เล่าประวัติกึ่งส่วนตัวคร่าวๆ
หลังจากเรียนจบป.โทเคมีด้วยใจที่ไม่รักในงานราชการ/งานอาจารย์ ถึงจะจบป.โทก็ไม่ใช่เด็กวิชาการน่ะค่ะหลั่นล้าไปเรื่อย ใจจริงรักงานธุรกิจ ไม่อยากทำงานลูกจ้าง [ถ้าเป็นช่วงหนึ่งของชีวิตก็โอเค แต่บอกกับตัวเองว่า ต้องไม่ใช่ตลอดชีวิต] LadyBell อย่างที่บอก ขอเปลี่ยนเป็นเบลล์ ดีกว่านะคะ หลังจากเรียนจบป.โทเคมี เบลล์เลยสมัครทำงานเป็นวิศกรโรงงานยอมสตาร์ทเงินเดือนเท่าป.ตรีเลย ก็เรามันจบใหม่ ไม่มีประสบการณ์แถมเป็นผู้หญิงอีก..ยังงัยก็ทำไปก่อน 5 ปีเต็มกับการทำงานตรงนั้น งานสนุกนะ ได้ทำงานทั้งเชิงเอกสาร เนียบมาก ทุกวันนี้ยังเซฟข้อมูลไว้ในคอมอยู่เลย และคุมคนอีกเป็นร้อย ภูมใจเล็กๆ ค่ะ.....แต่กระนั้น งานนี้ไม่ใช่ความปรารถนาที่แท้จริงของเรา ยอมรับว่าทำเพื่อเงินไปวันๆ และเอาประสบการณ์ชีวิตเรื่องการปฏิสัมพันธ์กับสังคมเท่านั้น เงินเดือนงวดสุดท้าย ประมาณ 30,000 บาท ลาออกเมื่อ 3 ปีที่แล้ว...โดยส่วนตัวเป็นคนที่อยากมีธุรกิจแต่เพราะไม่เคยมีประสบการณ์ด้านนี้เลย และอยากไปเที่ยวต่างประเทศด้วย ทำไงดีล่ะ ความคิดนี้วนอยู่ในหัวตั้งแต่อายุ 20 แล้วค่ะ หลังจากที่สามีคนไทยเสียชีวิตกระทันหันเมื่อ6 ปีก่อน(มีลูกด้วยกันด้วยค่ะ ตอนนี้ อายุ 9 ขวบแล้ว) ตอนนั้นช็อคมากแต่ก็รู้ว่าเราจะเสียใจได้ไม่นาน เพราะเรามีลูกที่ต้องดูแล ฝากหลานไว้กับยายเรามีหน้าที่หาเงินส่งเสียเลี้ยงดู เอาล่ะค่ะพอเรารู้แล้วว่าเราต้องเริ่มต้นใหม่ ต้องเลือกใหม่อีกครั้ง เอ๊ะ!! เราอยากมีธุรกิจอยากไปเที่ยวนอกเอเชีย แถมเป็นแม่หม้ายลูกติดอีก...เลยตั้งใจคบหาดูใจชาวต่างชาติ (กึ่งตั้งใจ กึ่งบังเอิญค่ะ) ...โอโห ทุกอย่างมันยากกว่าที่คิด ทั้งเชื้อชาติศาสนา นิสัย ความเป็นอยู่ ภาษา อยากมากเลยค่ะกว่าจะผ่านมาได้ถึงวันนี้ แต่ไม่ต้องกลัวค่ะ เรามากับความจริงใจ ซื่อสัตย์ เรื่องความรวยค่อยว่ากันทีหลัง แค่มีเงินหมุนใช้จ่ายคล่องมือก็พอแล้วค่ะ ร่วมกันสร้างฐานะได้ภายหลัง เพราะเราไม่ต้องการเจอคู่แบบคบกันแป๊บเดียว แล้วก็เลิกรา หรือตายจากกันไปอีก มันเจ็บปวด การเริ่มต้นใหม่บ่อยๆ มันก็ไม่ไหวนะ...แต่ยอมรับว่า ชาวต่างชาติมีแง่คิดหลายๆอย่างที่โดนใจค่ะ...เลือกทางไม่ผิด...5 ปีแล้วค่ะ ที่คบหาดูใจ และสุดท้ายก็จดทะเบียนสมรสเป็นสามีภรรยาโดยไม่มีงานเลี้ยงฉลองใดๆ สามีฝากเงินไปให้แม่เล็กน้อยตามประเพณี ถือว่าโอเคที่สุดในแบบของเราค่ะ เราตั้งใจจะไม่มีลูกด้วยกัน ต่างคนต่างมีลูกของตัวเอง เราเลยวัยของการเลี้ยงเด็กอ่อนแล้ว รอไว้เลี้ยงหลานทีเดียวเลยค่ะ.... ถึงตอนนี้ เบลล์เพียงแค่อยากจะบอกว่าเราทุกคนสามารถลิขิตชีวิตตัวเองได้นะคะ ถ้าคุณไม่กลัวการเปลี่ยนแปลงมันไม่ใช่การลิขิต 100% แต่เป็นการวางโครงชีวิตส่วนรายละเอียดคุณจะเจอ เรียนรู้ ปรับปรุงไปเอง...สำคัญเราต้องมีความเป็นตัวของตัวเอง โดยต้องอยู่บนพื้นฐานของคุณธรรม ยอมรับการแก้ไขจุดบกพร่อง สมองไว้คิดด้านธุรกิจการงาน ส่วนด้านครอบครัว และสังคมควรใช้หัวใจที่ไร้อคติเป็นเครื่องวัดว่าสิ่งไหนควรทำ ไม่ควรทำ......อยากให้ทุกๆ คนคิดบวก ยามสุข ก็ไม่หลงกับความสุขมากเกินไป และในขณะเดียวกัน ยามทุกข์ก็ไม่หลงไปกับความทุกข์มากเกินไปเช่นกันค่ะ.... ขอจบ Blog ดราม่า ไว้แค่นี้นะคะ....หลังจากนี้จะเขียนเกี่ยวกับอะไรที่ไม่ซีเรียส...โชคดีค่ะ
Create Date : 27 มกราคม 2556 |
Last Update : 27 มกราคม 2556 13:07:29 น. |
|
3 comments
|
Counter : 1047 Pageviews. |
|
|