หลังจากเที่ยวท่าแขกแล้ว วันรุ่งขึ้นเราไปไหว้พระที่ธาตุพนมกันค่ะ

จากนั้นก็กลับมาล่องเรือที่แม่น้ำโขง ชมพระอาทิตย์ตกดินจากกลางแม่น้ำ

แม้อากาศร้อน แต่วิวริมโขงจากร้านอาหาร ทั้งสองร้านที่เข้าไปงามจับใจจริง ๆ ^^

7 โมงเช้า แต่แดดแรงมาก จนเหมือน 10 โมง แอร์ในห้องช่วยไม่ค่อยได้ จนต้องไปขอพัดลมมาช่วยอีกแรง 

แม้จะตื่นเช้า แต่กว่าจะออกจากที่พักก็ 10 โมงเช้าไปแล้ว 

วิวริมแม่น้ำสวยอีกเช่นเคย เราชอบมองภูเขาที่ฝั่งลาวที่ยาวเป็นทิวจนเหมือนภาพวาด  

เราเคยมาเที่ยวนครพนมช่วงหน้าหนาว แต่มองแทบไม่เห็นภูเขาเลย 

นับเป็นข้อดีของอากาศร้อนที่ทำให้เห็นภูเขาอย่างแจ่มชัด

ตอนนี้ที่ริมน้ำกำลังทำการก่อสร้าง ว่าไปแล้วเราเห็นเค้าเริ่มก่อสร้างตั้งแต่มาเที่ยวนครพนมครั้งแรก

ผ่านมาเกือบสองปียังทำไม่เสร็จเลย

ตรงทางเดินมีแม่ค้าขับรถผลไม้จอดอยู่ มองไปมีทุเรียน ลองกอง มังคุด และเงาะ วางขาย

เราเลยแวะซื้อมังคุดกับเงาะ 3 โล 100 บาท ... 

จากนั้นนั่งสกายแล็ปไปร้านชมจันทร์ เพื่อกินมื้อเช้า แต่ร้านนี้เปิดตอนเย็น 555 งง...แต่เช้าเลยเรา

เราเลยบอกให้รถสกายแล็ปไปส่งที่ร้านเรือนริมน้ำ แต่ร้านเปิด 11 โมง โห ต้องนั่งรอเกือบชั่วโมง

เราจีงเลือกเดินไปหาร้านอื่นแทน ระหว่างเดินสามีเห็นร้านผัดไทย เลยบอกลองกินดูมั้ย ?

ถ้ามองจากหน้าร้าน ร้านผัดไทยนี้ดูเก่า ๆ จริง ๆ ในร้านยังขายอาหารตามสั่งอีกด้วย

หลังจากเราเดินเข้าไปในร้านเพื่อเลือกที่นั่ง เจ้าของร้านบอก "ไปนั่งริมน้ำก็ได้นะครับ"

อ้าววว มีที่นั่งริมน้ำด้วย สวยค่ะ  นี่ถ้าไม่เข้ามาไม่รู้เลยว่าร้านนี้จะมีวิวสวยขนาดนี้

เราสั่งผัดไทยกับยำเม็ดมะม่วง แต่กินแล้วเฉย ๆ ค่ะ

อิ่มแล้วก็เรียกสกายแล็ปไปที่บขส. ค่ารถคนละ 30 บาท

จากนั้นนั่งรถตู้ไปธาตุพนม รถตู้คันนี้มี Wifi ด้วย แถมประตูรถยังเปิดปิดอัตโนม้ติอีก

เห็นแล้วเลยถามคนขับรถตู้ว่า "เดี๋ยวนี้รถตู้ที่นครพนมมี Wifi ให้คนนั่งทุกคันหรือเปล่าค่ะ"

คนขับบอก "มีเฉพาะคันของผมคันเดียวครับ"

