตาที่เป็น้ำตาเทียมข้อด้อยคือต้องใช้บ่อย สำหรับผมไปหมอจักษุแพทย์เพิ่มเติมนอกเหนือจากหมอทางประสาทวิทยา หมอสั่งยาหยอดตายี่ห้อ Alcon Systane มาให้ บอกว่าดีกว่าน้ำตาเทียมเพราะจะอยู่ได้นานกว่า
นอกจากยาหยอดตา ถ้าตายังปิดไม่สนิทควรใช้ยาป้ายตาก่อนนอน ก็ลองถามจากหมอที่เราไปหา ของผมยาป้ายตาหลอดแรกที่หมอให้มาปรากฏว่าใช้แล้วแสบและเคืองตามากต้องล้างออกหลังจากป้ายไปได้สักสองสามนาที ก็เลยไปซื้อหาเองที่ร้านขายยา ได้ยี่ห้อ Alcon Duratears มาใช้ ใช้ดูก็ดีไม่แสบตา แต่เหนียวเนอะก็ต้องใช้กันไปครับ
ข้อความระวังในการใช้ยาหยอดตา และยาป้ายตาก็คือ อย่าให้ปากขวด หรือปากหลอดโดนตา หรือพื้นผิวอื่น ๆ เพื่อหลีกเลี่ยงการติดเชื้อโรคที่ไม่สะอาดจากพื้นผิวเหล่านั้น
หมายเหตุ: blog ต้นเรื่องที่ผมไปเขียน comment ไว้ และนำเฉพาะ comment ฉบับปรับปรุงมาลงไว้ ณ ที่นี้ //www.bloggang.com/viewblog.php?id=sriphat&date=24-11-2005&group=8&gblog=25 ลองอ่านความคิดเห็นของท่านอื่น ๆ ดูครับ
ข้อแนะนำทั่วไปสำหรับเรื่องสุขภาพก็คืออย่านอนดึก เลิกบุหรี่ เลิกเหล้าถ้าเป็นคนดื่มเหล้าและสุบบุหรี่ ออกกำลังสม่ำเสมอ กินอาหารครบสามมื้อ ทางการแพทย์แผนจีน (หมอฝังเข็มที่ผมไปฝังเข็มด้วย) แนะนำว่าอาหารมื้อเช้าก็คาร์โบไฮเดรดมากหน่อย มื้อเที่ยงก็เน้นโปรตีน มื้อเย็นก็อาจกินแนวอาหารตะวันตกเช่น สลัด แล้วก็ "อย่าเครียด" เรื่องอาหารเช้าท่าทางจะจำเป็น เคยอ่านในเว็บหนึ่งเรื่องเกี่ยวกับสมองฝ่อ บอกไว้ว่าไม่ควรงดมื้อเช้าเหมือนกัน
เขียน ๆ มาเรื่องสิ่งที่ควรทำกับสิ่งที่ควรงด บางอย่างยังทำไม่ได้เหมือนกันครับ
Create Date : 29 ธันวาคม 2553 |
|
9 comments |
Last Update : 22 มกราคม 2554 0:47:00 น. |
Counter : 4534 Pageviews. |
|
|
|
|
โดย: FON IP: 180.180.100.138 วันที่: 18 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:21:12:24 น. |
|
โดย: พรรณเชษฐ์ IP: 223.207.181.89 วันที่: 14 มิถุนายน 2554 เวลา:10:28:58 น. |
|
โดย: chaliz IP: 58.11.44.3 วันที่: 23 กันยายน 2554 เวลา:11:09:17 น. |
|
โดย: BB IP: 119.46.131.221 วันที่: 14 มกราคม 2555 เวลา:13:46:32 น. |
|
โดย: elenote วันที่: 1 พฤษภาคม 2555 เวลา:12:37:17 น. |
|
โดย: kim IP: 49.230.103.14 วันที่: 29 พฤษภาคม 2558 เวลา:10:06:34 น. |
|
โดย: elf IP: 203.144.144.162 วันที่: 12 มิถุนายน 2558 เวลา:13:52:24 น. |
|
โดย: อ้อม IP: 49.230.148.36 วันที่: 30 มิถุนายน 2558 เวลา:23:33:46 น. |
|
โดย: อ้อ IP: 182.52.57.39 วันที่: 31 สิงหาคม 2558 เวลา:13:01:01 น. |
|
| |
|
elenote |
|
|
|
|