นั่งแล้วชอบค่ะ อยากให้รถตู้ทุกคันมี Wifi แบบนี้จัง

รถตู้วิ่งไป 1 ชม ก็มาถึงธาตุพนมแล้วค่ะ

สามีแอบบ่น ทำไมมาไหว้พระตอนบ่ายโมง เพราะร้อนจนเดินแทบไม่ได้

เพราะในส่วนที่ตั้งของพระธาตุพนมนั้นต้องถอดรองเท้าเดิน

จากที่ต้องเดินเวียนรอบพระธาตุ คุณสามีร้อนจนแค่เข้าไปไหว้พระธาตุเท่านั้น

ครั้งแรกที่มานครพนมเราก็ออกจะงง ๆ กับ พระธาตุพนม เพราะคิดว่าอยู่ในตัวเมืองนครพนม

แต่จริง ๆ แล้ว พระธาตุพนม อยู่ที่ อ.ธาตุพนม ซึ่งอยู่ห่างจาก อ.เมือง หลายสิบโล

14.44 น. เราพาคุณสามีไปร้านลาบเป็ด ซึ่งอยู่ริมน้ำ

ร้านนี้วิวสวยค่ะ แถมอาหารก็อร่อย แนะนำค่ะ ^_^

คุณสามีสั่งลาบเป็ด กับส้มตำ และข้าวเหนียว มากิน มื้อนี้หมดไป 170 บาท

ส่วนเราไม่ได้กินเลยค่ะ แต่ก็ถามคุณสามีว่ารสชาติเป็นอย่างไร 

เธอบอกว่า "อร่อย" 

อิ่มแล้วก็ไปนั่งรอรถตู้ที่หน้าพระธาตุพนม เพื่อไปตัวเมือง 

เย็นนี้เราตั้งใจไปล่องเรือที่แม่น้ำ ซึ่งมาทุกครั้งเรามักจะมาล่องเรือทุกครั้ง

เพราะชอบบรรยากาศ แถมราคาล่องเรือยังถูกอีก แค่คนละ 50 บาท

ตรงที่ล่องเรือนี้ มี 2 เจ้า โดยเจ้าหลังเพิ่งเปิดกิจการหลังจากที่เรามาเที่ยวนครพนมครั้งที่ 2

ซึ่งเจ้าหลังนี้ราคาจะแพงกว่าเจ้าแรก รู้สึกจะมีอาหารขายด้วย แต่เราไม่เคยใช้บริการนะ

รถตู้วิ่งผ่านแถวริมน้ำ เราเลยแวะลงระหว่างทาง โดยไม่ต้องไปลงที่ท่ารถบขส.

มองดูนาฬิกาตอนนี้ห้าโมงกว่าแล้ว ซึ่งได้เวลาที่เรือออก เพราะเรือจะวิ่งตอน 5 โมงเย็น

แต่เท่าที่เราไปล่องเรือ เรือไม่ค่อยออกตรงเวลา เพราะจะรอลูกค้า

ซึ่งวันนี้กว่าเรือจะออกก็ห้าโมงครึ่งแล้ว

บนเรือมีขายน้ำ ขนม และลูกชิ้นทอด ... โดยเค้าขอความร่วมมืออย่านำขนมและน้ำมากินบนเรือ

และให้ลูกค้าช่วยสนับสนุนอาหารบนเรือ เพราะไกด์มีรายได้จากตรงนั้น

ซึ่งเราก็เห็นด้วยนะ เพราะไกด์มาทำงานให้ฟรี และมีรายได้จากค่าขายอาหารเท่านั้น

แถมอาหารที่ขายก็ไม่แพง อย่างลูกชิ้นทอดนี่ไม้ละ 10 บาทเอง

และถ้าใครได้มาล่องเรือก็ต้องชอบไกด์ท่านนี้ เพราะพูดจากตลก เป็นกันเอง

ล่องเรือเสร็จเราก็ไปกินน้ำผลไม้ปั่น แถวท่าเรือ

คราวนี้สั่งมา 2 แก้ว ทั้งน้ำแตงโม และน้ำสับปะรด ... ฮืมมม อร่อยทุกแก้วเลย

พูดแล้วน้ำลายไหลค่ะ ของเค้าอร่อยจริง

จากนั้นก็ไปตลาดโต้รุ่ง เพื่อกินแบ๋งก๋วนเจ้าประจำ 

และคราวนี้เราสังเกตเห็นว่าร้านค้าที่ตลาดโต้รุ่งมีเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วเยอะมาก

อิ่มอร่อยเสร็จแล้วก็นั่งสกายแล็ปกลับที่พัก ... ผ่านไป 2 วัน แล้ว เร็วจัง 

ข้อมูลเที่ยวนครพนม ครั้งแรก ดูได้ที่นี่เลยค่ะ

//pantip.com/topic/30661728